หลังเปิดตัว Galaxy Z Series เมื่อต้นเดือนส.ค.ได้การตอบรับที่ดีเกินคาดยอดจองทั่วโลกพุ่ง 8 เท่า ของขาดทุกสโตร์ ซัมซุงมั่นใจเทคโนโลยี “จอพับ” ตอบโจทย์ผู้บริโภค ลุยเปิดจองอีกรอบ 15 ก.ย. นี้
ช่วงเช้าวันที่ 14 ก.ย. ซัมซุงประเทศไทยจัดแถลงข่าวออนไลน์ เพื่อนำเสนอทิศทางแนวโน้มธุรกิจสมาร์ทโฟนซัมซุงในไทยและทั่วโลก หลังกจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2564 ซัมซุงเพิ่งเปิดตัวโทรสมาร์ทโฟนใหม่ Galaxy Z Series สองรุ่นล่าสุด Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G ได้การตอบรับที่ดีมาก มียอดขายและยอดจองเข้ามาเกินความคาดหมาย ดังนั้นในวันที่ 15 ก.ย.จะเปิดลูกค้าจองอีกรอบ หลังสินค้าผลิตไม่ทัน ของขาดทุกสโตร์ สิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานองค์กรกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เผยว่าการตอบรับที่ดีนี้ทำให้ซัมซุงมั่นใจต่อทิศทางการพัฒนาสมาร์ทโฟนจอพับเป็นกระแสหลักของตลาดสมาร์ทโฟนในอนาคต “ด้วยยอดจองพุ่งทะลุ 8 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าตั้งแต่ยังไม่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และตัวเลขลูกค้าใหม่จากแบรนด์อื่นเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 10% จาก 20% มาเป็น 30% พร้อมตั้งเป้าสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ กลายเป็นสมาร์ทโฟนกระแสหลักในอนาคต" ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2564 ซัมซุงได้ทำการสำรวจตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย และค้นพบว่าตลาดอยู่ในภาวะทรงตัว แต่พบว่าตัวเลขสมาร์ทโฟนในกลุ่มพรีเมี่ยมเซกเมนต์กลับสวนทางตลาด ด้วยอัตราการเติบโตเชิงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 ในขณะที่อัตราการเติบโตเชิงปริมาณเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวสามารถสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทย พร้อมที่จะซื้อผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม หากผลิตภัณฑ์นั้นมีนวัตกรรมที่ดีและตรงกับความต้องการของพวกเขา ซึ่งซัมซุง มีสินค้าเด่นในฐานะผู้บุกเบิกตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ โดยครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง 3 ปีติดต่อกัน โดยภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในไทยจากสถานการณณ์เศรษฐกิจถดถอยเพราะโควิด-19 ส่งผลต่อตลาดกลุ่มล่างเท่านั้น ปรับตัวโดยซื้อสมาร์ทโฟนในราคาที่ถูกลง แต่ตลาดระดับพรีเมียมผลกระทบน้อยมาก กำลังซื้อยังมีค่อนข้างสูง จะเห็นได้ว่ามูลค่าการขายที่ผ่านมายังคงเพิ่มขึ้น แต่ในแง่จำนวนแทบไม่เพิ่มขึ้นเลย นวัตกรรมตอบโจทย์ผู้บริโภค “จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและเทรนด์การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ซัมซุงได้บุกเบิกตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ผ่านการเปิดตัว Galaxy Fold ในปี 2562 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันในสมาร์ทโฟนเซกเมนต์ใหม่ โดยตลาดนี้ได้มีการเติบโตขึ้นต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด ซึ่งบริษัทวิจัยข้อมูล ได้เผยผลวิเคราะห์ว่าตัวเลขตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้จะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าภายในสิ้นปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือเติบโตต่อปีประมาณ 113% โดยยอดขายจะพุ่งสูงถึง 64 ล้านเครื่องทั่วโลกภายในปี 2568” สิทธิโชค กล่าวและเสริมว่า ซัมซุงครองความเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ตลอด 3 ปีซ้อน จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และความมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดให้กับผู้บริโภค ผ่านฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าได้จริง ทำให้สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ในเจเนอเรชันล่าสุดของซัมซุง อย่าง Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G ประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดจองทั่วโลก ทั้งในเกาหลีใต้ อเมริกา และยุโรป เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก รวมถึงในประเทศไทย ล่าสุดตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 8 เท่า ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4 เท่า หรือเพิ่มเกินความคาดหมายไปอีกเท่าตัว เหตุผลที่ทำให้ Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค นอกเหนือจากความโดดเด่นด้านนวัตกรรมมาตรฐานใหม่สมาร์ทโฟนแฟลกชิป ด้วยการรวมหลากหลายสุดยอดนวัตกรรม ‘ครั้งแรกของโลก’ ไว้ในเครื่องเดียวแล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังแสดงถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการนำ ‘ความคิดเห็นของผู้บริโภค’ มาเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา ทำให้สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นใหม่นี้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด ทั้งในด้านการทำงาน ความบันเทิง การรับชมคอนเทนต์ การเล่นเกม ผ่าน Galaxy Z Fold3 5G และด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นทำให้ของ Galaxy Z Flip3 5G สามารถบ่งบอกตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนของคนยุคใหม่“คัลเจอร์เรอร์ คูล”เจาะตลาด
ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ซัมซุงเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้พร้อมกัน 2 รุ่น ชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ให้แก่ผู้บริโภคในวงกว้าง (Mainstream) เป็นกระแสหลักในตลาด ยิ่งไปกว่านั้น ซัมซุงยังได้เปลี่ยนกลยุทธ์การทำการตลาดและการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่จัดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ไว้ในหมวดหมู่ลักซ์ชัวรีเซกเมนต์ (Luxury Segment) และทำการสื่อสารกับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม มาเป็นการทำการตลาดในรูปแบบ ‘คัลเจอร์เรอร์ คูล’ (Cultural COOL marketing) เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภคในวงกว้าง อาทิ การดึงศิลปินไอดอลเกาหลีวง BTS ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พร้อมทำมิวสิควิดีโอพิเศษเพื่อการเปิดตัว Galaxy Z Flip3 5G โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังพาร์ทเนอร์กับอินฟลูเอนเซอร์ในไทย ให้มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ในแบบของตนเอง ด้วยเป้าหมายที่จะให้สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้กลายเป็นสมาร์ทโฟนกระแสหลักมากกว่าเดิม การตลาดและการสื่อสารรูปแบบใหม่ผ่านทางช่องทางออนไลน์ที่โดนใจผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงกลยุทธ์ด้านราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถนำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่ามาเป็นส่วนลดแลกซื้อเครื่องใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ซึ่งแคมเปญนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ที่ไม่ใช่ลูกค้าซัมซุงเดิมได้มากกว่ารุ่นที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ samsung.com นับตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม – 7 กันยายน 2564 พบว่ามีผู้บริโภคใหม่ที่เข้ามาดูรายละเอียดเพื่อค้นหาข้อมูลสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาเปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นอื่นกว่าเท่าตัว พร้อมทั้งยังมีอัตราการเปลี่ยนแบรนด์ (Switching) เพื่อมาใช้ซัมซุงเพิ่มขึ้นถึง 10% จากอัตราลูกค้าใหม่ที่เปลี่ยนแบรนด์ โดยปกติที่ 20% แต่เมื่อเป็นช่วงเวลาการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้กลับสูงถึงร้อยละ 30 “ด้วยยอดสั่งจองล่วงหน้าของ Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G ที่เกินเป้าหมายกว่า 2 เท่า ทำให้ซัมซุง ประเทศไทย ได้รีบวางแผนจัดการเป็นการเร่งด่วน ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าทุกท่านจะได้เข้าถึงนวัตกรรมใหม่ล่าสุดนี้ เราจึงได้เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อให้ลูกค้าทำการจองสินค้าล่วงหน้า ผ่านทาง Samsung.com และ Samsung Experience Store อีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนเป็นต้นไป ซึ่งทางบริษัทฯ จะทำการส่งมอบตามลำดับการลงทะเบียน โดยคาดว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าล็อตแรกได้ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้” สิทธิโชค กล่าวสรุป อ่านเพิ่มเติม: เบนซ์ไพรม์มัส คว้าสิทธิ์ขาย Mercedes-Maybach ในไทยไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine