เกริก ลีเกษม นำทัพ SE ติดสปีดความสำเร็จ 10X - Forbes Thailand

เกริก ลีเกษม นำทัพ SE ติดสปีดความสำเร็จ 10X

ความท้าทายเกิดขึ้นแบบคูณสองเมื่อถึงเวลาที่ “เกริก ลีเกษม” ก้าวขึ้นมานำทัพธุรกิจครอบครัวที่เติบโตมาอย่างดีให้วิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วและแรง ตามหลักคิดสานต่อความแกร่ง แสวงหา คว้าทุกโอกาส นำทางสู่ความมั่งคั่งและยั่งยืน


    ก้าวต่อของธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าและให้บริการสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับการวางฐานแข็งแกร่งมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยความสามารถในการปรับตัวและต่อยอดธุรกิจรับความเปลี่ยนแปลง พร้อมกับขยายฐานลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในมือกว่า 4,000 รายทั่วประเทศ ภายใต้วิสัยทัศน์ “สรรหาความเป็นเลิศให้อุตสาหกรรม เพื่อผู้มีส่วนได้เสียทุกคน”

    ในปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระบบปั๊ม ซึ่งมีเทคโนโลยีควบคุมการปล่อยพลังงานสิ้นเปลืองในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล อาคารสูง และโครงการบริหารจัดการน้ำของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งให้คำปรึกษาและส่งมอบโซลูชันโดยทีมวิศวกร รวมถึงการติดตั้งจากช่างผู้เชี่ยวชาญ

    นอกจากนั้นบริษัทยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์การจัดการกระบวนการผลิตและระบบท่อ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนักที่ต้องใช้ท่อที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมีและความร้อนสูง อุปกรณ์ป้องกันการรั่วซึม การส่งมอบโซลูชันเกี่ยวกับการบำบัดมลพิษทางอากาศ รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุนวัตกรรม ซึ่งมุ่งเน้นการช่วยลูกค้าลดต้นทุนระยะยาว เช่น วัสดุเคลือบผิว อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม อุปกรณ์ชีวอนามัยในอุตสาหกรรม

    ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจงานบริการ ซึ่งให้บริการ preventive maintenance เช็กคุณภาพปั๊มและซ่อมบำรุงด้วยระบบ boost energy optimization (BEO) เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสม่ำเสมอและช่วยลูกค้าลดต้นทุนทางธุรกิจ พร้อมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สาธารณูปโภคและพลังงาน โดยให้บริการด้านการบริหารจัดการพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ การบริหารจัดการพลังงาน ให้คำปรึกษา ซึ่งครอบคลุมถึงการออกแบบ ติดตั้ง การบำรุงรักษา การขอใบอนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเป็นผู้ลงทุนจัดการพลังงานให้ภาครัฐและเอกชน

    “ผมกระหายในความสำเร็จและการได้รับการยอมรับโดยเฉพาะจากคุณพ่อคุณแม่ ในวันที่ท่านบอกว่าเก่งมากกับการพาธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตไปได้อย่างมั่งคั่งและมั่นคง” เกริก ลีเกษม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามอีสต์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SE ผู้บริหารรุ่นใหม่เจเนอเรชันที่ 2 ของครอบครัวลีเกษมกล่าวถึงความมุ่งมั่นที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย จากสไตล์การทำงานที่ให้ความสำคัญกับการวางแผน กำหนดเป้าหมาย และทุ่มเททุกความตั้งใจที่จะพาธุรกิจไปให้ถึงจุดที่วางแผนไว้

    “ตอนนี้ยังไม่ต้องตอบว่าต้องการทำธุรกิจของครอบครัวหรือไม่ อีก 3 ปีจึงมาให้คำตอบ” เกริกย้อนระลึกถึงคำถามของมารดาที่ให้ไว้ในช่วงที่ยังเป็นเด็กชายวัย 15 ปี ในฐานะบุตรชายคนเดียวของครอบครัว ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเร็วเกินไป แต่เกริกเข้าใจว่าเป็นการเตรียมความพร้อมของบิดาและมารดาสำหรับวางแผนธุรกิจในอนาคต

    นอกจากนั้นเกริกยังซึมซับและเข้าใจธุรกิจของครอบครัวจากการติดตามมารดาทำงานแทบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตื่นนอนเวลาตี 2 เพื่อดูน้ำขึ้นน้ำลงสำหรับใช้ในการให้บริการวางระบบบำบัดน้ำเสียสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัว รวมถึงธุรกิจอื่นๆ เช่น การทาสีท่อ การปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร

    ขณะเดียวกันยังปลูกฝังความยับยั้งชั่งใจให้สามารถอดทนรอสิ่งที่ต้องการและสร้างวินัยทางการเงินด้วยการให้บริหารการใช้จ่ายจากเงินทุนที่ให้ไว้ในวันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัยจนสำเร็จการศึกษา โดยคำนวณค่าใช้จ่ายสำคัญไว้อย่างครอบคลุม ซึ่งเกริกสามารถบริหารจัดการเงินได้เป็นอย่างดีจนเหลือเงินเก็บหลังรับปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกลจาก Queen Mary University of London


ถอดแนวคิดรุ่นสู่รุ่น

    แม้จะเตรียมตัวล่วงหน้ามาเป็นเวลาหลายปี แต่เมื่อได้เข้ามานั่งบริหารธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัวในปี 2561 ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการผ่านด่านแนวคิดของรุ่นก่อตั้งธุรกิจไปพร้อมกับการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรและบุคลากรกว่า 400 คน ที่มีมาอย่างยาวนานร่วม 30 ปี เป็นความท้าทายและต้องก้าวผ่านไปให้ได้

    “หลายครั้งที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายก็หาจุดร่วมกันได้ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ผมจะกลับมาปรับปรุงตัวเองแล้วมองว่าทำอย่างไรจะโน้มน้าวให้ท่านเห็นด้วยในสิ่งที่ได้วาดภาพเอาไว้ เพราะไม่ว่าเป็นเรื่องใด ทางผู้ใหญ่จะมองและให้ความสำคัญกับมุมของ cashflow ก่อน แต่สำหรับผมจะให้น้ำหนักกับ valuation ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ทำให้ใช้เวลาพูดคุยเพื่อนำไปสู่การยอมรับของแต่ละฝ่าย ซึ่งจนถึงวันนี้นับว่าดีขึ้นมากๆ ถ้าเทียบกับช่วงแรก”

    นอกจากด้านมุมมองที่มีความแตกต่างกัน สไตล์การบริหารของมารดาที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันยาวนานนับตั้งแต่บุกเบิกธุรกิจทำให้การบริหารมีลักษณะ micro management ลงลึกในรายละเอียด เข้าถึงปัญหา และตัดสินใจรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการบริหารรูปแบบดังกล่าวทำให้ทุกอย่างรวมศูนย์การตัดสินใจไว้ที่ผู้บริหารเพียงคนเดียว


ส่วนผสมการบริหารที่ลงตัว

    วัฒนธรรมการทำงานที่พึ่งพาบุคคลเป็นหลักและโครงสร้างการทำธุรกิจที่มีมายาวนาน 30 ปีเป็นสิ่งที่เกริกตัดสินใจว่าควรปรับเพื่อให้มีความคล่องตัว และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันด้วยการนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาเสริมระบบการทำงาน อบรมพัฒนาทักษะบุคลากรที่มีราว 400-500 คน

    “ระบบงานทุกอย่างตอนนั้นทำงาน on base ทั้งหมดไม่สามารถ on cloud ที่จะสนับสนุนการทำงานให้ทำที่ไหนก็สามารถรีโมตเข้ามาพูดคุยและดึงข้อมูลไปใช้งานได้ ทั้งในกระบวนการขาย การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง การบริหารจัดการต้นทุน พร้อมทั้งวางโครงสร้างระบบใหม่ที่รองรับการทำงานที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้ตลอดเวลา ซึ่งผมใช้เวลาส่วนนี้ประมาณ 2 ปีก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ผ่านมาหมดแล้วทั้งการไหลออกของบุคลากรที่ไม่สามารถรับการเปลี่ยนแปลงได้ และการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในองค์กร”

    ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับแนวคิด risk-taking การรับมือความเสี่ยงด้วยการประเมินความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ก่อนจะเดินไปข้างหน้าคว้าโอกาสที่รออยู่ และ understanding target market เข้าใจความต้องการตลาดและเมกะเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อม building winning team สร้างทีมที่มีวิสัยทัศน์และ mindset adaptability รวมถึง passion เดียวกันเพื่อขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ และแนวคิดสุดท้าย continuous learning เรียนรู้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่


วางแผนสู่ 10X เติบโต มั่งคั่ง ยั่งยืน

    การนำพาองค์กรให้พุ่งไปข้างหน้าจากจุดเริ่มต้นของการสร้างอาณาจักรที่รุ่นบุกเบิกก่อร่างสร้างไว้นับเป็นเรื่องท้าทายของผู้บริหารรุ่นใหม่ ซึ่งเกริกเข้าใจเป็นอย่างดี พร้อมกับวางเส้นทางการเติบโตเอาไว้นับจากวันแรกที่เข้ามารับหน้าที่บริหารจนถึงปลายทางที่ต้องการไปให้ถึง

    เป้าหมายที่ต้องการเห็นต่อจากนี้เป็นการเติบโตของ SE และธุรกิจในเครือที่บริหาร ทั้งการยกระดับงานบริการ (solutions excellence) ตอบสนองความต้องการแก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกว่า 4,000 ราย รวมถึงการขยายงานในส่วนของการจัดหาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและบริการใหม่ๆ การตรวจสอบคุณภาพปั๊ม (pump audits) ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ฟาร์ม พร้อมทั้งเตรียมรุกตลาดในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เช่น รถยนต์ (EV) บรรจุภัณฑ์ และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนบริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA มีการขยายงานค่อนข้างมากจากการประมูลงานเพิ่มของทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน

    แม้วันนี้ไทม์ไลน์ชีวิตของเกริกสามารถเดินทางบนเส้นทางที่ขีดไว้และเริ่มขยับเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ SE เดิมที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก ไปจนถึงการต่อยอดธุรกิจใหม่ เช่น พลังงานสะอาด แต่ความเร็วยังไม่มากพอตามที่ต้องการ

    “วันนี้ทุกอย่างเติบโตเฉลี่ย 20-25% แตกต่างไปแต่ละบริษัท แต่สำหรับผมแล้วมองว่าอยากให้เร็วมากกว่านี้ ทั้งโอกาสธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้น เทรนด์ธุรกิจด้านพลังงาน ที่สำคัญเลยคือคุณแม่ที่อายุท่านมากขึ้นทุกวัน ปัจจุบัน 70 ปี แม้จะแข็งแรงและทำงานทุกวันก็ตาม แต่ผมอยากที่จะทำความสำเร็จให้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่วาง timeline เอาไว้”


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ชู “พฤกษา โฮลดิ้ง” เติบโตยั่งยืน

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจในรูปแบบ e-magazine ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับพิเศษ Wealth Management & Investing 2024 แถมฟรีมาพร้อมกับนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2567