ราชาผู้ปลุกปั้นเบียร์รสเลิศ - Forbes Thailand

ราชาผู้ปลุกปั้นเบียร์รสเลิศ

FORBES THAILAND / ADMIN
17 Jun 2014 | 02:21 PM
READ 3994

เมื่อหลายสิบปีก่อนตลาดเบียร์ประเภทปรุงพิเศษ หรือคราฟเบียร์จากโรงเบียร์อิสระยังเป็นกิจการที่ไม่มีใครสนใจ  Ken Grossman ได้ตัดสินใจเข้าชิมลาง ก่อตั้ง Sierra Nevada Brewing Co. นำพาธุรกิจฝ่ามรสุมทั้งขาขึ้นและขาลงมากว่า 35 ปี

จนปัจจุบันเขาครอบครองโรงหมักเบียร์อิสระรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ผลิตเบียร์ได้ปีละ 1 ล้านบาร์เรล สร้างรายได้กว่า 200 ล้านเหรียญ ส่วนตัวเขานั้นมีทรัพย์สินมากกว่า 800 ล้านเหรียญทีเดียว ในวัยหนุ่มเขาหันหลังให้กับการเรียน ออกมาเปิดร้านขายจักรยานของตัวเอง ต่อมาเปิดร้านขายชุดอุปกรณ์สำหรับผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามบ้าน แต่ในใจเขาชอบการหมักเบียร์มาตั้งแต่อายุยังไม่ครบกำหนดให้ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาได้ ในปี 1978 เขาควักเงินเก็บ 15,000 เหรียญ ก่อตั้ง Sierra Nevada พร้อมกับระดมทุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูงอีก 85,000 เหรียญ ในขณะนี้ทั่วสหรัฐฯ มีโรงผลิตเบียร์อิสระเพียง 45 แห่งเท่านั้น ในช่วงสองปีแรกเขาใช้เวลาทั้งหมดปลุกปั้นระบบโรงงาน เสาะแสวงหาชิ้นส่วนต่างๆ จากโรงงานที่ปิดตัวลง ท่ามกลางความแคลงใจของภรรยาว่าจะไปรอดหรือไม่ จนเริ่มผลิตเบียร์ออกสู่ตลาดได้ปลายปี 1980 แม้จะไม่ได้กำไร แต่ในปี 1988 บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตเป็นปีละ 12,000 บาร์เรล พร้อมทั้งจ้างพนักงานเพิ่ม และยังตัดสินใจซื้อและขนส่งเครื่องหมักทองแดงขนาด 100 บาร์เรล จากโรงงานที่ปิดตัวในเยอรมนีข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคมาติดตั้งในโรงงานแห่งใหม่ที่ Chico ทำให้ต่อมาอีกสี่ปีสามารถเพิ่มกำลังผลิตเป็นปีละ 300,000 บาร์เรล ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ถึงห้าเท่า หลังจากนั้นเขาต้องเผชิญปัญหากับหุ้นส่วนอย่างยืดเยื้อ จนในที่สุดต้องตัดสินใจซื้อหุ้นครึ่งหนึ่งในปี 1998 ในมูลค่าที่ไม่เปิดเผย จากปัญหาภายในทำให้บริษัทเสียส่วนแบ่การตลาดให้การโรงผลิตเบียร์อิสระหน้าใหม่ที่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเบี้ย  Grossman ยอมรับว่าช่วงนี้เขาท้อแท้ หมดไฟจะทำงานต่อ ดีที่ได้ลูกสาวทั้งสามคนที่กระตือรือร้นที่จะรักษากิจการไว้กับครอบครัว จนทำให้กลับมามีไฟอีกครั้ง ตั้งเป้าการผลิตไว้ที่ปีละ 800,000 บาร์เรล และยังติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้โรงงานแห่งใหม่ เพื่อเป็นต้นแบบกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Grossman ทดลองหมักเบียร์สูตรใหม่มากมาย ทำให้ปีที่ผ่านมา Sierra Nevada มีเบียร์วางจำหน่ายถึง 55 ฉลาก  แต่เบียร์ Pale Ale ซึ่งเป็นสูตรดั้งเดิมยังคงเป็นสินค้าขายดีอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 60 ของรายได้ทั้งหมด แต่ปัญหาใหญ่ที่เขาต้องเจอในช่วงนี้ก็คือการแข่งขันอย่างดุเดือดกับโรงผลิตเบียร์อิสระที่เกิดขึ้นมากมายนั้นเอง สรุปและเรียบเรียงจาก ราชาผู้ปลุกปั้นเบียร์รสเลิศ, Forbes Thailand ฉบับ APRIL 2014