บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวสองยนตรกรรมสปอร์ตสุดหรู Mercedes-Benz S-Class Coupé 15.99 ล้านบาท และ Mercedes-Benz S-Class Cabriolet ราคา 16.72 ล้านบาท พร้อมเปิดยอดยอดขายรถยนต์ทั่วโลกสูงถึง 1,356,350 คัน หรือเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ในประเทศไทยมียอดขายมากกว่า 8,600 คัน หรือเพิ่มขึ้น 9%
Michael Grewe ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดงานว่า รถยนต์ตระกูล S-Class ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งนับตั้งแต่ได้มีการเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2515 รถยนต์ตระกูลนี้ได้สร้างยอดขายให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์รวมแล้วกว่า 4,000,000 คัน
“รถยนต์ตระกูล เอส-คลาสทั้งรุ่นถือเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่มดรีมคาร์ เราได้ยกระดับมาตรฐานของรถยนต์ในกลุ่มลักชัวรี่คูเป้ และลักชัวรี่คาบริโอเลต์ ขึ้นไปอีกขั้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา โฉบเฉี่ยว และทรงพลัง การสะท้อนคำว่า หรูหราร่วมสมัย ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เป็นอย่างดี”
ด้าน
Frank Steinacher รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ด้วยจำนวนยอดขายรถยนต์ทั่วโลกสูงถึง 1,356,350 คัน หรือเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ในประเทศไทยมียอดขายมากกว่า 8,600 คัน หรือเพิ่มขึ้น 9% โดยรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เติบโตเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะแบรนด์ Mercedes-AMG
“แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจียังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดขายเติบโตสูงกว่า 250% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการเดินหน้ารุกตลาดกลุ่มรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวผู้จำหน่ายรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างเป็นทางการทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ หรือการเปิดตัวรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรก” มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ กล่าวและเสริมว่า
“รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในรถยนต์ภายใต้แบรนด์ EQ – Electric intelligence by Mercedes-Benz ที่มีเพิ่มมากขึ้นผ่าน การลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งที่ 6 ของโลกในประเทศไทย โดยรถยนต์ที่อยู่ภายใต้แบรนด์นี้มียอดขายสูงขึ้นประมาณ 40%”
ไฮไลท์ Mercedes-Benz S-Class Cabriolet AMG Premium
ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ประดับ Swarovski crystals 47 ชิ้น ประกอบด้วยไฟ daytime running lamps ส่องสว่างด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 17 ชิ้น และไฟเลี้ยวตกแต่งด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 30 ชิ้น
ในตระกูล S-Class มีเพียง Coupé และ Cabriolet ที่ติดตั้งไฟท้ายแบบ OLED (Organic Light Emitting Diode) เท่านั้น
ภายในห้องโดยสาร ที่มาพร้อมระบบ ENERGIZING Comfort Control ที่ใช้ใน Mercedes-Maybach S 560 ควบคุมการทำงานระบบต่างๆ อย่าง การปรับโทนสีของไฟภายในห้องโดยสาร Premium Ambient Light ได้ถึง 14 เฉดสีและสามารถแยกปรับได้แต่ละจุดภายในห้องโดยสาร การปรับระบบปรับอากาศ และ การปรับระบบเครื่องเสียง
หน้าจอกว้างแบบ Widescreen Cockpit และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต
เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa แบบ Exclusive package ตัดเย็บลายเบาะแบบ diamond design, มีช่องลมที่ให้ลมอุ่นและลมเย็น พร้อมกลิ่นหอมสกัดที่มากับรถยนต์ ในขณะที่เบาะนั่งหน้าสามารถสั่งงานนวดผ่อนคลายได้ 4 รูปแบบ
หลังคาแบบ fabric soft-top ที่มีความหนาถึง 3 ชั้น ชั้นนอกสุดเคลือบสารบูทีล (butyl) ซึ่งทำให้รถยนต์มีระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยหลังคาสามารถกางเปิดหรือพับปิดได้ในเวลาเพียง 19 วินาที ขณะที่รถวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม. อีกทั้งยังมาพร้อมกับแผงบังคับทิศทางลม(AIRCAP)
Mercedes-Benz S-Class Coupé AMG Premium
พวงมาลัยที่มาพร้อม ระบบ Active Emergency Stop Assist ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มีการตอบสนองกับพวงมาลัย ระบบจะส่งสัญญาณเตือน แต่ถ้ายังไม่มีการตอบสนองจากผู้ขับขี่ ระบบจะค่อยๆ หยุดรถอัตโนมัติในช่องจราจรนั้น พร้อมกับเปิดระบบไฟกระพริบฉุกเฉิน
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟแบบ MAGIC SKY CONTROL ขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับความเข้มของกระจกได้เพียงกดสวิตช์เพื่อกรองแสงที่เข้ามาได้ โดยพาโนรามิคซันรูฟนี้ มีความยาวถึง 2 ใน 3 ของความยาวหลังคา หรือมีพื้นที่ประมาณ 1.32 ตารางเมตร
ศูนย์ควบคุมต่างๆ