บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยข้อมูลของรถยนต์รุ่นล่าสุด MG EP รถสไตล์สเตชั่นแวกอน รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ด้าน พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ ลั่นสร้างจุดชาร์ตไฟฟ้าเพิ่มอีก 500 แห่งทั่วประเทศ
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจี มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำยานยนต์แห่งอนาคต หรือ New Generation of Automotive วันนี้ เอ็มจี จึงมีแผนจะแนะนำ NEW MG EP รถยนต์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” โดยเราวางตำแหน่งให้ NEW MG EP เป็น “เกณฑ์มาตรฐาน” สู่บรรทัดฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ผสาน 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ด้านมิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน ด้านความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย อาทิ หน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว โดยแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 50.3 kWh ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ 163 แรงม้า มีกำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน และ ต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ (Low cost of ownership) ทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว ด้านสมรรถนะ NEW MG EP ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่การสำรองพลังงานสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Quick Charge แบบ DC ผ่านหัวชาร์จประเภท CCS Combo 2 โดยชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0–80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge แบบ AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 100% ผ่าน MG Home Charger ที่เป็นหัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ด้วย KERS Mode (Kinetic Energy Recovery System) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ โดยจุดเด่นการบำรุงรักษา พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า NEW MG EP มาพร้อมกับการดูแลรักษาที่ง่าย และมีค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ได้จากการชาร์จผ่าน MG Home Charger ง่ายๆ ที่บ้าน โดยสามารถชาร์ตจาก 0%-100% และมีค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 200 บาท* ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทางตลอดระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน จะมีค่าใช้จ่ายรวมไม่เกิน 8,000 บาท อีกทั้งการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในระยะยาว MG ยังนำเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ Module มาใช้ ในกรณีหากจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษานั้น สามารถแยกเปลี่ยนเฉพาะ Module นั้นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้ ด้านการขยายจุดชาร์ตไฟฟ้านั้น พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ กล่าวด้วยว่า เราต้องเป้าสร้างจุดชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 100 สถานีภายในสิ้นปี 2563 และในปีหน้าเตรียมสร้างจุดชาร์ตไฟฟ้าเพิ่มอีก 500 จุด เพื่อสร้างความมั่นใจในกับผู้ใช้งานยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยจะมีการร่วมกับ ร้านสะดวก เซเว่น-อีเลฟเว่น ในการกระจายจุด “ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีของแบตเตอร์รี่ เทคโนโลยีการชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ ที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร นั่นเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแต่เพื่อความอุ่นใจ เอ็มจียังคงขยายจุดชาร์ตไฟฟ้าในทั่วประเทศ” พงษ์ศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: 1 ปี “ช้าง โคลด์ บรูว์” ต่อยอดสู่เบรนด์ใหม่ สร้างตลาดด้วยรสชาติไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine