บลูบิค กรุ๊ป ประกาศความพร้อมไอพีโอ 25 ล้านหุ้นและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เสริมแกร่งธุรกิจให้คำปรึกษาการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ในองค์กรสู่เป้าหมายบริษัทคอนซัลต์ชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร
พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 25 ล้านหุ้นหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว โดยภายหลังได้รับอนุมัติให้เสนอขายหุ้น IPO และแบบ Filing มีผลใช้บังคับจะกำหนดวันที่เสนอขายหุ้น IPO พร้อมคาดการณ์นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในปีนี้ ขณะที่บริษัทมีความมั่นใจในความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างครบวงจร รวมถึงทีมบุคลากรมากประสบการณ์จากบริษัทคอนซัลต์ระดับโลกกว่า 100 คนที่พร้อมช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันและปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจให้แก่องค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ยุคดิจิทัลและสร้างการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด สำหรับในปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ให้บริการคำปรึกษาสำหรับธุรกิจองค์กรครอบคลุม 5 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) ด้านการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) ซึ่งครอบคลุมถึงการวางโครงสร้างระบบไอทีภายในองค์กร รวมทั้งบริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลครบวงจรและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแต่ละองค์กร เช่น การออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้งานและส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้กับระบบ (UX/UI) บนหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน นอกจากนั้น บริษัทยังให้บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) พร้อมทั้งบริการด้านทรัพยากรบุคคลชั่วคราวที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที (IT Staff Augmentation) โดยทำหน้าที่จัดหาพนักงานที่เชียวชาญด้านไอที เช่น โปรแกรมเมอร์ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อปฏิบัติงานตามกำหนดระยะเวลาจนจบโครงการ ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561-2563 มีอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งกำไรและรายได้จากการขายและให้บริการ โดยมีกำไรสุทธิคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 51.81% ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการ อยู่ที่ 132.76 ล้านบาท 184.94 ล้านบาท และ 200.53 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 22.90% ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 มีรายได้จากการขายและบริการ 49.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการทรานส์ฟอร์มองค์กรเพื่อเข้าสู่ดิจิทัลของลูกค้า รวมทั้งบริษัทได้รับความไว้วางใจในการเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการเพิ่มขึ้น จึงทำให้มีกำไรสุทธิ 12.34 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.78% ของรายได้จากการขายและให้บริการ ซึ่งเติบโตขึ้นจากอัตรากำไรสุทธิที่ 22.06% ของปี 2563 พชรกล่าวถึงแผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทต้องการขยายการลงทุนให้รองรับกับการเติบโตในอนาคต 7 ด้านหลัก ได้แก่ การเพิ่มบุคลากรและพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีตลอดจนวางแผนพัฒนาศูนย์การพัฒนาทักษะ (Learning Academy Center) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Software as a Service หรือ SaaS) รวมถึงจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development Center) นอกจากนั้น บริษัทยังต้องการเสริมศักยภาพการบริหารจัดการภายใน ผ่านการยกระดับระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร รวมถึงการขยายพื้นที่สำนักงานรองรับการเพิ่มบุคลากร และการชำระเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน พร้อมใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ และลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องหรือธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างการเติบโตและรับมือความผันผวนของตลาด ด้าน ปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า บลูบิคเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลและสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลให้องค์กรต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ดิจิทัล เพื่อรองรับเป้าหมายการเพิ่มศักยภาพและเร่งการเติบโตภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงเดินหน้าขยายทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากบริษัทระดับโลก ซึ่งจะเป็นหัวใจหลักต่อการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง อาทิ Management Consultant, Technology Consultant และ Project Manager ตลอดจนจัดฝึกอบรมพัฒนาทักษะบุคลากรและมุ่งเน้นพัฒนาระบบงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในการออกแบบนวัตกรรมเพื่อนำเสนอโซลูชันด้านเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน บริษัทพร้อมเปิดรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและต่อยอดสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ซึ่งล่าสุดได้เดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) เพื่อเติมเต็มนวัตกรรมและศักยภาพด้านดิจิทัลสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า อ่านเพิ่มเติม: เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล เตรียมเดินเกมรุก “สิริฮับ” โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนตัวแรกของไทยไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine