ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังร้อนแรงในประเทศไทย ด้วยอัตราการเติบโต 3-4 เท่าตัว รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากำลังไต่ระดับขึ้นเช่นเดียวกัน ตามเทรนด์รักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ปัญหาสำคัญ คือระบบรองรับทั้งแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จึงได้ขยายธุรกิจใหม่ที่เป็น New Frontier Business ในนามบริษัท วินโนหนี้ จำกัด (Winnonie) สตาร์ทอัพผู้พัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่พร้อมขยายธุรกิจก้าวสู่ผู้นำตลาด และเตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 3-5 ปีจากนี้
กลุ่มบริษัทบางจาก บริษัทน้ำมันของคนไทย ก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วยการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ในปี 2565 มุ่ง “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” พร้อมปิดดีลประวัติศาสตร์ด้วยการเข้าซื้อกิจการเอสโซ่ (ประเทศไทย) ด้วยมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ในปี 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว คาดแตะ 500,000 ล้านบาทในปีนี้
ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่ต้องการพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมสร้างวัฒนธรรมคนบางจาก “เป็นคนดี มีความรู้ เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น” บริษัท วินโนหนี้ จำกัด (Winnonie) สตาร์ทอัพในเครือบางจากจึงกำเนิดขึ้น
จุดเริ่มต้นของวินโนหนี้ เกิดจากการพัฒนาธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทบางจาก ที่ต้องการสร้างกลุ่มธุรกิจขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ๆ (New Frontier Business) โดยเฉพาะธุรกิจรถไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของบริษัทภายในปี 2593
ทีมผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานของบางจาก จึงนำนวัตกรรมพลังงานสีเขียวของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า มายกระดับคุณภาพของรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ โดยนำร่องพื้นที่รอบสำนักงานใหญ่และโรงกลั่นน้ำมันบางจาก และเป็นที่มาของชื่อ “วินโนหนี้” ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563
ลดภาระหนี้วิน สู่โอกาสธุรกิจใหม่
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ “Winnonie” ว่า เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมนวัตกรรมภายในองค์กรของกลุ่มบางจาก ชื่อโครงการ “The Intrapreneur – ปั้นคนในให้เป็นเถ้าแก่” เพื่อสนับสนุนให้พนักงานนำหลัก design thinking มาใช้ในการคิดแนวทางการทำธุรกิจใหม่ จัดขึ้นโดยสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจหรือ BiiC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนา และแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ และกิจกรรมงานวิจัยพัฒนา เพื่อใช้นวัตกรรมต่อยอดขยายธุรกิจพลังงานสีเขียวและธุรกิจด้านชีวภาพทั้งในและนอกประเทศ
กลุ่มพนักงานที่เป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ ได้ทำการศึกษาการประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตของผู้ประกอบการรถวินมอเตอร์ไซค์ในบริเวณพื้นที่รอบๆ สำนักงานใหญ่และโรงกลั่นน้ำมันบางจาก เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาคิดเป็นโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการของเขาเหล่านั้น พบว่า วินมอเตอร์ไซค์มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งกว่า 60% เป็นค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถและเชื้อเพลิง (น้ำมัน) ทำให้คิดว่าถ้าสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ให้กับพวกเขา ขณะเดียวกันยังช่วยดูแลโลกและสิ่งแวดล้อม เป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย
“วัตถุประสงค์หลักของ Winnonie คือช่วยลดภาระหนี้สินซึ่งถือเป็น pain point ของวินมอเตอร์ไซค์ ด้วยการนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาให้วินมอเตอร์ไซค์เช่า ลดภาระดอกเบี้ยทบต้นจำนวนมากจากการผ่อนรถที่ต้องซื้อมาประกอบอาชีพ รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง
“ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการใช้น้ำมันประมาณ 10 เท่า พร้อมการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ swapping เป็นรายแรกในประเทศไทย โดยสามารถนำแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนได้ที่ตู้สำหรับแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก”
วินโนหนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากวันเริ่มต้นดำเนินงานจนถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้งานกว่า 1,000 ราย ผ่านเครือข่ายสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติจำนวน 120 สถานี ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งถือเป็น Win-Win Solution ใน 3 ด้าน คือ ช่วยให้ชีวิตผู้ขับขี่วินมอเตอร์ไซค์ดีขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการเช่าใช้จักรยานยนต์ ประมาณเดือนละ 4,000 บาท หรือ 48,000 บาทต่อคนต่อปี รวม 48 ล้านบาทต่อปี และโลกดีขึ้น จากการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
“วินโนหนี้วิ่งใช้งานแล้วมากกว่า 42 ล้านกิโลเมตร ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไปประมาณ 2 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ยังช่วยลดมลภาวะทางอากาศ ลดการเกิดฝุ่น PM2.5 และมลภาวะทางเสียง และประเทศดีขึ้น จากการที่วินโนหนี้ พัฒนาโดยคนไทยในประเทศไทย ทำให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรม การพัฒนาคนและการสร้างงานในประเทศ” ชัยวัฒน์ระบุ
พร้อมขยายธุรกิจสร้างการเติบโต
ธุรกิจของวินโนหนี้ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และขยายธุรกิจแพลตฟอร์มรถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 เปิดระดมทุนระดับซีรีส์ A สำเร็จ ด้วยมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท หรือราว 2.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกลุ่มยิบอินซอย ผู้พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และกลุ่มไอ-มอเตอร์ ผู้ผลิต ประกอบ และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Winnonie อย่างรอบด้าน ทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยี โดยอาศัย Data เป็นหัวใจของการพัฒนาธุรกิจเพื่อวิเคราะห์ ออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการ และสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการและพร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องในอนาคต
ปลายปี 2566 ที่ผ่านมา วินโนหนี้ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มบีทีเอส โฮลดิ้งส์ (BTS) จัดตั้งบริษัทสมาร์ท อีวี ไบค์ จํากัด (Smart EV Bike Company Limited) โดย BTS ถือหุ้นในสัดส่วน 66.7% ส่วน บริษัท วินโนหนี้ จํากัด ถือหุ้น 33.3% การให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สําหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง (วินมอเตอร์ไซค์) ในบริเวณใกล้เคียงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ “Pinto” เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา พร้อมขยายธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
พรฤดี อุทารวุฒิพงศ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท วินโนหนี้ จำกัด หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งวินโนหนี้ กล่าวว่า ตลาดผู้ใช้รถจักรยานยนต์ขยายตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ มีประมาณ 8-10 ล้านคัน ถ้าทั่วประเทศมีประมาณ 20 ล้านคัน
ซึ่งในเฟสแรกจะเน้นให้บริการกับวินมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก โดยเฉพาะวินฯตามแนวรถไฟฟ้า เพื่อให้ผู้โดยสารบีทีเอสมีประสบการณ์การเดินทางแบบ First Mile to Last Mile ด้วยพลังงานสะอาด คือสามารถเดินทางออกจากบ้านจนถึงกลับเข้าบ้านด้วยการบริการขนส่งสาธารณะที่ใช้ไฟฟ้าตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่ผู้ให้บริการส่งสินค้าและอาหาร (ไรเดอร์) ที่มีจำนวน 4-5 แสนคันในกรุงเทพฯ
ล่าสุด วินโนหนี้ ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับบริษัท ช้อปปี้ฟู้ด จำกัด ชวนไรเดอร์ช้อปปี้ฟู้ดเปลี่ยนมาใช้บริการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าวินโนหนี้ พร้อมสถานีสับเปลี่ยนเเบตเตอรี่ฟรี เพื่อช่วยประหยัดค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง เเละช่วยลดวิกฤตปัญหาด้านมลพิษทางอากาศที่กำลังเกิดวิกฤตขึ้นทั่วโลก
“วันนี้ วินโนหนี้เตรียมพร้อมการระดมทุน Series B โดยมีเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือ Battery as a Service (Baas) สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมขยายสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ เพื่อรองรับความต้องการใช้งานของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด ส่งเสริมการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ และสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนผ่านประสบการณ์การขับที่วินโนหนี้ที่ดีต่อเราและต่อโลก” พรฤดีกล่าว
สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจของวินโนหนี้ คาดว่าจะเพิ่มจำนวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จากกว่า 1,000 รายและสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ 120 แห่ง ณ สิ้นปี 2566 เป็นผู้ใช้งาน 60,000 ราย และสถานี 3,000 แห่งในปี 2573 และคาดว่าจะมีรายได้ 50 ล้านบาทในปี 2567 เพิ่มจาก 30 ล้านบาทในปีที่แล้ว และภายใน 3-5 ปี มีแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศเพื่อขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : REVERSHARGER คาดรถอีวีปี 2567 พุ่ง 200,000 คัน หนุนรายได้โต 10 เท่า แตะ 1,200 ล้าน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine