ขัดเกลาอดีต - Forbes Thailand

ขัดเกลาอดีต

FORBES THAILAND / ADMIN
16 Jan 2017 | 11:59 AM
READ 13811

เมื่อ Peng Loh ค้นพบในสิ่งที่รัก นั่นคือการแปลงโฉมตึกเก่าให้เป็นโรงแรมและร้านอาหารสุดฮิป ไล่ตั้งแต่สิงคโปร์ไปจนถึงออสเตรเลีย

เมื่อครั้งที่ Peng Loh เริ่มออกสำรวจย่าน Chippendale ของ Sydney ในปี 2011 ละแวกนั้นแทบไม่มีเค้าลางว่าจะเป็นทำเลอันเหมาะสมสำหรับโรงแรมสุดเก๋หรือร้านอาหารที่รังสรรค์เมนูโดยเชฟชื่อดัง เขาเห็นแต่เข็มฉีดยาของบรรดาขี้ยาเกลื่อนกลาดตามพื้นถนนรวมถึงอาคารสภาพทรุดโทรมเต็มไปด้วยรอยพ่นสีขูดขีดเขียนตามกำแพง แต่มีอะไรบางอย่างในย่านอันรกร้างนี้ที่สะกดความสนใจของเขา อย่างที่เขากล่าวว่า “ผมเล็งเห็นศักยภาพของย่านนี้”

ปัจจุบัน Chippendale คือหนึ่งในย่านสุดฮิปของออสเตรเลียที่มีทั้งสวนพักผ่อนและร้านเสื้อผ้าแฟชั่นนำสมัยเรียงรายอยู่มากมายและอยู่ในแผนพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากส่วนปกครองท้องถิ่น นิตยสาร Travel + Leisure ระบุว่า “นี่คือย่านที่มาแรงที่สุดของ Sydney ณ ขณะนี้ Old Clare Hotel นับเป็นผลงานการชุบชีวิตย่านตึก Carlton & United Breweries อันเก่าแก่กว่าร้อยปีและผับพร้อมบริการห้องพักใน Chippendale ที่อยู่ติดกัน ตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อปีที่ผ่านมาโรงแรมได้ขึ้นแท่นกลายเป็นต้นแบบชั้นเลิศของการรีโนเวทอาคารที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ร้านอาหารระดับไฮเอนด์ของโรงแรมยังได้รับเสียงชื่นชมจากเหล่านัก-วิจารณ์ โรงแรมแห่งนี้เป็นความสำเร็จชิ้นล่าสุดของนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่เรียกกระแสตอบรับได้เป็นอย่างดีมาแล้วก่อนหน้านี้ทั้งใน London, Shanghai มาจนถึงออสเตรเลีย
ห้องพักของ Old Clare Hotel ใน Sydney ซึ่งดัดแแปลงมาจากตึกของ Carton&United Breweries
  Loh วัย 44 ปีอาจมีลักษณะที่ดูห่างไกลจากการเป็นผู้นำเทรนด์ที่มีสไตล์โดดเด่นและทันสมัย บุคลิกของเขาดูเป็นคนจริงจังอย่างกับอาจารย์สอนหนังสือ Loh ชอบสะสมของสารพัดตั้งแต่วัยเด็ก เขาชื่นชอบโคมไฟหน้าตาประหลาดและของตกแต่งที่ฉีกแนว โครงการที่ผ่านมือของ Loh จะมีกลิ่นอายการตกแต่งที่แหวกแนวตามแบบฉบับของเขาโดยมีตั้งแต่เก้าอี้บาร์เบอร์ที่มีเอกลักษณ์ ไปจนถึงหลอดไฟไส้โบราณ แม้สไตล์การตกแต่งบางอย่างของเขาจะสุดแปลกชวนให้บรรดาพนักงานหลุดขำกันอย่างฉงน แต่ก็ไม่มีใครดูถูกความสามารถในการทำเงินจากการปรับปรุงพัฒนาอาคารเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างให้กลายเป็นโรงแรมรูปโฉมใหม่ที่มีความน่าสนใจและร้านอาหารที่เป็นสวรรค์ของนักชิม ยิ่งไปกว่านั้นผลงานของ Loh แต่ละแห่งยังมีความแตกต่างไม่ซ้ำรูปแบบเดิม Loh ใช้อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองในการตัดสินใจ โดยลงมือสร้างร้านอาหารและโรงแรมแบบที่เขาจะมีความสุขที่ได้ไปทานหรือพักผ่อน เครือโรงแรมและร้านอาหารของเขาเพิ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ “ผมไม่เคยนึกถึงเรื่องการสร้างแบรนด์” เขากล่าว ตอนนี้โครงการต่างๆ อยู่ภายใต้เครือธุรกิจที่ชื่อว่า Unlisted Collection ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตรงตามความหมาย ในแต่ละโครงการ Loh จะรวบรวมผู้ลงทุนขณะที่ตัวเขารับหน้าที่ดูแลด้านการบริหาร เขาไม่ได้เปิดเผยตัวเลขรายได้และกำไรแต่ประเมินว่าอัตราเติบโตของรายได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โครงการทั้งหมดของเขามีพนักงานมากกว่า 800 คน เส้นทางสู่สายธุรกิจและการพัฒนาต่อยอดหลังจากนั้นเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน เมื่อย้อนกลับไปเขาทำงานด้านกฎหมายที่สิงคโปร์ ก่อนจะพบว่ามัน “ค่อนข้างน่าเบื่อ” งานส่วนหนึ่งของเขาต้องเกี่ยวข้องกับการพิจารณาข้อมูลรายชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าข่ายล้มละลาย เขาสังเกตเห็นตึกเก่าหลังหนึ่งในย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์ปรากฏในรายชื่อนำออกประมูลหลายครั้ง โรงแรมเก่าอันทรุดโทรมแห่งนี้ให้บริการห้องพักแบบรายชั่วโมงในย่านที่ขึ้นชื่อในแง่ศูนย์รวมแหล่งโลกีย์ที่มีสภาพเสื่อมโทรม ท่ามกลางเสียงทัดทาน Loh ตัดสินใจซื้อโรงแรมที่เต็มไปด้วยชื่อเสียแห่งนี้ Hotel 1929 โครงการอสังหาฯ แห่งแรกของเขาได้ชื่อมาจากปีที่เปิดทำการครั้งแรกและได้เปิดตัวอีกครั้งในรูปโฉมใหม่ในปี 2003 โครงการรีโนเวทแห่งที่สองเรียกได้ว่ามีความใกล้เคียงกับผลงานเดิมที่สุดแล้วถ้าวัดจากทำเล โดยอยู่ในบริเวณไชน่าทาวน์เหมือนกัน New Majestic Hotel ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 2006 เป็นตึกแถว 4 ห้องติดกัน โรงแรมสุดฮิปที่ห้องพักเก๋ไก๋ไม่เหมือนใครได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยปลุกให้ไชน่าทาวน์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและเปลี่ยนมุมมองที่เคยมีต่อสิงคโปร์ ก่อนหน้านั้นโรงแรมในสิงคโปร์ต่างมุ่งเน้นไปที่ความอลังการและทันสมัย Loh พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้เข้าพักชื่นชอบเสน่ห์ความคลาสสิกและความมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เมื่อไม่นานมานี้ Loh หันมาลุยโครงการใหญ่ขึ้นอย่าง Bethnal Green Town Hall อาคารสถาปัตยกรรมหลังใหญ่อันเป็นที่ตั้งสำนักงานเทศบาลในย่านอันเงียบเหงาของ London ซึ่งถูกทิ้งร้างมานานกว่า 15 ปี เขาเปลี่ยนอาคารแห่งนี้ให้กลายเป็นโรงแรมขนาด 98 ห้อง นับเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของเขาในแง่จำนวนห้องพักและเงินลงทุนซึ่งอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านเหรียญ Town Hall โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวเปิดดำเนินการในปี 2010 และได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง “อุปสรรคปัญหาในการรีโนเวทอาคารเก่าแก่นับร้อยปีถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง” เขากล่าว “ทุกเรื่องมีความยุ่งยาก ทั้งการวางผังออกแบบ การวางแผนงบประมาณไปจนถึงการลงมือก่อสร้าง คุณไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไรจนกระทั่งลงมือลุยหน้างานและพบว่าสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่คาด”
The Study ในสิงคโปร์นำเสนอบรรยากาศ "ร้านสไตล์อังกฤษบิสโทรแบบร่วมสมัย"
The Market Grill มาจากการรีโนเวทตึกแถวย่านไชน่าทาว์นโดนใจคนรักสเตีกและล็อบสเตอร์
ประสบการณ์ที่ผ่านมาเปิดมุมมองใหม่ให้กับเขา “ในสิงคโปร์การปรับปรุงอาคารแทบหมายถึงการเนรมิตขึ้นใหม่” เขากล่าว “พวกเขาจะซ่อมแซมรอยแตกร้าวของอาคารทุกซอกทุกมุม พวกเขาจะทาสีใหม่และทำให้ทุกอย่างดูใหม่ราวกับเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อวาน โครงการใน London ทำให้ผมเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าการชุบชีวิตฟื้นฟูอาคารที่แท้จริงเป็นอย่างไร” ที่ Sydney เราพยายามสงวนรักษาตู้นิรภัยโบราณ อุปกรณ์หมักบ่มแอลกอฮอล์สมัยเก่าและพื้นไม้เดิม ตลอดจนเสียงเอี๊ยดอ๊าดของอาคารเก่า “เราคงเสน่ห์ความเก่าแก่และความไม่สมบูรณ์แบบเอาไว้แทนที่จะไปปรับเปลี่ยนให้มันดูเหมือนใหม่”   ใช่ว่าเขาจะไม่เคยประสบความล้มเหลว โรงแรม Leicester House ในกรุง London ไม่ได้รับความนิยมและถูกขายออกไปเมื่อ 2 ปีก่อน “เราทั้งอยู่ในทำเลไม่เหมาะและสินค้าไม่ตอบโจทย์” Loh กล่าว ส่วนที่ Old Clare เขาเปิดร้านอาหารสุดหรูในโรงแรมถึง 3 ร้านแทนที่จะเปิดเพียงร้านเดียว ซึ่ง 1 ใน 3 ร้านดังกล่าวเพิ่งปิดตัวลงโดยเขากล่าวว่าสาเหตุเนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลาของเชฟ “ผมทะเยอทะยานมากเกินกำลัง” เขายอมรับ เขายอมรับด้วยการมองในแง่บวกว่าทั้งหมดนี้คือกระบวนการพัฒนาและเรียนรู้ ในช่วงหลังเขาหันมามุ่งเน้นด้านการบริหารซึ่งมีแนวคิดนอกกรอบไม่ธรรมดาเช่นเดียวกับโครงการต่างๆ ของเขา “ณ จุดนี้ เนื่องจากธุรกิจของเราจะขยายตัวต่อไปในอนาคต ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องมองหาทางเลือกในการใช้รูปแบบบริหารแบบศูนย์กลางและไม่ทุ่มเวลาและเงินทุนมากเกินไปสำหรับโครงการใหม่” อย่างไรก็ตาม รากฐานการดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิมของ Loh จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาจะยังคงเสาะหาเพชรในตมแม้จะหลบอยู่ในย่านที่ทรุดโทรมหรือถูกทิ้งร้าง และลงมือฟื้นฟูเสน่ห์ของอาคารเก่าที่ถูกละเลยให้กลับคืนมาดังเดิม “ผมรักสิ่งนี้” เขากล่าว “มันคือรางวัลที่คุ้มค่าเมื่อเราสามารถคืนชีวิตให้กับอาคารหลังเก่าและย่านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเหล่านั้น”  
คลิ๊กอ่าน "ขัดเกาอดีต" ฉบับเต็มได้ที่ ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559