เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดตัว Dell NativeEdge ซอฟต์แวร์พลิกโฉมการดำเนินการระบบเอดจ์ที่ปลายทาง - Forbes Thailand

เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดตัว Dell NativeEdge ซอฟต์แวร์พลิกโฉมการดำเนินการระบบเอดจ์ที่ปลายทาง

FORBES THAILAND / ADMIN
03 Jul 2023 | 10:00 AM
READ 672

    ความก้าวหน้าของกลุ่มผลิตภัณฑ์เอดจ์ ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ทำให้สามารถปรับใช้และรักษาความปลอดภัยระบบโครงสร้างพื้นฐานเอดจ์ (Edge) ทำได้ง่ายขึ้น พร้อมพัฒนาการดำเนินงานที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพเครือข่ายที่เพิ่มมากขึ้น

    แพลตฟอร์ม Dell NativeEdge ซอฟต์แวร์ ช่วยลดความซับซ้อน รักษาความปลอดภัย และทำให้การปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานเอดจ์และแอปพลิเคชันเป็นไปโดยอัตโนมัติ

    ลูกค้าสามารถได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 130% ภายในสามปี ปรับปรุงระยะเวลาในการปรับใช้และลดต้นทุนการดำเนินงานของระบบเอดจ์อย่างมีนัยสำคัญ

    Dell Validated Design for Retail Edge ให้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติอัจฉริยะเพื่อปรับปรุงผลิตภาพของพนักงานพร้อมเร่งการดำเนินการตามคำสั่งซื้อของลูกค้าด้วย inVia Robotics

    การปรับขยายของ Dell Private Wireless Program ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่อขององค์กรในทุกตำแหน่งของระบบเอดจ์

    Enterprise SONiC Distribution by Dell Technologies ช่วยให้ลูกค้าสร้างและจัดการประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์ก แฟบริคแฟบริกของระบบเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และไพรเวทคลาวด์ที่มีทั้งหมดได้ง่ายขึ้น

    

บริการ Dell ProDeploy Flex ช่วยเร่งการปรับใช้โซลูชันเอดจ์ให้เร็วยิ่งขึ้น

    

    เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดตัว Dell NativeEdge แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์การปฏิบัติการระบบเอดจ์ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการปรับใช้ระบบเอดจ์ที่ปลอดภัย ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเพิ่มความคล่องตัวให้กับการดำเนินงานของเอดจ์ที่อยู่บนอุปกรณ์จำนวนนับหลายพันชิ้นและจุดติดตั้งในการทำงานที่มีทั้งหมดตั้งแต่เอดจ์ไปสู่ศูนย์กลางที่ดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงบนมัลติ-คลาวด์

    เกิดขึ้นตามคำมั่นสัญญาของ Project Frontier Dell NativeEdge คือเป็นไปเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ปฏิบัติการระบบเอดจ์เพียงหนึ่งเดียวของอุตสาหกรรมที่ให้การออนบอร์ดอุปกรณ์ที่สามารถปรับขนาดของสเกลได้ พร้อมการจัดการจากระยะไกล และการปลอดภัยตามขนาด การจัดการระยะไกล และการทำงานประสานกัน (orchestration) ของมัลติ-คลาวด์แอปพลิเคชัน

    สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการใช้งานเอดจ์ขององค์กรด้วยการปรับใช้แบบ zero-touch และการออกแบบให้เป็นระบบเปิด ผสานรวมเข้ากับฮาร์ดแวร์ในรูปแบบต่างๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรแบบ end-to-end ที่มีทั้งหมดของเดลล์ ด้วยความสามารถของ Zero Trust ที่อยู่ภายใน Dell NativeEdge จึงช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้วยการให้การปกป้องแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานของลูกค้าที่มีใน edge estate ทั้งหมด

    “การย้ายข้อมูลมีความซับซ้อนและมีราคาแพง ซึ่งส่งผลให้เกิดสถาปัตยกรรมแบบกระจายจำนวนมหาศาลที่ทำให้ยากต่อการจัดการ การทำโพรวิชันนิ่ง และทำให้เป็นอัตโนมัติ จากการที่ลูกค้าของเราต้องการเพิ่มเวิร์กโหลดใหม่ๆ และการใช้งาน AI ที่เอดจ์ ลูกค้าเหล่านี้จะหันมาที่เดลล์เพื่อหาวิธีที่ง่ายกว่าและหนทางที่มีประสิทธิภาพที่มากขึ้นในการจัดการและรักษาความปลอดภัยให้กับระบบนิเวศของเทคโนโลยีเอดจ์และแอปพลิเคชั่น” เจฟฟ์ คลาร์ค รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมฝ่ายปฏิบัติการ เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “Dell NativeEdge จับพวกเขาวางไว้ในที่นั่งคนขับเพื่อที่พวกเขาจะสามารถจัดการ และปรับเปลี่ยน edge estate ทั้งหมดให้เรียบง่ายด้วยโซลูชันเพียงหนึ่งเดียว เพื่อให้ทั้งประสบการณ์ ผลิตภัณฑ์ และผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”

    "กรณีการใช้งานสำหรับเวิร์กโหลดเอดจ์ที่ทันสมัยมีความหลากหลายและกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก ทำให้สร้างสภาพแวดล้อมโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินการที่เอดจ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น" เจนนิเฟอร์ คุค ผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัยด้าน Edge Strategies ไอดีซี กล่าว “การเปิดตัว Dell NativeEdge ของเดลล์ ได้นำเสนอโซลูชันใหม่ที่น่าสนใจที่ช่วยแก้ปัญหาความซับซ้อนนี้ รวมถึงปัญหาด้านความปลอดภัยหลายประการที่เกิดขึ้นจากการปรับใช้อุปกรณ์และแอปพลิเคชันที่เอดจ์ ด้วยซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมที่มีเป้าหมายในการช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มความคล่องตัวให้กับการดำเนินงานของระบบเอดจ์”

    

เวลาในการปรับใช้ที่เร็วขึ้นและการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย Dell NativeEdge

    

    ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตรายใหญ่อาจต้องการทำการบรรจุหีบห่อและจัดส่งโดยอัตโนมัติไปยังไซต์ของโรงงานที่มีเป็นจำนวนมากในพื้นที่ที่แตกต่างกันหลายแห่ง นั่นหมายถึงการเชื่อมต่อเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกัน อาทิ IoT การสตรีมมิ่งข้อมูลและตรวจสอบทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ (machine vision) ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ เฉพาะทางเพื่อรันซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันจำนวนมากทั่วโลเคชันที่มีทั้งหมด การทดสอบและปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานเพื่อเรียกใช้แอปพลิเคชันอาจใช้เวลานานหลายเดือน ดังนั้น การใช้ Dell NativeEdge จะทำให้ผู้ผลิตสามารถรวมสแต็คของเทคโนโลยีที่มีเข้าด้วยกันด้วยการลงทุนที่มีอยู่เดิม และลดเวลาในการปรับใช้สินทรัพย์เอดจ์และแอปพลิเคชันจากหลายเดือนเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ แพลตฟอร์มนี้ใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับการดำเนินงานของระบบเอดจ์ และช่วยให้ผู้ผลิตสามารถนำแอปพลิเคชันใหม่ๆ เข้ามาใช้ที่ไซต์งานทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยจากส่วนกลาง

    เดลล์ศึกษาลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนเกือบ 100 ราย เพื่อตรวจสอบผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับใช้ NativeEdge สำหรับลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตที่มีโรงงานเฉลี่ย 25 ​​แห่ง การลงทุนสามปีใน NativeEdge ช่วยจัดการ 75% ของสินทรัพย์เอดจ์ขององค์กรด้านการผลิตแสดงให้เห็นว่าลูกค้าสามารถบรรลุการดำเนินงานดังนี้

    

ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 130% จากการปรับใช้ Dell NativeEdge

    

    การลดระยะเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการนำอุปกรณ์ต่างๆ มาออนบอร์ดได้ถึง 20 นาทีสำหรับการจัดการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานเอดจ์ในแต่ละส่วน อีกทั้งยังลดความเสี่ยงขององค์กรได้อย่างมากซึ่งส่งผลในการประหยัดค่าใช้จ่าย

    เพิ่มความเร็วให้กับการปรับใช้ edge asset พร้อมทั้งลดต้นทุนการดำเนินการของระบบเอดจ์ด้วยการทำโพรวิชันนิ่งแบบ zero touch

    ประหยัดค่าขนส่งโดยลดความจำเป็นในการจัดส่งการสนับสนุนไปยังพื้นที่งาน (site-support) ซึ่งส่งผลในการลดเวลาในการเดินทาง อีกทั้งยังเป็นการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 14 เมตริกตัน

    ลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งหมดสามารถได้รับผลกระทบและผลประโยชน์ที่คล้ายคลึงกันของ NativeEdge

    โซลูชัน retail edge ใหม่ช่วยลดความยุ่งยากในการดำเนินการของทั้งร้านค้าปลีกและคลังสินค้า

    เดลล์ขยายโซลูชัน retail edge ด้วย Dell Validated Design for Retail ใหม่ ด้วยระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ inVia Robotics การสั่งซื้อทางออนไลน์และการจัดส่งแบบไม่มีหน้าร้านสร้างภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นให้กับผู้ค้าปลีก โซลูชันใหม่นี้ใช้ซอฟต์แวร์และระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้พนักงานค้าปลีกสามารถหยิบสินค้า บรรจุหีบห่อ ดำเนินการขนส่งและจัดส่งในขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการแปลงคลังสินค้าและพื้นที่ค้าปลีกที่มีอยู่ให้เป็นศูนย์การเติมเต็มขนาดเล็ก ด้วยเทคโนโลยีที่ง่ายต่อการจัดการในสถานที่ค้าปลีกต่างๆ ที่ซึ่งข้อมูลถูกสร้างขึ้น ผู้ค้าปลีกสามารถให้พนักงานค้นหาเส้นทางและหยิบสินค้าตามคำสั่งซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่อการปรับปรุงเวลาการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างมีนัยสำคัญ

    โซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการทดสอบล่วงหน้า รับรองความถูกต้องและสนับสนุนโดยเดลล์ ทำให้ไอทีและแอปพลิเคชันค้าปลีกที่ล้ำสมัยอยู่ในสแต็กโครงสร้างพื้นฐานชุดเดียวเพื่อการปรับใช้ การจัดการ และการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าจะสามารถนำโซลูชันนี้ไปใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge พร้อมทางเลือกในการจัดการแบบรวมศูนย์ ซึ่งรวมถึง Linux, Microsoft Azure Stack HCI และ VMware Edge Compute Stack โซลูชันนี้มอบเส้นทางที่เรียบง่ายและยืดหยุ่นแก่ลูกค้าสู่ระบบค้าปลีกอัตโนมัติอัจฉริยะ

    

การเชื่อมต่อ ประสิทธิภาพ และการซัพพอร์ตระดับโลกทำให้เอดจ์ง่ายขึ้น

    

    ด้วยจำนวน 81% ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 ที่ใช้โซลูชันเอดของเดลล์ เดลล์ยังคงเสริมความแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วยโซลูชันใหม่ และความสามารถใหม่ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าลดความซับซ้อนและได้รับมูลค่าเพิ่มมากขึ้นจากระบบเอดจ์

    Dell Private Wireless ด้วย Airspan และ Druid คือโซลูชันไพรเวทไวร์เลสที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งช่วยให้องค์กรมีการเชื่อมต่อไร้สายที่เชื่อถือได้และปลอดภัยสำหรับเทคโนโลยีเอดจ์ในระยไกลจำนวนหลายพันรายการ ทั้ง อุปกรณ์ต่างๆ และเซ็นเซอร์ซึ่งกระจายอยู่ตามโลเคชั่นต่างๆ ของเอดจ์ ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของ Dell Private Wireless Program โซลูชันนี้ให้ทางเลือกในระบบไพรเวทไวร์เลสสำหรับองค์กร โซลูชันนี้สามารถบูรณาการเข้ากับระบบเอนเทอร์ไพรซ์ไอทีและระบบปฏิบัติการ (OT) ได้อย่างง่ายดาย และยังรวมถึงการซัพพอร์ต การใช้งานที่ปรับแต่งได้ และการจัดการแบบครบวงจร

    Enterprise SONiC Distribution by Dell Technologies 4.1 ระบบปฏิบัติการเครือข่ายแบบโอเพ่นซอร์สที่ปรับสเกลการทำงานได้บนสวิตช์ของเดลล์l ขยายคุณสมบัติของดาต้าเซ็นเตอร์เน็ตเวิร์กไปสู่การปรับใช้ระบบเอดจ์ รวมถึง User Container Support (UCS) และ telemetry ที่ให้ fabric visibility การรักษาความปลอดภัย และประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ทั้งนี้ โซลูชัน SONiC ของเดลล์ มอบระบบปฏิบัติการเครือข่ายเดียวที่รวมความยืดหยุ่นของระบบนิเวศที่มีผู้จำหน่ายหลายรายเข้ากับความเรียบง่ายของชุดเครื่องมือโอเพ่นซอร์ส เพื่อช่วยให้ลูกค้าลดความซับซ้อนในการจัดการวงจรชีวิตของเน็ตเวิร์คแฟบริคและหลีกเลี่ยงการล็อคอินของเวนเดอร์

    Dell ProDeploy Flex คือบริการการปรับใช้ในรูปแบบโมดูลาร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเร่งความเร็วในการสร้างมูลค่านับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการใช้งานให้กับลูกค้า ด้วยธรรมชาติที่ยืดหยุ่นของบริการช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งรูปแบบการใช้งานระบบเอดจ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามต้องการเพื่อประโยชน์สูงสุดจากทั้งโครงสร้างพื้นฐานเอดจ์และแอปพลิเคชันเอดจ์ของตัวเอง

    เดลล์ยังคงเดินหน้าในการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันเอดจ์อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเวิร์กโหลดและดาต้าด้วยแผนงานต่างๆ ในการส่งมอบโซลูชันเอดจ์ของเดลล์ที่เพิ่มมากขึ้นในรูปแบบของการบริการ (as a service)เพื่อสนองตอบความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปทางด้าน IT ซึ่งการขยายระบบนิเวศของพันธมิตรด้านเอดจ์ของเดลล์จ์ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จต่อความสำเร็จของลูกค้า ด้วยโปรแกรม Dell Edge Partner Certification Program ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) ซิสเต็ม อินทิเกรเตอร์ (Si) และพันธมิตร OEM จะสามารถทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องของแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์บน Dell NativeEdge เพื่อส่งมอบโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานเอดจ์แบบบูรณาการให้กับลูกค้า

    "ความสัมพันธ์ที่ยาวนานหลายทศวรรษของเดลล์ เทคโนโลยีส์ และชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยให้ลูกค้าได้รับโซลูชันนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาความท้าทายด้านไอทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรูปแบบของการจัดการที่ชาญฉลาด ปลอดภัย ที่สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา (Always-on)" วันดานา ซิงห์ รองประธานอาวุโส ธุรกิจ Secure Power North America ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “ด้วยการเปิดตัวของ Dell NativeEdge เรามองเห็นโอกาสใหม่ๆ ในการบูรณาการ และสนองตอบที่ดีขึ้นต่อความต้องการที่สำคัญอย่างยิ่งของลูกค้าที่ระบบเอดจ์”

    "Fastly ตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็นเดลล์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยการรวมแพลตฟอร์มของเอดจ์ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกันด้วยการเปิดตัว Dell NativeEdge ในครั้งนี้" อาเธอร์ เบิร์กแมน หัวหน้าสถาปนิกและผู้ก่อตั้ง Fastly กล่าว "ไม่มีช่วงเวลาใดที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะในทุกวันเรามักได้ยินเสียงทั้งจากลูกค้าและจากกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาวิธีใหม่ๆ ในการปรับใช้บริการ Fastly อาทิ Next-Gen WAF หรือ Web Assembly ของเราที่ขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์ม Edge Computing และ Delivery ในสภาพแวดล้อมที่นอกเหนือไปจากดาต้าเซ็นเตอร์ หรือคลาวด์แบบเดิม"

    

ความพร้อมในการวางตลาด

    

    ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม Dell NativeEdge จะพร้อมให้บริการแก่ลูกค้า ผู้ใช้งานในกลุ่ม OEM และพันธมิตรใน 50 ประเทศตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2023

    Dell Validated Design for Retail Edge ที่สร้างด้วย inVia Robotics พร้อมใช้งานแล้วทั่วโลก

    Dell Private Wireless with Airspan and Druid พร้อมใช้งานแล้วทั่วโลก

    Enterprise Sonic Distribution by Dell Technologies 4.1 พร้อมให้ใช้งานทั่วโลกแล้ว

    Dell ProDeploy Flex จะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนสิงหาคม 2023

    

    อ่านเพิ่มเติม : "กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท" เช็ควงเงินสินเชื่อก่อนไปงาน พร้อมแคมเปญพิเศษ ที่ Fast Auto Show Thailand & EV Expo 2023

    ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

TAGGED ON