Breguet (เบรเกต์) รังสรรค์ที่สุดแห่งเรือนเวลา เพื่อเข้าร่วมสุดยอดการประมูลนาฬิกาเพื่อการกุศล the Only Watch (ดิ โองลี่ วอชท์) ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ สองปีโดยมูลนิธิ the Only Watch Foundation โดยจะเปิดประมูลเรือนเวลาที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกจากหลากหลายแบรนด์ ซึ่งในปี 2023 นี้จะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุม Palexpo (ปาเล็กซ์โป) ณ เมือง เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
“Marine Hora Mundi x Only Watch”
สำหรับการประมูลครั้งนี้ Breguet ภูมิใจนำเสนอเรือนเวลา Marine Hora Mundi ที่มีเพียงเรือนเดียวเท่านั้นในโลก โดยนาฬิการุ่นนี้เผยโฉมครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี 2022 ซึ่งหลอมรวมทั้งกลไกอันซับซ้อนและสุนทรียศาสตร์แห่งความงดงามเข้าไว้ด้วยกัน กลไกสิทธิบัตรเฉพาะที่ Breguet เป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นนั้น คือกลไกหนึ่งเดียวที่สามารถเปลี่ยนไทม์โซนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้น ด้วยการกด pusher และเม็ดมะยม เมื่อผู้สวมใส่ตั้งเวลาและวันที่ของเมืองแรกเรียบร้อยแล้ว ก็เพียงแค่ตั้งชื่อเมืองที่สอง โดยกลไกของนาฬิกาเรือนนี้จะคำนวณวันที่และเวลาของเมืองที่สองโดยอาศัยระบบอันชาญฉลาด ซึ่งประกอบด้วย cams, hammers และระบบคำนวณความต่างแบบบูรณาการง่ายดายแค่เพียงกด pusher ก็สามารถเดินทางไปยังอีกซีกโลกได้โดยที่กลไกยังคงทำงานอย่างเที่ยงตรงแม่นยำไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ หน้าปัดยังถ่ายทอดนิยามแห่งพิภพมาไว้บนข้อมือได้อย่างเปี่ยมเสน่ห์ กับลูกเล่นการผสมผสานหลากหลายวัสดุ และการเรียงซ้อนความงดงามไว้หลายมิติ หน้าปัดสีฟ้าขัดแต่งด้วยลวดลาย sunburst (ลายแสงพระอาทิตย์) แบคกราวด์สลักลวดลาย “เกลียวคลื่น” ซ้อนด้วยชั้นแซฟไฟร์ที่แสดงสัญลักษณ์ชั่วโมงในสีทองเรืองแสง ตกแต่งด้วยแผนที่สลักเป็นทวีปต่างๆ ของโลกในสีกรมท่า และเพื่อเน้นย้ำว่าโลกไม่เคยหลับใหล เรือนเวลารุ่นพิเศษนี้ จึงมีบรรดาจุดกลมสีโรสโกลด์ที่ดูโดดเด่นอยู่บนผืนโลก และท้ายสุดคือการใช้ flang ด้านนอกเพื่อยึดโยงความหลากหลายต่างๆ บนหน้าปัดเข้าไว้ด้วยกัน เกิดเป็นผลลัพธ์อันงดงามสมส่วน และรูปลักษณ์ที่รังสรรค์จากฝีมือความเชี่ยวชาญชั้นสูง ด้วยการผสมผสานขั้นตอนแตกต่างหลากหลายที่ต้องอาศัยเวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะเสร็จสมบูรณ์
ความสำคัญของรายละเอียด
สำหรับ Breguet แล้ว ความหรูหรานั้นอยู่ในรายละเอียด ซึ่งเป็นคำตอบอย่างชัดเจนว่าเพราะเหตุใดเข็มแสดงชั่วโมงและนาทีจึงเติมแต่งด้วยวัสดุเรืองแสงสีแดง เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่ง the Only Watch 2023 รวมถึงสัญลักษณ์แสดงชั่วโมง และรูปสมอบ่งชี้ชื่อเมือง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ก็เป็นสีแดงเช่นเดียวกัน ซึ่งการใช้สีแดงก็เพื่อเป็นเกียรติแก่ the Only Foundation ซึ่งจากเดิมสนับสนุนโดยกรุงปารีสมาอยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของกษัตริย์แห่งโมนาโกนั่นเอง
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ตีขึ้นรูปด้วยมือ ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกาให้ความรู้สึกสมจริงอย่างยิ่ง ดวงอาทิตย์ ฉายแสงสีโรสโกลด์ ในขณะที่ดวงจันทร์ที่รังสรรค์จากโรเดียมก็ส่องรัศมีสีเทาดูน่าค้นหา หน้าต่างแสดงวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เสริมด้วยระบบเข็มแสดงวันที่แบบ retrograde (ระบบเข็มที่เดินไปจนสุดมาตรแล้วตีย้อนกลับมายังตำแหน่งเริ่มต้น) ซึ่งซ่อนไว้อย่างอัจฉริยะอยู่ด้านหลังหน้าต่างแสดงวันที่เข็มรูปตัว U โอบรับตัวเลขแสดงวันที่การขัดแต่งแบบ brouillé หรือแบบเบลอเบาๆ เป็นเทคนิคการตกแต่งนาฬิกาที่มีประวัติศาตร์มายาวนาน มาในเทคนิคล้ำสมัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม ให้ผิวสัมผัสแบบแมตต์แต่ยังคงความเงางาม ซึ่งช่วยให้ดูเวลาได้ง่ายและงดงามกลมกลืน
กลไกที่ไม่เหมือนใคร
ตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.9 มม. ประกอบด้วยกลไก Calibre 77F1 บาลานซ์ทำงานที่ความถี่ 4 เฮิรตซ์ กลไกขึ้นลานอัตโนมัติประกอบด้วย escapement ซิลิคอน ซึ่งเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งทนทานต่อการกัดกร่อนและการสวมใส่และยังไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กอีกด้วย ความแตกต่าง อันเป็นเอกลักษณ์ของกลไกคาลิเบอร์ 77F1 คือระบบกลไกสิทธิบัตรที่เพิ่มเติมเข้ามา มีทั้งระบบ dual-time แสดงเวลาพร้อมกันสองไทม์โซน, ระบบแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง, ระบบวีลที่ตั้งล่วงหน้าได้และปรับตั้งใหม่ได้ และการแสดงวันและคืนด้วย pointer
โดยสามารถยลโฉมกลไกอัจฉริยะส่วนหนึ่งได้จากด้านหลังตัวเรือนกรุคริสตัลแซฟไฟร์ ขัดแต่งอย่างสวยงามด้วยลวดลาย Côtes de Genève (โกท เดอ เฌอแนฟ) รวมถึงลวดลาย guilloche (กิลโยเฌ่) และ snail หรือ ลายก้นหอย ส่วน oscillating weight ที่มีรูปร่างโดดเด่นคล้ายหางเสือทำจากทองคำรมดำ และยังสลักข้อความ "Pièce Unique" และ "Only Watch 2023" ณ ตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา ตามลำดับอีกด้วย
Marine Hora Mundi รุ่นใหม่นี้ พร้อมแล้วที่จะท่องโลกไปพร้อมกับสายรับเบอร์สีมิดไนท์บลู
Breguet และราชนาวี
ชีวิตของ Abraham-Louis Breguet (อับราฮัม-หลุยส์ เบร์เกต์) ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์คิดค้นกลไกมือฉมัง มีความผูกพันกับกองทัพเรือฝรั่งเศส ในปี 1814 เขารับแต่งตั้งโดย พระราชกฤษฎีกา ให้เป็นสมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิของสำนัก the Bureau des Longitudes ร่วมกับนักวิชาการระดับแนวหน้าอย่าง Delambre, Biot และ Laplace ซึ่งหนึ่งในบทบาทหลักของสำนักแห่งนี้คือการหาวิธีแก้ปัญหาเชิงดาราศาสตร์ในการกำหนดลองติจูดการเดินเรือ หนึ่งปีต่อมา กษัตริย์หลุยส์ที่ 18 ก็ได้ทรงแต่งตั้งตำแหน่ง อันทรงเกียรติอย่างยิ่งให้กับเขา นั่นคือ Chronometer-Maker แห่งกองทัพเรือฝรั่งเศส แล้วกองทัพเรือ นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ได้ออกเดินเรือด้วยระบบบอกเวลาของ Breguet จวบจนปัจจุบันจิตวิญญาณแห่งราชนาวียังคงฉายเด่นอยู่ในความสง่างามและกลิ่นอายสปอร์ตนี้ ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นที่โดดเด่นที่สุด คอลเลคชั่นหนึ่งของแบรนด์
ข้อมูลเชิงเทคนิค
5555 – Marine Hora Mundi – 5555BR/YS/5WV – One-of-a-kind model
ตัวเรือน: โรสโกลด์ 18K
เส้นผ่านศูนย์กลาง: 43.9 มม.
ความหนา: 13.80 มม.
หน้าปัด: สีฟ้าขัดแต่งด้วยลวดลาย sunburst และ guilloche
ระบบกลไก: ขึ้นลานอัตโนมัติ
ฟังก์ชั่น: แสดงชั่วโมง, นาที และ วินาที, ตั้งระบบ dual-time ล่วงหน้าได้ โดยสามารถแสดงเวลาไทม์โซนทั้งสองได้ในทันที รวมถึงแสดงวันที่, กลางวัน/ กลางคืน และแสดงชื่อเมือง
เอสเคปเมนท์: แบบ inverted straight-line lever ฮอร์นซิลิคอน และบาลานซ์สปริงซิลิคอนแบบ flat
ประสิทธิภาพการกันน้ำ: 10 บาร์ (100 เมตร)
กลไก: คาลิเบอร์ 77F1
ความถี่: 4 เฮิร์ตซ์
สำรองพลังงาน: 55 ชั่วโมง
ชิ้นส่วน: 384 ชิ้น
สายนาฬิกา: สายรับเบอร์สีมิดไนท์บลูพร้อมตัวล็อคสายโรสโกลด์ 18K แบบพับทบสามชั้น