อานันท์ ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้ก่อตั้ง MAKESEND สตาร์ทอัพน้องใหม่ที่ให้บริการขนส่งพัสดุแบบวันเดียวถึง (Same-day Delivery) เติบโตสวนกระแสโควิด พร้อมได้รับเงินทุนสนับสนุนจากทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ เล็งสยายปีกธุรกิจทั่วประเทศ และอาเซียน วางเป้าก้าวถึงยูนิคอร์น
อานันท์ ประเสริฐรุ่งเรือง ประธานบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง MAKESEND Express บริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่ที่ให้บริการการขนส่งพัสดุแบบวันเดียวถึง (Same-day Delivery) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้รับเงินทุนสนับสนุนรอบ series seed จากบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเงินทุนที่ได้รับ บริษัทฯ จะนำไปใช้เพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นผู้ให้บริการการขนส่งแบบ Same-day Delivery ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย และก้าวสู่ภูมิภาคอาเซียนในระยะต่อไป สำหรับ MAKESEND Express เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจของ AIRPORTELs ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพรับฝากและขนส่งกระเป๋าสัมภาระนักเดินทาง ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและทำรายได้เติบโตในทุกๆ เดือน จนกระทั่งเกิดวิกฤตการณ์โควิด 19 ขึ้นทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยต้องหยุดชะงักลง AIRPORTELs จึงมีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการ แต่ทีมผู้ก่อตั้งได้นำความรู้และประสบการณ์ในการบริการขนส่งกระเป๋าสัมภาระที่สามารถส่งถึงที่หมายภายในเวลา 3 ชั่วโมง มาปรับใช้ในธุรกิจขนส่งพัสดุแบบวันเดียวถึงหรือ Same-day Delivery ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ MAKESEND และทำให้บริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 “ถ้าผมยอมแพ้และตัดสินใจเลิกกิจการในวันนั้น พนักงานก็จะได้รับผลกระทบ แต่ถ้าผมสู้ต่อ ด้วยการหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เราก็จะได้เรียนรู้ และสามารถนำมาเล่าได้ว่าเราผ่านวิกฤตมาได้อย่างไร” อานันท์ กล่าวเติบโตในสายสตาร์ทอัพ
อานันท์ และกลุ่มเพื่อน เลือกทำธุรกิจสตาร์ทอัพ หลังจากเรียนจบปริญญาโทด้าน Engineering Business Management จาก Warwick University ประเทศสหราชอาณาจักร และปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขา Civil Engineering เริ่มด้วยธุรกิจให้เช่าที่พักผ่านระบบ Airbnb ทำให้เขาได้ค้นพบ Pain Point ของลูกค้าในเรื่องสัมภาระและกระเป๋าเดินทาง เป็นที่มาของการก่อตั้งธุรกิจ LockBox ตู้ล็อกเกอร์สำหรับฝากกระเป๋า และ AIRPORTELs บริการขนส่งสัมภาระในเวลาต่อมา อานันท์ กล่าวว่า สิ่งที่ยากในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ คือการให้ความรู้กับตลาด อย่างธุรกิจ AIRPORTELs ใช้เวลาในการพัฒนาธุรกิจถึง 6 ปีเต็มจึงประสบความสำเร็จและสร้างรายได้หลักล้านบาท และอยู่ระหว่างเตรียมแผนระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจกับพันธมิตรไม่ต่ำกว่า 10 ราย แต่วิกฤตโควิดที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AIRPORTELs อย่างมาก หลังจากการระบาดของโควิดช่วงปลายปี 2562 นักท่องเที่ยวหยุดการเดินทาง สายการบินหยุดชะงัก ในเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2563 รายได้ของบริษัทเหลือศูนย์บาท พร้อมกับมีหนี้สินอีกกว่า 10 ล้านบาท ผลกระทบจากโควิดระลอกแรก ทำให้ต้องหยุดการดำเนินธุรกิจ AIRPORTELs ปิดสาขาที่ภูเก็ต และพัทยา ให้พนักงานออก ส่วนสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ ให้พนักงานหยุดงานแบบไม่รับเงินเดือน มีบางส่วนที่ตัดสินใจลาออก ผู้บริหารและพนักงานที่เหลืออยู่พยายามมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจเดิม เช่น บริการส่งอาหาร ขนส่งพัสดุต่างๆ “ตอนนั้นทำทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้เข้ามา เพื่อจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานที่เราติดเงินเดือนเขาอยู่ ทำไป เรียนรู้ไป เพื่อพัฒนาบริการให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด เพราะหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ คือ Customer Centric เราต้องมองหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ โอกาสทางธุรกิจมีเยอะ อยู่ที่เราจะสามารถคว้ามันมาได้หรือไม่” อานันท์ กล่าวโอกาสธุรกิจเป็นบลู โอเชี่ยน
สำหรับ MAKESEND Express เป็นบริการขนส่งพัสดุ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความรวดเร็วและความสะดวกสบาย ผสมผสานกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้ จึงทำให้ได้เปรียบในการขนส่งสินค้าแบบ Same-day Delivery ราคาขนส่งสินค้าทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มต้นเพียงแค่ 40 บาท ปัจจุบัน MAKESEND เป็นผู้ให้บริการขนส่งเพียงเจ้าเดียวที่มีการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ พร้อมทั้งสามารถส่งสินค้าถึงปลายทางภายในวันเดียวกัน (Same-day Delivery) ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง อานันท์ กล่าวว่า ธุรกิจบริการขนส่งพัสดุในปัจจุบัน เป็นตลาด Next day Delivery หรือ ขนส่งพัสดุภายในวันถัดไป ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก และใช้กลยุทธ์ราคาในการแข่งขัน ถือเป็น Red Ocean แต่สำหรับ Same-day Delivery ถือเป็น Blue Ocean ที่ยังไม่มีผู้ให้บริการ ซึ่งเรานำมาจากความต้องการของผู้บริโภค ที่สั่งสินค้าแล้วอยากได้ทันที จึงให้บริการแบบวันเดียวถึงและมีบริการเก็บเงินปลายทาง ซึ่งเงินทุนที่ได้จากการสนับสนุนของบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) จะนำมาขยายบริการไปทั่วประเทศ และภูมิภาคอาเซียนในอนาคต “เมื่อความต้องการของลูกค้า คือได้รับของทันที เราก็ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ โดยอาศัยเทคโนโลยี การคิดค้นรูปแบบที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการนั้นให้ได้ แน่นอนบางส่วนอาจจะมีค่าบริการสูงขึ้น แต่เมื่อลูกค้าพึงพอใจ ยินดีที่จะจ่าย ทำให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว” อานันท์กล่าว MAKESEND เล็งเห็นถึงความต้องการและการขยายตัวของธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น จึงออกแบบบริการให้มีความหลากหลายเพื่อรองรับกับกระแสการเติบโตของ E-Commerce ในประเทศไทย อาทิ การขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ, การขนส่งสินค้าประเภทเบเกอรี่, อาหารและผลไม้ จึงทำให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตถึงร้อยละ 30 ต่อเดือน นับตั้งแต่กรกฎาคม 2563 และในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ จำนวนพัสดุที่ทำการจัดส่ง รวมถึงรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 400 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าอัตราการเติบโตของบริษัทจะพุ่งขึ้นไปแตะ Four-Digit Growth ภายในสิ้นปีนี้ อานันท์ กล่าวว่า จากยอดการเติบโตดังกล่าวและบริการที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างหลากหลายทำให้ MAKESEND กลายเป็นบริษัทที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน ขณะเดียวกันการที่ MAKESEND และ Triple I เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันนั้น ได้มีส่วนช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการ เนื่องจากทั้งสองบริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ รวมทั้งมีโอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจของกันและกันได้ “เราก็จะไม่หยุดที่จะทำให้ MAKESEND บรรลุเป้าหมายระยาว ในการเป็นผู้นำในธุรกิจการขนส่งแบบ Same-day Delivery ทั่วประเทศไทยและด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งของเราอย่าง Triple I ที่มีความสามารถในการจัดการและบริหารระบบการขนส่งและห่วงโซ่อุปทาน เราจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าธุรกิจของเราจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และนำไปสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นอีกรายของประเทศไทย” อานันท์ กล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: วสันต์ วิตนากร กับพันธกิจ “ไฮ-เทค แอพพาเรล” สู่ผู้ผลิตระดับโลกไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine