“เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ” เปิดสอนศิลปะอาหารฝรั่งเศสระดับเวิลด์คลาสสู่ประเทศไทย - Forbes Thailand

“เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ” เปิดสอนศิลปะอาหารฝรั่งเศสระดับเวิลด์คลาสสู่ประเทศไทย

ระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน 2566 อลัง ดูคาส ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งสถาบัน เอกอล ดูคาส และเชฟผู้ครองดาวมิชลิน มากที่สุดในโลกด้วยจำนวน 20 ดวง เดินทางสู่ประเทศไทยเพื่อร่วมงานฉลองการเปิดตัวโรงเรียน “เอกอล  ดูคาส - นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ”


“อกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ” เป็นความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง นายเลิศ กรุ๊ป ที่ร่วมเป็นพันธมิตรแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ Sommet Education กลุ่มบริหารสถาบันการศึกษาด้านการบริหารการจัดการอุตสาหกรรมการโรงแรมและการบริการชั้นนำระดับโลก และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงเรียนสอนทำอาหาร เอกอล ดูคาส (École Ducasse)



    “ผมต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ผมได้สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการประกอบอาหารฝรั่งเศส ให้กับผู้ที่สนใจรักการทำอาหารในทุกระดับทั้งผู้ใหญ่หรือเด็ก ให้ได้เรียนรู้การประกอบอาหารฝรั่งเศสอันเป็นเลิศ” อลัง ดูคาส ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งสถาบัน เอกอล ดูคาส กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษถึงการเปิดตัว “เอกอล ดูคาส - นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ” แห่งแรกและแห่งเดียวนอกประเทศฝรั่งเศสที่มีสตูดิโอสอนอาหารแบบครบวงจร

    อลัง ดูคาส เผยถึงหัวใจหลักของการสอนของสถาบันศิลปะการทำอาหารที่ เอกอล ดูคาส แตกต่างจากที่อื่นคือการนำบทเรียนที่สุดนำกลับไปใช้ได้ในชีวิตจริง จากเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการประกอบอาหาร รวมไปถึงทักษะระหว่างการฝึกซ้อมกันในโรงเรียน ซึ่งสถาบันแห่งนี้มีหลักสูตรทั้งอาหารคาว (Culinary Arts) และขนมอบ (Pastry Arts) และให้ความสำคัญเรื่องการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งส่วนหนึ่งในเรื่องความยั่งยืนคือการนำวัตถุดิบตามฤดูกาลจากเกษตรกรในแต่ละท้องถิ่นมาปรับใช้


    ด้าน ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร: ผู้ร่วมก่อตั้งและทายาทรุ่นที่ 4 ของปาร์คนายเลิศ เผยถึงการลงทุน โรงเรียน เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ ด้วยเงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ภายในพื้นที่ปาร์คนายเลิศ โดยสร้างอาคาร 3 ชั้น ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 1,400 ตารางเมตร เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ครบครัน และผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากเอกอล ดูคาส โดยชั้น 2-3 ประกอบด้วยห้องปฏิบัติการครัว 5 ห้อง ห้องช็อกโกแลตและไอศกรีมแล็บ ห้องไวน์ และห้องจัดเลี้ยงรับรอง ขณะที่พื้นที่ชั้นหนึ่งจัดเป็นคาเฟ่ เอกอล ดูคาส กรุงเทพ คาเฟ่ (École Ducasse Bangkok Café) ที่ให้บริการขนมอบและเครื่องดื่มซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ วันที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา

    “โรงเรียนเป็นแบบไฮบริดที่แรกในโลกของสถาบัน เอกอล ดูคาส ที่นักเรียนสามารถเลือกเรียนการทำอาหารคาวและขนมอบได้ทั้งหลักสูตรประกาศนียบัตรสายอาชีพและคอร์สระยะสั้นสำหรับผู้รักการทำอาหาร เช่น แม่บ้าน เราก็มีคอร์ส 2-6 ชั่วโมง และนอกเหนือจากนั้น ผู้เรียนยังมีโอกาสได้เข้าสู่วงการอาหารระดับมืออาชีพและยังได้โอกาสในการฝึกงานภายในร้านอาหาร ในเน็ตเวิร์คของ อลัง ดูคาส ที่มีร้านอาหารชื่อดังทั่วโลก” ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กล่าว และเสริมว่า “เล็กเชื่อว่าในโลกปัจจุบัน ทักษะความรู้ อย่างเดียวอาจจะไม่พอ เราต้องมีเน็ตเวิร์คที่แข็งแกร่งด้วย”



    ทั้งนี้สำหรับครูเชฟผู้สอนทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน ณพาภรณ์ ได้เดินทางไปร่วมคัดเลือกเชฟผู้สอนเพื่อให้เข้ากับผู้เรียนในประเทศไทย

สไตล์การทำอาหารของอลัง ดูคาส



    เอกอล ดูคาส ก่อตั้งเมื่อปี 2542 ด้วยแรงขับเคลื่อนของ เชฟ อลัง ดูคาส ที่ต้องการสร้างเหล่าเชฟระดับแถวหน้าเข้าสู่วงการเชฟมืออาชีพพร้อมแสดงฝีมือเป็นที่รู้จักในเวทีระดับโลก

    “เรานำทักษะการทำอาหารฝรั่งเศสมาประยุกต์ให้เข้ากับแต่ละท้องถิ่น เพื่อดึงดูดคนในแต่ละประเทศ คุณภาพของเราคือการคงต้นตำรับฝรั่งเศสแต่เรายินดีที่จะประยุกต์เพื่อให้ถูกใจคนในแต่ละพื้นที่ นั่นคือความเป็นเรา” อลัง ดูคาส เผยถึงสไตล์การทำอาหารของตนซึ่งเขายังเผยอีกว่าคุณสมบัติที่สำคัญของเชฟสิ่งแรกต้องมี แพสชั่น คุณจะต้องมีใจรักในการทำอาหาร และต้องหมั่นฝึกฝนอย่างมาก เพราะการเป็นเชฟจะต้องฝึกซ้อมเทคนิคอยู่ตลอดเวลา พร้อมๆ ไปกับการใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา เมื่อเรารู้หลักการทำอาหารแล้ว เราต้องรอบรู้และทันโลก การแข่งขันอยู่ทุกที่รอบตัวเพื่อที่จะนำมาปรับใช้เมื่อจำเป็นเพราะวงการอาหารมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

    “เริ่มต้นการเริ่มต้นเส้นทางการทำอาหารนั้น การเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุด โรงเรียนที่มีหลักสูตรที่ดีที่สุด เพราะการเรียนรู้ในโรงเรียนที่ดีจะสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการก้าวสู่ความเป็นเชฟ เมื่อเข้าเรียนแล้ว ต้องฝึกฝนอย่างหนักด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และต้องหาจุดยืนของตนที่ไม่เหมือนใคร อย่าเลียนแบบใคร ไม่เลียนแบบร้านอาหารข้างๆ ในโลกปัจจุบันตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์ว่าทุกอย่างจะต้อง Personalize เพราะทุกคนมีเรื่องราวและที่มาต่างกัน ดังนั้นการประกอบอาหารเราจึงต้องหาสไตล์ที่นำเสนอตัวตนของแต่ละบุคคล”

เป้าหมายแห่งอนาคต


    ด้าน เอลิซ มาซูเรล กรรมการผู้จัดการ สถาบัน เอกอล ดูคาส กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายระยะยาว คือการรักษาค่านิยมของสถาบัน เอกอล ดูคาส ที่เน้นความเป็นเลิศด้านการประกอบอาหาร และการให้ความรู้กับ “เชฟรุ่นใหม่” (Chefs of Tomorrow)” ที่ไม่ใช่แค่การปรุงอาหารเพียงอย่างเดียว แต่เรายังมีคอร์สฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการ สู่การเป็นผู้จัดการรวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหารเช่นกัน และเราจะยังคงให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

    โดยมีหลักสูตรซึ่งแบ่งได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ หลักสูตร Culinary Art Essentials ค้นพบทักษะขั้นพื้นฐานของการทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศสผ่านภาคปฏิบัติอันเข้มข้น ในแต่ละบทเรียน ท่านจะเรียนรู้ทักษะการคัดสรรแหล่งที่มาของวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม รวมไปถึงขั้นตอนการจัดเตรียมอาหารโดยเชฟผู้ชำนาญการมาถ่ายทอดความรู้และเทคนิคการทำอาหารต้นตำรับฝรั่งเศสแนวร่วมสมัย พร้อมเคล็ดลับเชิงลึกของอาหารฝรั่งเศสจานคลาสสิกแบบตัวต่อตัว นอกจากนี้ นักเรียนทุกคนจะได้ร่วมฝึกงานกับเชฟมืออาชีพเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ โดยใช้ระยะเวลาเรียน 10 สัปดาห์ แบ่งเป็น 5 วันต่อสัปดาห์ 6 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีค่าเรียนอยู่ที่ราว 500,000 บาท

    หลักสูตร French Pastry Art Essentials ค้นพบเทคนิคและเคล็ดลับของศิลปะการทำขนมอบสไตล์ฝรั่งเศส ผ่านทฤษฎีประยุกต์ที่ยกระดับทักษะความสามารถด้านการทำขนมอบตลอดทั้งหลักสูตร พร้อมเสริมสร้างการเรียนรู้ด้านเทคนิคการถ่ายภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างสรรค์ผลงานหลากหลายเมนูขนมอบได้อย่างมั่นใจ โดยระยะเวลาเรียน 8 สัปดาห์ 5 วันต่อสัปดาห์ 6 ชั่วโมงต่อวัน ค่าเรียนอยู่ที่ราว 350,000 บาท และ 



    หลักสูตรระยะสั้น (Short Classes) หลักสูตรทำอาหารและขนมอบที่มีธีมแตกต่างกัน สำหรับผู้รักการทำอาหารทุกระดับ หลักสูตรการทำอาหารระยะสั้น (Culinary Short Classes) 2-4 ชั่วโมง อาทิ เมนูอาหารระดับมิชลิน 3* ดาว ตำรับร้านอาหารของ เชฟอลัง ดูคาส ณ กรุงปารีส เรียนรู้เทคนิคชั้นสูงและฝึกทักษะอย่างเข้มข้น ในการทำเมนูแบบฉบับมิชลินสตาร์จากร้านอาหารของ เชฟอลัง ดูคาส เป็นต้น

    ขณะที่ ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กล่าวเสริมด้วยว่า เป้าหมายหลักต้องการทำโรงเรียน เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอนี้ ให้ดีที่สุดส่วนในระยะยาว วางไว้ว่าจะมีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรธุรกิจบริการจัดการและการโรงแรม (Hospitality Management) เพื่อเสริมการเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้มีโอกาสพัฒนาทักษะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรายังมีโปรแกรมที่เหมาะกับผู้เรียนที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพตัวเอง หรือที่เรียกว่า Career Changer เช่น นักกฎหมายที่เครียดกับงาน มาเรียนรู้การทำอาหารและภายใน 10 อาทิตย์ สามารถเปลี่ยนสายอาชีพมาเป็นเชฟทันที



    “การเปิดตัวโรงเรียน เอกอล ดูคาส - นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ อย่างเป็นทางการ เป็นหนึ่งในก้าวแรกของการทำธุรกิจนอก comfort zone เป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อความเป็น นายเลิศ กรุ๊ป ถือเป็นงานที่มีความท้าทาย และต้องทำงานแบบอุทิศตนและภาคภูมิใจมากที่ชื่อบุคคลทั้งสองคนที่เล็กเคารพและนับถืออย่าง นายเลิศ (Nai Lert) และ ดูคาส (Ducasse) มาอยู่ใกล้กัน ตามชื่อโรงเรียน เอกอล ดูคาส นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ” ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร กล่าว

    ทั้งนี้ อลัง ดูคาส ทิ้งท้ายสำหรับนิยามของสำคัญของสถาบัน เอกอล ดูคาส สำหรับตนเอง พันธมิตรธุรกิจ เชพผู้สอนและนักเรียนว่า “การแบ่งปัน ความมั่นคงและยั่งยืน เป็นเลิศและไม่หยุดนิ่ง และ ความร่วมสมัยที่ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน”

    อ่านเพิ่มเติม : บันยันทรี หัวหิน เปิดตัว Villa Suasana อาณาจักรแห่งใหม่ของการท่องเที่ยว-พักผ่อนครบวงจรในหัวหิน

    ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine