อเล็กซ์ อัลบอน นักแข่งคนไทยหนึ่งเดียวบนสนาม F1 - Forbes Thailand

อเล็กซ์ อัลบอน นักแข่งคนไทยหนึ่งเดียวบนสนาม F1

อเล็กซ์ อัลบอน  นักขับรถ F1 เยื่อนไทย เผยประสบการณ์หลังสังกัดทีม Red Bull Toro Rosso Honda เผยความพร้อมลงแข่งในการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ซีซั่น 2019 สนามแรกของปีที่ประเทศออสเตรเลีย

อเล็กซ์ อัลบอน (Alexander Albon) นักขับรถ F1 ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ วัย 22 ปี กำลังจะเป็นคนไทยคนที่ 2 ของประเทศไทย ต่อจาก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ในลงแข่งขันรถยนต์ที่มีคนติดตามมากที่สุดในโลก โดยเตรียมประเดิมลงแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ฤดูกาล 2019 ในสนามแรกที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ชาติไทยหลังรอคอยมาถึง 45 ปี อเล็กซ์ เป็นบุตรของ Nigel Albon อดีตนักแข่งสัญชาติอังกฤษและเป็นผู้ที่ทำให้เขาเริ่มการขับรถ ด้วยวัยเพียง 7 ขวบ หลัง Nigel ได้ซื้อรถ Go Kart ให้เขาและดัดแปลงพื้นที่ว่างเปล่าภายในฟาร์มใกล้ๆ บ้านเป็นสนามแข่งรูปทรงเลขแปดและตั้งแต่ช่วงเวลานั้นมาความสนุกวัยเด็กออกดอกผลเป็นนักแข่งระดับฟอร์มูล่าวันในปัจจุบัน อเล็กซ์ เผยว่าตั้งแต่เด็กเขามี Michael Schumacher เป็นนักแข่งในดวงใจ "สมัยเด็กๆ คุณแม่เล่าให้ฟังว่าทุกครั้งที่ Schumacher แข่งขัน เราจะรวมโต๊ะนั่งดูการแข่งขันและคุณแม่จะยก Schumacher ขึ้นมาเพื่อต่อรองให้ผมทำอะไรในวัยเด็กที่ไม่อยากทำ อย่างการกินผัก แครอท เพื่อให้ดูการแข่งขันของเขา สิ่งที่ทให้ผมชื่นชม Schumacher คือสไตล์การขับและความเป็นผู้นำในสนามแข่งที่เขามี” เพียง 1 ปี หลังจากนั้น อเล็กซ์วัย 8 ปีได้ลงแข่งขัน Go kart และติดอันดับ 3 และตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาเริ่มฝึกฝนตนเองตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่มีสปอนเซอร์ในการแข่งขันจนกระทั่งเริ่มมีชื่อเสียงและทำอันดับได้ดี อาทิ การแข่งขัน GP3 Series ในปี 2016 ที่เขาได้อันดับ 2 และล่าสุดในการติดอันดับ 3 ในรายการ FIA Formula 2 Championship ประจำ 2018 ที่ผ่านมา การฝึกฝนคือสิ่งสำคัญที่สุด อเล็กซ์ กล่าวกับเราว่า “สำหรับการเริ่มขับรถแข่งบางคนเน้นที่การขับให้ได้เร็วๆ ได้ไวไวๆ แต่สำหรับผม ผมเริ่มต้นการขับด้วยการทำทุกอย่างให้ช้า เอาไว้ก่อน จนกระทั่งเกิดความเชี่ยวชาญ การขับรถแข่งมีทักษะหลายสิ่งที่จำเป็นต้องฝึกฝน และด้วยนิสัยส่วนตัวของผมที่ไม่ปล่อยผ่านเทคนิคบางอย่างไปถ้าไม่สมบูรณ์ ในการสนามแข่งเราไม่มีแข่งกับคนอื่นแต่เราแข่งขันกับตัวเองว่าเราทำผลงานได้ตามที่เราฝึกฝนหรือดีกว่าหรือไม่ เพราะฉะนั้นในการเริ่มต้นแบบช้าๆ และสมบูรณ์เป็นคำตอบสำหรับผมเพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้สูงขึ้นไป” อเล็กซ์ร่วมทีมกับ Red Bull Toro Rosso Honda เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 เขาอธิบายให้ฟังว่า “การสื่อสาร” คือสำคัญในการทำงานร่วมกันเป็นทีม “ในทีมแข่งในเวทีฟอร์มูล่าทูเราใช้ทีมงานเพียง 12 คน ในการแข่ง แต่ในเวทีฟอร์มูล่าวันเรามีทีมงานมากถึง 500 คน ฉะนั้นการสื่อสารระหว่างกันเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้เกิดผลงานที่ดี” อเล็กซ์ยังเปิดอีกว่าในตารางซ้อมเขาต้องฝึกฝนหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเตรียมร่างกายให้พร้อมโดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนคอและหลังเพราะเป็นอวัยวะที่ใช้ควบคุมกับแรงปะทะ แรงเหวี่ยง มหาศาล ทั้งจากทางตรงและยิ่งการเข้าโค้ง การฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำอีกกับเครื่องจำลองสถานการณ์เป็นส่วนสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีที่รุดหน้าและเสมือนจริงมากในปัจจุบัน ที่สามารถจำลองเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ ได้มากกว่าล้านรูปแบบ เพื่อเตรียมการรับมือหากเกิดขึ้นจริงในสนามแข่งจริง “การได้แข่งขันในสนามฟอร์มูล่าวัน ความกดดันมีอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นผลงานการขับ การทำสมาธิ ช่วงเวลาในฟอร์มูล่าทู ระหว่างการแข่งขันยังมีเวลาทำสมาธิในห้องส่วนตัวกับเพลงที่ชื่นชอบเพื่อทำสมาธิและทบทวนการแข่งขัน แต่สำหรับการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน แค่ออกจากตัวรถต้องพบปะคนมากมายไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนที่รายล้อม โอกาสทบทวนแบบฟอร์มูล่าทู แทบไม่มี ซึ่งเมื่อมีโอกาสอยู่ได้เพียงลำพัง สิ่งที่ต้องรีบทำให้ทันทีคือการใส่หูฟัง ฟังเพลงที่ชื่นชอบและทบทวนการขับในรอบที่ผ่านมาอย่างรวดเร็ว” ในทีม Red Bull Toro Rosso Honda ถือเป็นทีมที่มีการแข่งขันสูงมีนักแข่งรุ่นใหม่อยู่ในทีมเป็นจำนวนมาก ที่พร้อมจะทำหน้าที่แทนเรา ซึ่งกีฬาฟอร์มูลล่าเป็นกีฬาที่แปลกเพราะคู่แข่งขันคำสำคัญคือเพื่อนร่วมทีมของเรานี่เอง เราตั้งแข่งกันเองแต่ต้องทำให้ผลงานของทีมออกมาได้ดีที่สุด “ความมั่นใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป้าหมายของผมคือการทำวันนี้ให้ดีที่สุด หลังจากได้อย่างสนามทดสอบในบาร์เซโลน่าที่ผ่านมา ผมก็ได้เทคนิคใหม่ในการเร่งความเร็วในทางตรง และการชิงโค้งที่ชัดเจนมากขึ้น”  อเล็กซ์ กล่าว ในฐานะทายาทนักแข่ง อเล็กซ์และคุณพ่อยังคงแข่งขันกันบ้างในย่านแถวบ้านๆ ระหว่างทางกลับมาเป็นกิจกรรมสนุกๆ ของตระกูลนักแข่งซึ่งแน่นอนว่าเขากลับบ้านก่อน “คุณพ่อมักบอกว่าที่ผมชนะเพราะน้ำหนักร่างกายที่เบากว่า” แม้ทางด้านเทคนิคการแข่งขัน อเล็กซ์จะก้าวรุดหน้ากว่าพ่อไปมากแล้ว แต่คำสอนต่างๆ ของคุณพ่อนั้นมีคุณค่าทางด้านจิตใจ เขายังมานำปรับใช้เพื่อค่อยดึงสติและนำมาใช้จริงในการแข่งขันปัจจุบัน