“การทำความเข้าใจจุดแข็งของตัวเอง และเรียนรู้กับสิ่งที่ลงทุนมากพอ” คือกุญแจสำคัญสู่เส้นทางคว้าชัยชนะในโลกของการลงทุนของ พสุ ลิปตพัลลภ
การลงทุนในมุมมองคนรุ่นใหม่ที่ “กล้าเสี่ยง” และ “กล้าชน” เพื่อหวังถึงผลตอบแทนกลับมาที่คุ้มค่าและเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่หากทำความเข้าใจและเข้าถึงเทคนิคการลงทุน การบริหารความมั่งคั่งในสไตล์ พสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) จะพบว่าในทุกการตัดสินใจผ่านกระบวนการคิดและเทคนิคที่น่าสนใจสำหรับให้นักลงทุนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้- ความกล้ามาคู่กับการรู้จริง -
มุมมองการลงทุนที่ได้รับบนเส้นทางการเงินของพสุเริ่มตั้งแต่การนำความรู้ด้าน Financial Service ระดับปริญญาตรีจาก Westminster University และปริญญาโทด้าน Real Estate Development จาก Cass Business School ประเทศอังกฤษ มาปรับใช้ในปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่พสุได้มีโอกาสทำงานด้านการเงินที่บริษัทในประเทศสิงคโปร์เกี่ยวกับการจำหน่ายตราสารอนุพันธ์ ซึ่งถือเป็นการทำงานที่มีการแข่งขันสูงมากโดยเฉพาะกับหน้าใหม่ในวงการ กลายเป็นการเปิดโลกการเรียนรู้ใหม่ๆ ด้านการเงินและการลงทุนให้พสุได้แสดงฝีมือพิสูจน์ความสามารถ พร้อมสั่งสมประสบการณ์ทำงานอย่างยาวนานถึง 7 ปี ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมด้วยวิชาการบริหารจุดแข็งสร้างความมั่งคั่ง “หลักที่ผมนำมาใช้กับการบริหารการลงทุนส่วนตัวคือ ใช้จุดแข็งในการวิเคราะห์ภาพเศรษฐกิจมหภาค แนวโน้มดอกเบี้ย ผมค่อนข้างเข้าใจมากกว่า ทำให้ 70% เป็นการเลือกตัวลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่อาจไม่ต้องมีเวลามานั่งดูตลอด แต่ต้องรู้จังหวะเวลาว่าควรซื้ออะไรและขายอะไร ซึ่งหัวใจสำคัญอยู่ที่ ‘เวลา’ สรุปได้ง่ายที่สุดสำหรับผมแล้ว หลักการแรกคืออย่าขาดทุน เพราะถ้าก้าวพลาดก็ยากที่จะข้ามภูเขาลูกนั้นไปได้ ประสบการณ์และการศึกษาให้รู้จริงในสิ่งที่กำลังลงทุนมีผลอย่างมากต่อผลตอบแทนที่จะได้” ขณะที่แนวทางการบริหารพอร์ตลงทุนส่วนตัวจากเดิมที่มุ่งเน้นการลงทุนยุคเดิม เช่น หุ้น กองทุน พสุเริ่มเปิดใจศึกษาการลงทุนใหม่มากขึ้น เช่น สินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) “ผมเป็นคนที่เชื่อครึ่งและไม่เชื่อครึ่งเรื่องการกระจายความเสี่ยง เพราะถ้าเราทำการบ้านได้ลึกพอและดีพอก็พร้อมที่จะลงไปให้สุดกับสิ่งนั้น ซึ่งถ้าเป็นช่วงที่อายุยังไม่มากก็ลงทุนหุ้นเยอะหน่อย จากนั้นขยับมาลงทุนในหุ้นเป็นหลัก ถ้าเป็นในตอนนี้คริปโตฯ นับว่าเติบโตเร็วมากแบบก้าวกระโดด มีการลงทุนแล้วมากถึง 1.5 ล้านบัญชี ซึ่งถามผมวันนี้ ก้าวขาเข้าไปในโลกของการลงทุนบิตคอยน์ตั้งแต่ก่อน COVID-19 ระบาดในไทย” จากความรู้และประสบการณ์ในโลกของ Traditional Finance ที่เน้นการลงทุนในหุ้นและกองทุนเป็นหลัก เมื่อเห็นว่าคริปโตฯ เป็นการลงทุนของยุคนี้ที่น่าสนใจและสร้างผลตอบแทนอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้ต้องศึกษาเพื่อหาความรู้ก่อนลงทุน “คริปโตฯ มีโอกาสโตได้เป็นพันเป็นหมื่นเปอร์เซ็นต์ ราคาขยับ 40 หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ อยู่ที่เราศึกษาดีพอแค่ไหน โดยช่วงแรกผมเริ่มจากหาหนังสือมาอ่าน สิ่งสำคัญผมว่าต้องทำการบ้านก่อน ไม่อย่างนั้นจะทำให้เสียโอกาสมากกว่าที่จะได้” พสุยกตัวอย่างหนังสือ The Bitcoin Standard ระบบการเงินทางเลือกใหม่ไร้ศูนย์กลาง เขียนโดย Saifedean Ammous ศาสตราจารย์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับทฤษฎีและประวัติศาสตร์ของเงิน เศรษฐศาสตร์ในชีวิตจริง และพูดถึงผลกระทบของนโยบายทางการเมืองต่อธุรกิจ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจไว้ได้อย่างน่าสนใจ รวมทั้งนำเสนอเกี่ยวกับทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ (Modern Monetary Theory) ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์การเมือง และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีส่วนทำให้ระบบโครงข่ายบิตคอยน์เติบโตและเป็นตัวกำหนดทิศทางของมันต่อไปในอนาคต นอกจากนั้นการบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งยังไม่ได้จำกัดแค่ตลาดทุนและคริปโตฯ เท่านั้น โดยในโลกสมัยใหม่ยังมีโอกาสอยู่อีกมากที่มาพร้อมความท้าทาย ความสนุก และสร้างผลตอบแทนได้ด้วย “NFT หรือ Non-Fungible Token เป็นอะไรที่ผมสนใจและรู้สึกสนุกไปกับผลงานที่เห็น ในขณะเดียวกันก็มีมุมที่เห็นถึงโอกาสของการลงทุนที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ผมอยากจะศึกษาและเข้าใจให้ได้มากกว่านี้ รอให้พร้อมก่อนตัดสินใจลงทุน” พสุกล่าวถึงความท้าทายด้านการลงทุนใหม่ที่กำลังให้ความสนใจและเริ่มศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการลงทุนในกลุ่มหุ้นยั่งยืน หรือ ESG (Environmental, Social and Governance) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพร้อมกับให้ “น่าสนใจตรงที่เราลงทุนแล้วรู้สึกดีกับมัน เราลงทุนไปแล้ว นอกจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้รับกลับมายังเป็นการสร้างอิมแพกต์ให้กับสังคมได้ด้วย ซึ่งวันนี้ผมลงทุนในกองคลีนเอเนอร์จีและคาร์บอนเครดิต คิดว่าจะมีแนวโน้มที่เติบโตได้ดีในอนาคต”- สร้าง Wealth ให้ธุรกิจครอบครัว -
แนวคิดการเริ่มต้นที่ “จุดแข็ง” และบริหารจากสิ่งนี้ เพื่อต่อยอดไปสู่โอกาสใหม่ๆ ด้านการลงทุน เป็นทั้งแนวทางหลักในการบริหารพอร์ตส่วนตัวของพสุและการสร้างความมั่งคั่งให้ธุรกิจของครอบครัว “ในมุมการบริหารความมั่งคั่งให้แก่ธุรกิจในครอบครัว อันดับแรกต้องรู้ว่าอะไรเป็นจุดแข็ง และสามารถมองหาช่องทางสร้างโอกาสในเซกเมนต์ไหนได้บ้าง” พสุกล่าว ถึงการสะท้อนแนวคิดดังกล่าวออกมายังงานที่ตัดสินใจและลงมือทำ เช่น จุดเริ่มต้นของอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน ซึ่งเกิดขึ้นจากการเล็งเห็นโอกาสบนที่ดินและโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยรองรับการใช้ชีวิตการทำงานและการพักผ่อน โดยมีพาร์ตเนอร์ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานจากโรงแรมระดับโลก “เรารู้จักคนและพื้นที่หัวหินเป็นอย่างดี ทำให้ตัดสินใจพัฒนาโครงการที่เป็นโรงแรม ได้แก่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท และโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน ที่แม้จะสร้างผลตอบแทนที่ใช้ระยะเวลานานกว่าโครงการบ้าน แต่ก็เป็นการบริหารพอร์ตที่ต้องมีทั้งการสร้างรายได้ระยะยาวและระยะสั้น ซึ่งสัดส่วนขึ้นอยู่กับสภาพตลาดและสภาวะเศรษฐกิจด้วย และมีการขยายไปจังหวัดภูเก็ต อย่างโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท และล่าสุดเป็นการตัดสินใจเข้าสู่ตลาดแนวราบครั้งแรกของบริษัทฯ ที่จะได้เห็นคอนเซปต์โครงการใหม่ออกมาเร็วๆ นี้” ขณะที่สถานการณ์ COVID-19 ในปีที่ผ่านมายังทำให้พสุเห็นความสำคัญของความเร็วในการทำงาน ซึ่งเป็นปัจจัยกำหนดการแพ้ชนะทางธุรกิจจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบและเผชิญความท้าทายสูงในช่วงที่ผ่านมา “ธุรกิจโรงแรมเป็นอะไรที่ค่อนข้างเหนื่อยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ต้องกลับมาคิด 3 เรื่องนี้ คือ คน เงิน และเทคโนโลยี คนต้องทำอย่างไร ในขณะที่ธุรกิจหยุดชะงักแต่คนยังต้องมีรายได้ เงินสำคัญ เราทำธุรกิจ ต้องมีการ เจรจากับธนาคารเพื่อให้ได้โซลูชันที่ดี และสุดท้ายคือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็วมาก แม้แต่ผมเองจากที่ไม่เคยซื้อคริปโตฯ แม้แต่เหรียญเดียวจนมาถึงเป็นการลงทุนหลักในพอร์ต เรื่องการบริหารพอร์ตและบริหารธุรกิจก็เช่นกัน เมื่อศึกษาเรียนรู้จนเข้าใจ ที่สุดแม้อาจพลาดบ้างก็เป็นประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่ถ้าเป็นการทำงานที่ช้าและเร็วไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง แบบนี้จะทำให้ผมไม่โอเคมากกว่า” พสุกล่าวถึงความเหมือนที่แตกต่างกันระหว่างการบริหารธุรกิจและการลงทุนที่จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและการเปิดรับประสบการณ์การเรียนรู้สิ่งใหม่ พร้อมกับความสามารถในการปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว “สำหรับผมทำเร็วไว้ก่อนได้เปรียบ เราสามารถเปลี่ยนภายหลังได้ เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทองและเวลาไม่รอใคร ที่ผ่านมาผมจะคุยกับทีมงานเสมอเวลาดูโปรเจกต์ ถ้าลงทุน 1 บาท ได้กลับมา 3 บาทถือว่าดีแล้ว แต่ถ้าใช้เวลาน้อยลงในการทำงานแต่ได้ 2 บาทนี่จะดีกว่ามาก” ท้ายที่สุดพสุให้มุมมองในฐานะนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตและการเรียนรู้จากความผิดพลาดที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามความผันผวนเพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคต “ผมเป็นคนที่ใช้จุดแข็งที่มี และต้องพยายามคิดนอกกรอบ แต่ถ้าถึงเวลาแล้วมันไม่ได้จริงๆ ก็ไม่รู้สึกเครียด เพราะทุกครั้งที่ตัดสินใจพลาดทำให้เราได้เรียนรู้อะไร ใหม่ๆ ด้วยเหมือนกัน เพราะความผันผวนเป็นราคาที่นักลงทุนต้องจ่ายถ้าอยากได้ผลตอบแทน” เรื่อง: กัญสุชญา สุวรรณคร ภาพ: สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ), กลุ่มบริษัท พราว และบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) อ่านเพิ่มเติม:- กลยุทธ์ธุรกิจรีเทลในโลก METAVERSE กับกลุ่ม GEN Z ผู้เพิกเฉย
- AMPVERSE เปิดตัว AMPVERSE WEB3 มุ่งเจาะธุรกิจเกมและอีสปอร์ต
- ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา G-ABLE อัพสปีดไอทีหมื่นล้าน
คลิกอ่านฉบับพิเศษ WEALTH MANAGEMENT & INVESTING 2022 และบทความทางด้านธุรกิจฉบับเต็มได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine