เดอะ ล็อฟท์ (The Loft) ค็อกเทลบาร์สุดหรูบนชั้น 56 ของโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ขอเชิญชวนแขกทุกท่านมาจุดประกายค่ำคืน เปิดตัวเมนูค็อกเทลชุดใหม่ #ArtistsatTheLoft โดยนำแรงบันดาลใจจากการสร้างสรรค์งานศิลปะของศิลปิน รังสรรค์ขึ้นเป็นค็อกเทล 13 แก้วจาก 13 เทคนิคสำคัญอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมเสิร์ฟแล้ววันนี้
"ในโลกของมิกซ์โซโลจิส ค็อกเทลเปรียบเสมือนผ้าใบแคนวาส และพวกเราก็คือศิลปินคนหนึ่งที่ตั้งใจสร้างผลงานที่ดีที่สุดให้กับผู้มาชม ที่ เดอะ ล็อฟท์นี้ เราเชื่อว่าเครื่องดื่มทุกแก้วคือผลงานชิ้นเอกที่รอการรังสรรค์ขึ้นมาอย่างสร้างสรรค์ สำหรับเมนูใหม่นี้ เป็นครั้งที่ 2 ที่เรานำแรงบันดาลใจจากงานศิลปะมาเป็นส่วนสำคัญในการคิดเครื่องดื่มแต่ละแก้ว ซึ่งในช่วงแรกเราเริ่มคิดเมนูนี้ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามีความซับซ้อนมาก แต่ระหว่างทางเราได้เรียนรู้อะไรร่วมกันเยอะมาก และก็จบลงที่ผลงานที่เรารู้สึกพอใจ เติมเต็มกับความรู้ใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ โดยต้องขอบคุณอาจารย์ และนักศึกษา จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศิลปินที่ทำให้โลกนี้ช่างสวยงาม พวกเขาไม่เพียงแต่มาร่วมผลิตงานศิลปะให้กับเราเท่านั้น หากแต่ยังได้ให้ความรู้เรื่องคอนเซปต์ และเทคนิค ซึ่งเป็นศาสตร์พื้นฐานที่สำคัญ พร้อมนำแรงบันดาลใจ พลัง และมุมมองใหม่ๆ มาเติมเต็มให้กับพวกเรา ผมและทีมบาร์รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ถ่ายทอดประสบการณ์นี้ให้กับแขกทุกท่าน" มิเคอเล มอนทัวติ ผู้จัดการฝ่ายเครื่องดื่ม กล่าวถึงเมนูใหม่
และในวันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับพัฒนาเมนูค็อกเทลชุดใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นจากเทคนิคของงานศิลปะ 13 เทคนิคที่แต่ละชิ้นงานนั้นล้วนสื่อความหมายของสุนทรียภาพแห่งการดื่มได้อย่างประทับใจ อาทิ เช่น
เดอะ แมกโนเลียส์ (The Magnolias) ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของรัม ปิสโกหมักโกจิ เบอร์รี่ น้ำฝรั่ง มะนาว และน้ำเชื่อมกลิ่นวอลนัท และงา โดยศิลปินใช้เทคนิคการวาดภาพสีอะคริลิคถ่ายทอดประสบการณ์การดื่มที่ เดอะ ล็อฟท์ บนอาคารแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด สถานที่ตั้งของโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ในช่วงพลบค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สวยงามและมีความหมายมากที่สุดช่วงหนึ่งของวัน
ชาไทย (Cha Thai) จากเครื่องดื่มยอดนิยม ชาเย็น สู่ค็อกเทลแก้วใหม่ที่มิกซ์โซโลจิส (Mixologists)ได้เลือกใช้รัมสัญชาติไทย ผสมกับเวอร์มุธหมักชาไทย น้ำเชื่อมกลิ่นมะขามหวาน และโฟมครีมข้าวหอมมะลิ สำหรับภาพที่นำมาจับคู่กันในเมนูนั้น แสดงถึงบาร์เทนเดอร์ที่กำลังทำค็อกเทลแก้วนั้นอย่างตั้งใจผ่านเทคนิคการสเปรย์ ซึ่งเป็นเทคนิคศิลปะที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม นำมิติของศิลปะสู่ประสบการณ์การดื่มได้อย่างลงตัว
จัส ดรอป อิท (Just Drop It) นำแรงบันดาลใจจากภาพวาดสีน้ำมันสู่ค็อกเทลแก้วพิเศษที่มิกซ์โซโลจิสใช้เทคนิคการหยดสีน้ำมันบนเครื่องดื่มแบบใสที่มีส่วนผสมของวิสกี้ เวอร์มุธ น้ำว่านหางจระเข้ มะนาว น้ำเชื่อมกลิ่นดอกบัว และมะขามหวาน โดยขั้นตอนสุดท้ายก่อนเสิร์ฟจะมีการหยดน้ำมันมะพร้าวผสมสี 4 จุด ได้แก่ สีแดง (จากกุหลาบและราสป์เบอร์รี่) สีเขียว (ใบโหระพา) สีส้ม (ขิง) และสีน้ำเงิน (อัญชัน) เพื่อให้ผู้ดื่มได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลป์บนแก้วได้อย่างเพลิดเพลิน
เลเวล ฟิฟตี้ ซิกส์ (Level 56) ค็อกเทลที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อชวนให้นึกถึงมิกซ์โซโลจิส และบาร์เทนเดอร์บนชั้น 56 ของเดอะ ล็อฟท์แห่งนี้ ค็อกเทลมีส่วนผสมของจินเป็นหลัก ผสมกับน้ำมะพร้าวที่แฝงด้วยรสชาติของนมเพิ่มความละมุน (clarified coconut milk punch) น้ำเชื่อมกลิ่นกุหลาบผสมลิ้นจี่ และโทนิคกลิ่นส้มและดอกเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ โดยมิกซ์โซโลจิสได้วาดสีลงบนแก้ว ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับการวาดภาพในรูปที่จับคู่กันในเมนู สร้างความสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์
มิดไนท์ โมเสก (Midnight Mosaic) ค็อกเทลคลาสสิกสไตล์ Old-Fashioned ที่เน้นรสชาติที่ตรงไปตรงมาผ่านส่วนผสมของเหล้าเบอร์เบิ้น เวอร์มุธ เพิ่มเสน่ห์ของรสชาติด้วยเหล้ากาแฟกลิ่นส้ม และน้ำเชื่อมกลิ่นข้าวคั่วบาร์เล่ย์ ซึ่งมีเทคนิคที่คล้ายกับชิ้นงานศิลปะแบบคอลลาจ (Collage) ที่นำองค์ประกอบต่างๆ จากหลากหลายมารวมกันไว้ในที่เดียวกัน ค็อกเทลแก้วนี้คือการผสมผสานของรสชาติที่ต่างกันได้ลงตัว
ไปร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษได้ที่ เดอะ ล็อฟท์ ตั้งอยู่บนชั้น 56 โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ เปิดให้บริการทุกวันระหว่างเวลา 17.00 น. - 00.00 น. ในวันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี และระหว่างเวลา 17.00 น. - 01.00 น. ในวันศุกร์ และวันเสาร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง โทร 02-846-8888 หรืออีเมล bkkwa.fb@waldorfastoria.com