‘คชา บราเธอร์ส’ ทายาทซาฟารีเวิลด์ ประกาศแผนเชิงรุกขยายอาณาจักรขนมไทยทั้งไทย-เทศ ปั้นแบรนด์ตัวเองในรอบ 10 ปี และนำร่องขยายแฟรนไชส์ครั้งแรกในไทยและลาว ล่าสุดเปิดร้าน “Kao Nom’’ (ข้าวนม) ขนมไทยร่วมสมัยสาขาแรกที่เซ็นทรัล พาร์ค ชั้น 5
ฤทธิ์ คิ้วคชา และ เดช คิ้วคชา สองพี่น้องทายาทของผิน คิ้วคชา ผู้ก่อตั้งซาฟารีเวิลด์ ได้ออกมาอัพเดตธุรกิจของ “คชา บราเธอร์ส” ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของทั้งคู่ ในรอบหลายปี โดย คชา บราเธอร์ส ตั้งขึ้นมาเมื่อ 17 ปีก่อนเพื่อทำธุรกิจไอศกรีมและขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ของตัวเอง จากจุดเริ่มต้นด้วยการทดลองเปิดร้านไอศกรีมสฟรี (Sfree) เล็กๆ ที่สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์
วันนี้ธุรกิจของคชา บราเธอร์ส ขยายมาไกลกว่าที่คิด จากแนวคิดเพียงเพื่อปั้นแบรนด์ของตัวเอง คชา บราเธอร์ส มีการนำเข้าแบรนด์อาหารและขนมหวานจากต่างประเทศ ทั้งยังผลิตขนมไหว้พระจันทร์ของตัวเอง และทำ OEM ให้กับแบรนด์โรงแรมระดับ 5-6 ดาวอีกหลายแห่ง รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบอาหารและเครื่องดื่มให้กับร้าน Louis Vuttion ที่เกษร อัมรินทร์ และทำ Dessert เสิร์ฟบุคคลระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นักธุรกิจมหาเศรษฐีชั้นนำ นักการเมือง ดาราฮอลลีวูด และดาราบอลลีวูด ในงานแต่งของมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของอินเดีย

ส่วนล่าสุดได้เปิดร้านขนมของตัวเองในแบรนด์ “KAO NOM” (ข้าวนม) คาเฟ่ขนมไทยร่วมสมัยเชื่อมโยงเอกลักษณ์อาหารไทยด้วยวัตถุดิบพื้นถิ่น สู่ประสบการณ์ของหวานรูปแบบใหม่ เปิดตัวสาขาแรกที่ Central Park ชั้น 5 เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการเปิดตัวแบรนด์ตัวเองครั้งแรกในรอบ 10 ปี ด้วยเงินลงทุน 10 ล้านบาท บนพื้นที่ 150 ตารางเมตร
“ผมกับน้องชาย คือเชฟเดช พูดคุยกันว่าถึงเวลาที่เราจะกลับมาปั้นทำอะไรที่เป็นไทยๆ ภายใต้แบรนด์ของตัวเองตั้งแต่เมื่อ 6-7 ปีก่อน เราทั้งสองคนมองว่าตอนนี้ร้านอาหารไทยดังระดับโลก และเป็นอันดับหนึ่งของร้านอาหารประเภท Fine Dining ในเอเชียมีมากแล้ว แต่ขนมไทยระดับโลกยังไม่มี
“ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเรื่องขนมของเรา ประกอบกับเดชเป็นเชฟขนมไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เราจึงอยากนำเสนอแบรนด์ในรูปแบบขนมไทยร่วมสมัยที่ทำจากวัตถุดิบในไทย 100% ถ้าคนยอมซื้อขนมฝรั่งชิ้นละ 100-200 บาทได้ ขนมไทยก็ยังมีโอกาส หากเรานำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัย เป็นสากล และสร้างมูลค่า” ฤทธิ์ คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คชา บราเธอร์ส จำกัด กล่าว

ทั้งฤทธิ์และเดช ทำการศึกษาเรื่องราวของขนมไทยที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเดินทางไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพื่อดูว่าจะใช้วัตถุดิบอะไร จากที่ไหนได้บ้าง และในที่สุดก็ตกผลึกทางความคิดว่าจะทำขนมไทยที่มาจากข้าว
“ข้าวเป็นชีวิตและความภูมิใจของคนไทย เราเลยเอาข้าวมาเป็นพระเอก ขนมที่มาจากข้าว ไม่ใช่อะไรที่แปลกไป เราเห็นกันทั่วไปทั้งข้าวเกรียบ ข้าวต้มมัด การปั้นแบรนด์ Kao Nom ของเรามาจากความตั้งใจล้วนๆ และเป็น passion ของเราทั้งสองคนที่อยากพาแบรนด์ขนมไทยไป global เหมือนที่แฟชั่น เครื่องดื่ม และบิวตี้ของคนไทยหลายๆ คนทำสำเร็จ” ฤทธิ์บอก
Story Telling ข้าวไทยดีต่อใจ เสิร์ฟบน Sustainable Material
ร้าน “Kao Nom” มีเมนูให้เลือกในช่วง soft opening ราว 20 เมนู ราคาตั้งแต่ 100-680 บาท มีเมนู signature อาทิ โคโคไรซ์ โรล ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ทำจากข้าวสังข์หยด ข้าวปั้น “อูนิ” แฮนด์โรลข้าวปั้นญี่ปุ่น แต่ละเมนูทำจากวัตถุดิบจากทุกภาคในไทยและข้าวไทยจาก 6 สายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสังข์หยด จากทะเลน้อยจังหวัดพัทลุง ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ข้าวบือกี และข้าวบือซากอพันธุ์พื้นถิ่นของชาวปกาเกอะญอจากเชียงใหม่ นี่เป็นความคิดในการนำสิ่งดีๆ ของไทยมาเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รับรู้ ซึ่งในอนาคตร้านนี้จะเป็นเวทีให้ SME มาพัฒนาสินค้าร่วมกันที่นี่ด้วย

สำหรับเมนูข้าวในร้านนี้จะถูกเสิร์ฟบนจานที่ทำจากข้าวที่ Upcycling เป็นนวัตกรรมจากการนำของเหลือจากเปลือกข้าวและข้าวโพดมาทำเป็นจาน
“เราเสิร์ฟเมนูข้าวบนจานที่ทำจากข้าวเพื่อให้ความรู้ต่างชาติว่าข้าวมีประโยชน์อย่างไร เราอยากนำเสนอสิ่งดีๆ ในไทยสู่ชาวโลก ไม่เพียงแค่จานข้าว เชฟในร้านของเราใช้ผ้ากันเปื้อนที่ทำจาก sustainable material ส่วนเมนูที่พิมพ์บนกระดาษก็มาจากข้าว ทุกอย่างทำจากฝีมือคนไทย100 เปอร์เซ็นต์” ฤทธิ์กล่าว
“ผมตั้งใจถ่ายทอดเอกลักษณ์ของขนมไทย จริงๆ โปรเจ็กต์นี้ต้องบอกว่าผมเริ่มมากว่า 5 ปี ตั้งแต่โควิด-19 ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของขนมไทย ซึ่งต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนมาถึงยุครัตนโกสินทร์ จวบจนปัจจุบัน ขนมไทยยังได้รับความนิยมมาทุกวันนี้ โดยมีคนบอกว่าขนมก็มาจากข้าวและนม จึงเป็นสิ่งที่ผมริเริ่มคิดว่า การนำข้าวมาทำขนมก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก” เชฟเดชบอก

ฤทธิ์เล่าว่า ในระยะแรก คชา บราเธอร์ส ตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจจะปั้นแบรนด์ของตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ด้วยจังหวะของธุรกิจ บริษัทได้เพิ่มแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาในพอร์ตด้วย อาทิ ร้านเกี๊ยว Teraoka Gyoza จากญี่ปุ่น เจอโรมชีสเค้กหน้าไหม้ระดับมิชลิน 3 ดาวจากญี่ปุ่น เป็นต้น ฤทธิ์อธิบายว่า การนำแบรนด์อื่นๆ จากต่างประเทศมาทำตลาดช่วยให้ขยายธุรกิจได้เร็ว แต่ก็ต้องใช้เงินลงทุนมาก และการขยายสาขาไม่คล่องตัวเท่ากับการขยายสาขาของแบรนด์ที่เขาปั้นเอง
“แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เราก็ต้องปรับ เราจะทำทั้งปั้นแบรนด์ตัวเองและทำแบรนด์คนอื่นด้วย การขยายสาขาที่ผ่านมา ก็มีเปิดบ้างและปิดไปบ้าง เพราะธุรกิจขนมบางอย่างต้องเปิดเพื่อตามกระแส และก็ต้องปิดเมื่อหมดกระแส ในปีนี้เป็นปีที่เราพร้อมจะขยายธุรกิจเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศ” ฤทธิ์บอก
คชา บราเธอร์ส ได้เซ็นสัญญากับบริษัท Kolao ซึ่งเป็นบริษัท conglomerate รายใหญ่ใน สปป.ลาว เพื่อเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์และขยายธุรกิจของคชา บราเธอร์ส ในลาว มีทั้งหมด 3 แบรนด์ได้แก่ Kyo Roll En, Kyo – Café & Meal และ Teraoka Gyoza ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้จะเปิดร้าน Kyo Roll En แบบ Stand Alone สาขาแรกย่านโพนสีนวน ตั้งอยู่ใจกลางนครเวียงจันทน์ ส่วน Kyo – Café & Meal และ Teraoka Gyoza จะเปิดในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ และตั้งเป้าจะเปิด 15 สาขาในลาวภายใน 3 ปี
ก่อนหน้านี้แผนการขยายสาขาแรกของแบรนด์ Kyo Roll En คือที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีการเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องพับแผนเพราะโควิดระบาดในไทยและจีน
ฤทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีนโยบายขายแฟรนไชส์ เพราะต้องการควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการ แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน เขาพร้อมที่จะขยายธุรกิจในโมเดลแฟรนไชส์ นำร่องจากสาขาแรกของ Kyo Roll En ที่คิงสแควร์คอมมูนิตี้มอลล์ บนถนนพระราม 3
“การทดลองธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ อาจจะเป็นอีกหนึ่งโมเดลธุรกิจและก้าวสำคัญในการวางรากฐานเพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ทศวรรษ 3 เราขยายแฟรนไชส์ทั้งในไทยและต่างประเทศ สร้างแบรนด์ตัวเอง ตลอดจนร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ขยายธุรกิจในต่างประเทศ” ฤทธิ์กล่าว
เขายังบอกอีกว่า ในปีนี้บริษัทจะลงทุนทั้งหมด 30 ล้านบาท ในการปรับโฉมสาขาเดิม เปิดสาขาใหม่ของ Kyo Roll En ที่สยามพารากอนและเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และมีแผนขยายสาขาแบรนด์ Kyo Roll En อีก 3-4 สาขาในแต่ละปี ส่วนปีหน้าจะลงทุน 30-50 ล้านบาท ขยายธุรกิจด้วยการเปิดสาขา Kyo Roll En ในต่างจังหวัดปีหน้า และมีแผนนำเข้าอีก 2 แบรนด์จากต่างประเทศที่นอกเหนือจากญี่ปุ่นมาเสริมพอร์ตด้วย
“ปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย หลายคนบอกเป็นปีที่เผาจริงของธุรกิจอาหาร เราก็รู้สึกเช่นนั้น แต่อาจโชคดีด้วยกระแสตลาดชาเขียวมัทฉะเติบโตเป็นอย่างมากใน 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเราเป็นผู้นำในตลาดนี้ จึงทำให้รายได้ของบริษัทยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องหลังโควิด-19 แต่เราได้เห็นสัญญาณกำลังซื้อที่ตกไปมาก ทั้งกำลังซื้อของคนไทยเองและที่สำคัญตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลงไปเยอะ ในสาขาใจกลางเมือง ผมมองว่าปีนี้หลายสาขาถ้าสามารถเติบโตได้เล็กน้อยหรือแม้กระทั่งเท่าตัวจากปีก่อน ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว” ฤทธิ์กล่าว
คชา บราเธอร์ เป็นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มส่วนตัวที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาหรือเป็นบริษัทลูกของสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ ปัจจุบันบริหารโดยสองพี่น้อง ฤทธิ์ และเดช โดยฤทธิ์จบการศึกษาเกียรตินิยมสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ Imperial College of Science, Technology and Medicine, London เขาทำขนมไม่เป็น แต่ด้วยความที่ชอบชิมอาหารตัวยง และเดินทางชิมอาหารมาแล้วทั่วโลก เขาจึงเลือกมาดูด้านการตลาด พัฒนาธุรกิจ งานบริหารทั่วไป
ส่วนหน้าที่การผลิตรวมทั้งการคัดสินค้า และคิดค้นสินค้าตัวใหม่ ตกเป็นหน้าที่ของเดชผู้เป็นน้องชาย ซึ่งเป็นเชฟชื่อดังระดับโลกที่ได้รางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน และบุคคลชั้นนำทั่วโลกตั้งแต่นักการเมือง นักธุรกิจ และดารา ล้วนเคยชิมอาหารและเครื่องดื่มฝีมือของเขามาแล้ว
ปัจจุบันมีแบรนด์อยู่ในพอร์ตของคชาบราเธอร์สทั้งหมด 7 แบรนด์ได้แก่ Kyo Roll En, Oyatsu no Jikan, Teraoka Gyoza, Oyatsu ร้าน Specialty น้ำแข็งไส โดยเชฟ 2 ดาวมิชลินจากญี่ปุ่น, Jerome Cheesecake (เจอโรม) ร้านชีสเค้กหน้าไหม้ของเชฟมิชลิน 3 ดาวจากกินซ่า ที่คชา บราเธอร์สซื้อแบรนด์มาทำตลาดทั่วโลกยกเว้นญี่ปุ่น ชีสเค้กนี้ได้ส่งป้อนให้กับ Blue Bottle Coffee เชนดังอเมริกา ที่เปิดบริการในญี่ปุ่นและเกาหลี และคชา บราเธอร์ส จะร่วมกับเจ้าของแบรนด์เปิดร้านขนาดใหญ่ที่ฝรั่งเศสครั้งแรกในปีหน้า ขณะที่แบรนด์ที่ 7 คือแบรนด์ Kao Nom รวมสาขาทั้งหมดกว่า 40 แห่ง
ธุรกิจมี life cycle และเมื่อโลกเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมคนเปลี่ยน สาขาของเขามีเปิดและปิดตามสถานการณ์ โดยเฉพาะช่วงก่อนโควิดระบาด เขาได้ปิดแบรนด์และสาขาที่ไม่ทำกำไรลง ทำให้เขาผ่านช่วงนั้นมาได้ และบริษัทมีความแข็งแรงกว่าช่วงโควิด แม้จะมีสาขาน้อยกว่าเมื่อก่อน แต่สาขาที่เหลืออยู่ทุกสาขามีศักยภาพ มีประสิทธิภาพและทำกำไร
“โควิดทำให้เราได้เรียนรู้การทำธุรกิจแบบพอเพียง เมื่อก่อนที่เปิดตัวร้านสฟรี (มีแผนจะรีแบรนด์ในเร็วๆ นี้) แบรนด์แรกๆ เราคิดว่าน่าจะเปิดสาขาได้ถึง 50 แห่ง หรือ 100 แห่ง แต่วันนี้เราไม่ได้มองเรื่องการตั้งเป้าหมายของจำนวนสาขาที่จะขยายเป็นเรื่องสำคัญ เรามองแค่ว่าจะทำแต่ละแบรนด์ แต่ละสินค้าให้ได้คุณภาพและมีศักยภาพที่จะขยายทั้งในไทย และเป็นแบรนด์ขนมไทยที่จะไปสร้างความสำเร็จในตลาดโลกได้ในวันข้างหน้า” ฤทธิ์บอก
ขนมไหว้พระจันทร์ ธุรกิจดาวรุ่งที่ไม่ใช่ของฝากจากร้านรีเทล แต่มีขยาย OEM ด้วย
นอกจากขนมหวานแล้ว ขนมไหว้พระจันทร์ที่เมื่อก่อนเคยเป็นแค่หนึ่งในอาหารที่เสิร์ฟในร้าน Kyo Roll En เท่านั้น ปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและถูกแยกเป็นหนึ่งในธุรกิจกลุ่ม gifting เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับคชา บราเธอร์ส ในระยะยาว ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มทำ OEM ขายสินค้าหลักคือขนมไหว้พระจันทร์ ก่อนจะขยายไปยังสินค้าอื่นๆ ปัจจุบันมีลูกค้าองค์กร 10 ราย ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ประกันชีวิต สายการบิน โทรคมนาคม

ฤทธิ์บอกว่า ธุรกิจขนมไหว้พระจันทร์ Kyo Roll En เติบโตต่อเนื่อง เพราะคนไม่ได้ซื้อเพียงแค่เป็นของฝาก แต่เป็นของที่ซื้อรับประทานเองด้วย เพราะใช้วัตถุดิบอย่างดี ปั้นสด ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย ใส่ใจในรายละเอียด ทุกอย่างจึงนำไปสู่ประสบการณ์ เมื่อรสชาติดีเหนือความคาดหมายก็จะได้รับความไว้วางใจกลับมาซื้ออีก
นอกจากผลิตสินค้าเพื่อขายเองในร้านแล้ว คชา บราเธอร์ส ได้ขยายทำ OEM (Original Equipment Manufacturing) ให้กับโรงแรมระดับ 5-6 ดาว รวมทั้งแบรนด์แฟชั่นลักชัวรี่จากยุโรปอีกหลายแบรนด์ เพื่อให้มีรายได้เข้าบริษัทหลายๆ ทาง ไม่พึ่งพาแค่การเปิดสาขาขนมหวานในห้างเท่านั้น
นอกจากไทยแล้ว บริษัทจะร่วมรังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ Kyo Roll En กับเชฟไทยชื่อดัง อาทิ เชฟต้น เชฟแพม และเชฟชาวสิงคโปร์ และส่งไปขายผ่านพาร์ทเนอร์ในสิงคโปร์ทั้งช่องทางออนไลน์ และงานแสดงสินค้าต่างๆ ถ้าประสบความสำเร็จ สิงคโปร์ซึ่งเข้มงวดเรื่องมาตรการอาหารและยา จะเป็น springboard ให้ขนมไหว้พระจันทร์ของเขาขยายไปในประเทศอื่นๆ อีก เช่น ฮ่องกง ไต้หวันและมาเลเซีย เป็นต้น

“ธุรกิจ OEM น่าสนใจ แม้จะกำไรต่ำกว่าธุรกิจค้าปลีก แต่รายได้เสถียรกว่า และมีโอกาสสูงเพราะโรงแรมในเมืองไทยมีจำนวนมาก โรงแรมส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีกำลังการผลิตหลังจากโควิด ประกอบกับเรามีความเชี่ยวชาญและมีกำลังการผลิตพอ หลายโรงแรมจึงมาหาเราที่เป็น specialist ด้านนี้ นอกจาก OEM ต่อไปเราจะทำขายส่งด้วย” ฤทธิ์บอก
ไม่เพียงเท่านั้น คชา บราเธอร์สยังขยายธุรกิจมาสู่การทำที่ปรึกษารับออกแบบและบริหาร theme café ให้ลูกค้าหลายราย ซึ่งรวมถึงคาเฟ่ในงานนิทรรศการของฮอนด้าที่เอ็มสเฟียร์ด้วย
ฤทธิ์บอกว่า ยังมีอะไรที่คชา บราเธอร์ส จะทำอีกมากมาย ทั้งหมดข้างบนนี้เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ที่คชา บราเธอร์ส ปูทางและก่อร่างสร้างฐานสำคัญเพื่อการเติบโต เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 ของการก่อตั้ง ที่กำลังจะมาถึงในไม่นาน
ภาพ: คชา บราเธอร์ส
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เปิดใจรุ่น 3 ‘ชาตรามือ’ หลังเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ‘CTM’ เปิดคาเฟ่สาขาแรกที่เซ็นทรัล พาร์ค
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine