อีริคสันคาดระบบ เครือข่าย 5G ครอบคลุมผู้ใช้งาน 65% ของประชากรโลกหรือ 45% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือทั่วโลก ชี้เทรนด์สตรีมมิ่ง VR เพิ่มดีมานด์ใช้ดาต้าเน็ตทะยาน 24 GB/เดือนในอีก 6 ปีข้างหน้า
รายงาน Ericsson Mobility Report ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562 ระบุว่า จำนวนผู้ใช้ระบบ เครือข่าย 5G ทั่วโลกอาจเพิ่มเป็น 2.6 พันล้านคนภายในอีก 6 ปีข้างหน้าหรือปี 2568 จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและระบบนิเวศ 5G ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงเครือข่าย 5G จะครอบคลุมสัดส่วนราว 65% ของประชากรทั่วโลก หรือคิดเป็น 45% ของจำนวนการใช้ดาต้าอินเทอร์เน็ตบนมือถือทั่วโลก เนื่องจากการพัฒนาระบบนิเวศ 5G ในแต่ละประเทศ
ขณะที่ในปี 2562 บริษัทผู้ให้บริการด้านการสื่อสารชั้นนำในเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ ได้ดำเนินการเปลี่ยนย้ายไปสู่เครือข่าย 5G โดยเกาหลีใต้มีการใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้งานเมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ มีรายงานว่าสิ้นเดือนกันยายน 2562 มีจำนวนผู้ใช้งาน 5G ในเกาหลีใต้กว่า 3 ล้านคน เช่นเดียวกับการเปิดตัวระบบ 5G ในจีนเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานในจีนประมาณ 13 ล้านคน
การใช้งานดาต้าทะยาน 24 GB/เดือน
ผลการศึกษาในรายงาน Ericsson Mobility Report ยังคาดการณ์ปริมาณการใช้ดาต้าอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยต่อเดือนต่อสมาร์ทโฟนอาจจะเพิ่มขึ้นจาก 7.2 GB ในปัจจุบัน เป็น 24 GB ภายในสิ้นปี 2568 โดยเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบใหม่ของผู้บริโภค เช่น การสตรีมมิ่งแบบ Virtual Reality (VR)
สำหรับการใช้งานดาต้าอินเทอร์เน็ต 7.2 GB/เดือน จะสามารถสตรีมวิดีโอความละเอียดระดับ HD (1280 x 720) ได้ที่ความยาว 21 นาทีในแต่ละวัน แต่หากใช้เพิ่มเป็น 24 GB จะรองรับการสตรีมวิดีโอความละเอียดระดับ HD ได้ที่ความยาว 30 นาที และ VR เพิ่มเติมได้อีก 6 นาทีในแต่ละวัน
นอกจากนี้ จำนวนการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT บนเครือข่ายเซลลูลาร์ทั้งหมดอาจจะแตะระดับ 5 พันล้านชิ้นภายในสิ้นปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 1.3 พันล้านชิ้นในช่วงสิ้นปี 2562 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 25% ต่อปี โดยคาดว่าเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตมือถือ ทั้ง NB-IoT และ Cat-M จะครองสัดส่วน 52% ของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT บนเครือข่ายเซลลูลาร์ภายในปี 2568
มูลค่าทางธุรกิจพุ่ง 7 แสนล้านเหรียญฯในปี 2573
ขณะนี้ผู้ให้บริการและผู้ประกอบการ ICT ได้มีบทบาทมากขึ้นในการใช้งานระบบและแอพพลิเคชั่นในเครือข่าย 5G ซึ่งสะท้อนจากจำนวนผู้ใช้งาน เครือข่าย 5G ที่เพิ่มขึ้น โดยการศึกษาล่าสุดของอีริคสันในหัวข้อ “5G สำหรับธุรกิจ: เข็มทิศการตลาดปี 2030” ระบุว่า ธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) ที่เปิดใช้งาน 5G จะมีมูลค่าสูงถึง 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2573 ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการจากผู้ประกอบการ ICT ถึงยอดผู้ใช้งานในตลาดที่รองรับ 5G จะเพิ่มขึ้นถึง 47%
นอกจากนั้น เทคโนโลยี 5G ยังสร้างมูลค่าธุรกิจอย่างมหาศาล ไม่เฉพาะแค่ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมเท่านั้น แต่รวมถึงภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น นวัตกรรมทางการแพทย์ การพัฒนาด้านการศึกษา การเพิ่มประสิทธิภาพในภาคการผลิตของโรงงาน การบริหารระบบโลจิสติกส์หรือการจัดการคลังสินค้า เป็นต้น
สำหรับอนาคตของระบบ 5G ในประเทศไทย นำโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้วางโรดแมปการประมูล 5G ภายในปี 2563 และคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้จริงในช่วงปลายปี 2563 เป็นต้นไป พร้อมทั้งเตรียมให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ไม่ว่าจะเป็น การตรวจสอบใบหน้า การบริหารจัดการคลังสินค้า และการช่วยเหลือฉุกเฉินของรถพยาบาลในสนามบินในปี 2563 ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่สามารถให้บริการ 5G ได้สำเร็จเป็นรูปธรรม
อ่านเพิ่มเติม- อีริคสันเผยรายงานวิจัย 5G ยกระดับผู้บริโภคเปลี่ยนภาคธุรกิจ
- Cisco เผยรายงานแนวโน้ม 5G ในอาเซียน พลิกโฉมอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine