เดลี่ฟู้ดส์ เจ้าของผลิตภัณฑ์นมข้นหวานแบรนด์ “พาเลซ” ภายใต้การบริหารงานของ “กฤษณพน ปฏิมาวิรุจน์" ทายาทรุ่นที่ 2 ที่เคยพลิกวิกฤตน้ำท่วมปี 2554 ขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ในช่วงข้ามคืน มาปีนี้ในภาวะที่เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว จากพิษโควิด เดลี่ฟู้ดส์ เตรียมขยับอีกครั้งกับการก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์ สร้างโอกาสทางธุรกิจและโอกาสให้กับคนไทยด้วยการตลาดสายมู
ตลาดนมข้นหวานในประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่มีเติบโตไม่สูงนัก เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่เปลี่ยนไป โดยตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท (เฉพาะในช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่) โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 1-2 ในช่วงก่อนโควิด แต่หลังจากโควิดตลาดหดตัวลง สำหรับเจ้าตลาด คือผลิตภัณฑ์ตรามะลิ ขณะที่ แบรนด์พาเลซ ของบริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด อยู่ในอับดับ 3 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยก้าวเป็นอันดับ 1 ในวิกฤตน้ำท่วมปี 2554 กฤษณพน ปฏิมาวิรุจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน แบรนด์ “พาเลซ” เล่าถึงสถานการณ์ที่พลิกวิกฤตเป็นโอกาสในปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่จนโรงงานของคู่แข่ง ซึ่งประสบภัยน้ำท่วมไม่สามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าได้ ครั้งนั้นจากแบรนด์ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนรู้จัก “พาเลซ” มากขึ้น และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 2,000 ล้านบาท “น้ำท่วม เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักแบรนด์ “พาเลซ” มากขึ้น และทำให้คนกล้าเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา เพราะเห็นถึงคุณภาพที่ดี เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง ในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปี”นำระบบสมัยใหม่สร้างฐานธุรกิจ
กฤษณพน ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 เข้ามาร่วมทีมบริหารบริษัท เดลี่ฟู้ดส์ ตั้งแต่ปี 2550 ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีใน 2 สาขา คือ สาขาบัญชีบัณฑิต คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี พ่วงด้วยสาขานิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะเดินทำงไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขา Master of Business Administration มหาวิทยาลัย Long Island University วิทยาเขต C.W. Post รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากจบการศึกษาไปทำงานเป็นผู้ช่วยผู้สอบบัญชี บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี ก่อนมารับตำแหน่ง CFO ของเดลี่ฟู้ดส์ ดูแลจัดการด้านการเงิน บัญชี และการลงทุนทั้งหมดของบริษัท “10 กว่าปีก่อน ตอนที่ผมเข้ามา เราเริ่มปรับเปลี่ยนองค์กร นำระบบบริหารจัดการสมัยใหม่มาใช้ เช่น ระบบ ERP ทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น เห็นภาพรวมการดำเนินธุรกิจขององค์กร ทั้งด้านการเงิน ระบบการขนส่ง รวมไปถึงการลดต้นทุนต่างๆ ในองค์กร ทำให้เดลี่ฟู้ดส์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดโดยรวมจะหดตัวลง” ด้วยประสบการณ์การทำงานกว่า 19 ปี ในสายงานการเงิน การบัญชี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม FMCG ซึ่งเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญของครอบครัว ทำให้ก้าวสู่การบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเดลี่ฟู้ดส์ ในปี 2560 จนถึงปัจจุบัน มีหน้าที่สำคัญในการวางแผนกลยุทธ์ ดูแลภาพรวมและทิศทางการเติบโตขององค์กร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของบริษัท ในการผลักดันแบรนด์สินค้าในเครือให้มีความชัดเจน แตกต่าง และจริงใจต่อผู้บริโภค “สิ่งสำคัญ บริษัทของเราต้องเติบโตแบบยั่งยืน ต้องสร้างประโยชน์ให้กับพนักงาน พนักงานต้องมีความสุข จึงสามารถออกไปให้ความรู้กับสังคม ให้โอกาสการเติบโตจากคนข้างนอก ซึ่งจะทำให้เราอยู่ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” กฤษณพน กล่าวพลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยตลาดสายมู
สำหรับปีนี้ ซึ่งถือเป็นปีทียากลำบาก จากวิกฤตโควิด-ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจไทย กฤษณพน กล่าวว่า เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีของเดลี่ฟู้ดส์ ได้จัดแคมเปญ ภายใต้ชื่อเทศกาล “พาเลซ” คนทะลุล้าน โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเอาใจสายมูเตลู ที่กำลังได้รับความนิยมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี ครอบคลุมผู้บริโภคได้ทุกระดับ ทุกเพศทุกวัย เพื่อส่งต่อความโชคดี มีแต่เฮง ตลอดปี 2565 และช่วยคลายความกังวลในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว สร้างความสบายใจผ่านความเชื่อเรื่องโชคลาภ คาดว่าจะดึงร้านค้า 1 หมื่นราย เข้าร่วม LINE @PalaceThailand และลูกค้าทั่วไป 3 หมื่นราย “การตลาดสายมู เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของไทย คนไทยชอบมาก และทำให้คนเข้าถึงแบรนด์มากยิ่งขึ้น สร้างกิจกรรม ทำระบบซีอาร์เอ็ม เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย โดยอาศัยความมู เชื่อมโยงกับการให้รางวัล ดูดวง เป็นการปลุกใจลูกค้า การตลาดสายมู เป็นตัวเชื่อมระหว่างแบรนด์ผู้บริโภคทั่วไป ปัจจุบันจำนวนคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน หรือนมจืด ไม่ได้ซื้อจำนวนมาก การสะสมกระป๋อง ผลิตภัณฑ์มีน้อยกว่าร้านค้า อยากให้คนเข้าระบบ จำเป็นต้องมีอินเซนทีฟ การตลาดสายมูทำให้คนอยากจะมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น” กฤษณพนกล่าว สำหรับแคมเปญ “พาเลซ” คนทะลุล้าน มีกิจกรรมชิงรางวัลมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท รวมถึงส่งขบวนคาราวานไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ตลอดจนเชิญซินแสมาตรวจดวงชะตาให้ถึงที่ และเตรียมจัดแคมเปญพิเศษพาตัวแทนจำหน่ายไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทยอีกด้วย จากแคมเปญดังกล่าวนี้ บริษัทคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ถึงร้อยละ 40 ในปีนี้ โดยมีรายได้รวมกว่า 1,200 ล้านบาทเตรียมเข้าตลาดฯ ปี 2567
กฤษณพน กล่าวว่า เมื่อบริษัทมีเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน แผนการดำเนินงานหนึ่ง คือการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อแต่งตัวเข้าตลาดฯ ในปี 2567 เพื่อสร้างการเติบโตขององค์กร ทั้งในแนวราบ และ แนวตั้ง และเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัท ซึ่งอาจนำไปสู่การร่วมมือทางธุรกิจ รวมไปถึงการซื้อกิจการเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจกลุ่มใหม่ๆ ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้ามากกว่า 100 รายการ ปัจจุบัน บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ในเครือฯ ที่หลากหลาย รองรับความต้องการของตลาดกลุ่ม Horeca และในร้านอาหารต่างชาติ ตลอดจนโรงแรมชั้นนำของเมืองไทย เช่น เนยจืด เนยเค็ม แบรนด์แดนนี่ มอสซาเรลล่าชีส เชดด้าชีส แบรนด์วัลล่า น้ำผลไม้กระป๋อง แบรนด์จัมโบ้ เอ ซอสมะม่วง ซอสพิซซ่า แบรนด์ซีส รวมถึงผลิตภัณฑ์เรือธง คือ นมข้นแปลงไขมันหวาน นมข้นหวาน และครีมเทียมข้นหวาน แบรนด์พาเลซ กฤษณพน กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนตั้งสถาบันของตัวเอง เพื่อให้ความรู้ผู้ประกอบการในเรื่องเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ เพื่อแนะนำและสร้างอาชีพให้ผู้ประกอบการ สร้างให้เป็นครอบครัวพาเลซ ซึ่งได้เริ่มวางแผนปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จากรูปแบบการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว มาเป็นการร่วมสร้างประโยชน์ให้ผู้บริโภคและร้านค้าต่างๆ ให้มากขึ้น โดยสนับสนุนศูนย์ฝึกอาชีพทั่วประเทศ ในการจัดอบรมสำหรับผู้ประกอบการและผู้สนใจที่มองหาอาชีพเลี้ยงตัวเอง พร้อมเตรียมสร้างแอปพลิเคชันมาต่อยอดแนวคิด และช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มนี้อย่างจริงจัง “การดำเนินธุรกิจทุกวันนี้ มีความยากทุกเจนเนอเรชั่น ตอนนี้ก็ถือว่ายาก เหมือนเป็นช่วงปรับตัวจากองค์กรขนาดกลาง ขยายไซส์เป็นองค์กรขนาดใหญ่ จากโครงสร้างการทำงานแบบแฟมิลี่ที่ยังคงแข็งแรง ก้าวไปสู่องค์กรที่กำลังเติบโต ต้องจ้างผู้บริหารมืออาชีพเยอะขึ้น ซึ่งการมีโครงสร้างชัดเจน ช่วยสร้างเข้มแข็งองค์กร เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” กฤษณพนกล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: กิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ BBGI เดินเกมรุกไบโอเทคไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine