ดีลอยท์ เผยผลสำรวจภาคธุรกิจไทยกับความพร้อมรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) นำโดยกลุ่มธุรกิจบริการทางการเงิน และชีววิทยาศาสตร์และการดูแลสุขภาพ ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอันดับต้นๆ โดยส่วนใหญ่กลัวถูกปรับ ฟ้องร้อง และต้องการสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า
ดีลอยท์ ประเทศไทย ผู้ให้บริการวิชาชีพชั้นนำ ด้านการสอบบัญชี การบริหารจัดการ การเงิน ความเสี่ยง ภาษีและกฎหมาย และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมด้านต่างๆ เผยแพร่ผลสำรวจภาคธุรกิจไทยกับการเตรียมพร้อมรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA) จากการเก็บข้อมูลและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้น การจัดการและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจทุกภาคส่วนมีความกังวลมากขึ้นไปด้วย ที่สำคัญกว่านั้น คือการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย พ.ศ. 2562 จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 หลังจากเลื่อนออกจากกำหนดการเดิมสองปี เพื่อให้การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าการบังคับใช้กฎหมายที่ล่าช้าจะทำให้ธุรกิจมีเวลาเตรียมตัวพร้อมปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่มากขึ้น แต่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแนวคิดในเรื่องความเป็นส่วนตัวสำหรับภาคธุรกิจอย่างมาก ในเดือนตุลาคม 2564 ดีลอยท์ ประเทศไทย ได้จัดทำแบบสำรวจการเตรียมพร้อมรับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) จากกลุ่มตัวอย่างองค์กรและอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายคือเพื่อทำความเข้าใจว่าองค์กรมีแนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างไร องค์กรมีแผนการดำเนินงานครอบคลุมถึงขั้นตอนใดบ้าง และความท้าทายที่อาจเผชิญระหว่างการดำเนินการคืออะไร ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค (40%) รองลงมาคือกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน (27%) โดยสรุปแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งหนึ่งประกอบด้วยบริษัทขนาดใหญ่ที่มีจำนวนพนักงานในองค์กร 500 คนขึ้นไป ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า ความรวดเร็วในการดำเนินงาน และแผนการดำเนินงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้นแตกต่างกันในแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการเงินมีการดำเนินที่คืบหน้ามากกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ โดยดำเนินงานเป็นไปตามพระราชบัญญัติอย่างเต็มรูปแบบ และมีความพร้อมตามกำหนดบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2565 ประมาณ 81% ได้มีการปฏิบัติตามอย่างเต็มรูปแบบ หรือคาดการณ์การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนมีนาคม 2565 เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวมีกฎข้อบังคับอย่างเข้มงวด รวมถึงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุนในเรื่องการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าธนาคาร “ความเข้าใจที่ชัดเจนในกฎข้อบังคับใหม่จะช่วยให้บริษัทต่างๆ เตรียมความพร้อมอย่างรับผิดชอบและครอบคลุมในเรื่องความเป็นส่วนตัวซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพระราชบัญญัตินี้ เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องดำเนินการปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวในลักษณะองค์รวม เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถดำเนินกิจการได้อย่างรัดกุม เพื่อประโยชน์สูงสุดในการให้บริการลูกค้าและขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจในอนาคต” ศมกฤต กฤษณามระ พาร์ตเนอร์ ที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเงินกล่าว

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine