ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
NIA เผย 3 มาตรการเยียวยา "สตาร์ทอัพไทย"
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติหรือ NIA หารือสถาบันการเงินเตรียมออกเงินกู้เงื่อนไขพิเศษ จัดงบ 70 ล้านช่วยเหลือสตาร์ทอัพไทย สร้างตลาดใหม่ และจัดตั้งหลักสูตรเสริมความรู้
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยมาตรการเยียวยาสตาร์ทอัพ ธุรกิจนวัตกรรม หลังผ่านวิกฤตไวรัสโควิด – 19 ประกอบด้วย การสนับสนุนด้านเงินทุนให้เปล่าผ่านกลไกหลักของสำนักงานฯ ทั้งในรูปแบบเงินให้เปล่ากว่า 70 ล้านบาท และการอนุมัติเงินกู้เงื่อนไขพิเศษ รวมถึงการสร้างตลาดใหม่และเปิดพื้นที่ประชาสัมพันธ์นวัตกรรม ตลอดจนส่งเสริมความรู้ผ่านหลักสูตรต่างๆให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้หลังสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลง
“ที่ผ่านมา NIA มีการพัฒนาระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านการเงิน การลงทุน การตลาด กฎระเบียบ เครือข่าย รวมถึงการเสนอแนวนโยบายและจัดทำร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน สตาร์ทอัพไทย ให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด”
สำหรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในครั้งนี้นับว่าส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมไปทั่วโลก โดย NIA เตรียมให้ความช่วยเหลือผ่าน 3 มาตรการ ได้แก่ การสนับสนุนด้านเงินทุนให้เปล่าผ่านกลไกหลักของสำนักงาน เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยเบื้องต้นได้สนับสนุนทุนนวัตกรรมไปแล้วกว่า 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินอุดหนุนรวม 39.8 ล้านบาท
ดร.พันธุ์ อาจยกตัวอย่างธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนทุนนวัตกรรม เช่น สบายดี: แพลตฟอร์มดูแลสุขภาพระหว่างการระบาดของไวรัสโควิด-19 นวัตกรรมบริการสำหรับการขนย้ายผู้ป่วย หรือผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบบบริหารห่วงโซ่อุปสงค์-อุปทานเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้ เป็นต้น
นอกจากนั้น NIA ยังได้เตรียมงบอุดหนุนแบบให้เปล่าจำนวนกว่า 70 ล้านบาทสำหรับช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจฐานนวัตกรรมทั้งมิติเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งหารือกับสถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น เพื่ออนุมัติเงินกู้เงื่อนไขพิเศษสำหรับ สตาร์ทอัพไทย และเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19
ขณะที่มาตรการสร้างตลาดใหม่จะช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสเข้าถึงตลาดภาครัฐได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการจัดซื้อจัดจ้างของตลาดภาครัฐสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ GPT และ แพลตฟอร์ม “YMID Portal” เป็นต้น
ซึ่งในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 นี้ก็ได้สร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาดังกล่าวกว่า 12 ราย ได้เข้าไปร่วมทำงานจริงกับเครือข่ายโรงพยาบาลกว่า 9 แห่ง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีปและสามารถขยายโอกาสต่อไปในภาครัฐอื่นได้
นอกจากนี้ NIA ยังเตรียมเปิดพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้สตาร์ทอัพได้ประชาสัมพันธ์นวัตกรรม ผ่านช่องทางเพจ Startup Thailand ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ สำหรับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและต้องการก้าวสู่ระดับประเทศหรือระดับนานาชาติมากขึ้น NIA ยังมีเครือข่ายกับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น เครือซีพี ไทยยูเนี่ยน สยามคูโบต้า ช.การช่าง ฯลฯ ที่พร้อมจะร่วมลงทุนและผลักดันให้สตาร์ทอัพนั้นได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อไป
สำหรับการส่งเสริมความรู้และการพัฒนาสตาร์ทอัพที่ผ่านมาได้มีการจัดหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับเยาวชน และสตาร์ทอัพทั่วไป พร้อมทั้งได้มีการพัฒนาด้านออนไลน์ให้มีการเข้าสู่ระบบมากขึ้นผ่านสถาบันวิทยาการนวัตกรรม โดยภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีมากกว่า 10 หลักสูตร และโครงการ Startup Thailand League ซึ่งเน้นไปยังกลุ่มนักศึกษาที่มีความสนใจจะเป็นสตาร์ทอัพ โดยในปัจจุบันได้มีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 2,000 ราย
ทั้งนี้ นอกเหนือจากมาตรการดังกล่าว ยังมีอีกหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ธนาคาร และเอกชน ได้เริ่มสนับสนุนสตาร์ทอัพและวิสาหกกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เช่น กระทรวงการคลัง NSTDA DEPA ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ และ Innospace เป็นต้น