ดับบลิวเอชเอรีทเดินหน้าลงทุนสินทรัพย์พรีเมียม เติมมูลค่ากองทุนเกิน 3 หมื่นล้านบาทภายใน 3 ปี หวังดึงทุนสถาบันต่างประเทศ ชูจุดแกร่งสินทรัพย์มีการขยายตัวสูงตามภาคอุตสาหกรรมและภาคการลงทุนแถบอีอีซี ดันผลตอบแทนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 6%
ปิยะพงศ์ พินธุประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ WHAREM ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) เปิดเผยว่า WHART มีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่ากองทุนให้ถึงระดับ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท) ภายในปี 2561 โดยวางเป้าหมายจะซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุน 4-5 พันล้านบาทต่อปีในระยะ 3 ปีจากนี้ไป และสินทรัพย์ที่จะเน้นลงทุนต้องเป็นสินทรัพย์ที่พรีเมียม
ปิยะพงศ์กล่าวว่า สินทรัพย์ปัจจุบันของ WHART ประกอบด้วยอาคารจำนวนทั้งสิ้น 76 หลัง รวมเป็นพื้นที่เช่าตามสัญญาเช่า จำนวนทั้งสิ้น 971,579 ตารางเมตร พื้นที่เช่าลานจอดรถรวมประมาณ 3,728.90 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคาประมาณ 316,907 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนที่ดินซึ่งมีเอกสารสิทธิ์เนื้อที่ทั้งหมดจำนวน 1,037 ไร่ 73.55 ตารางวา
คุณลักษณะเด่นของสินทรัพย์ทั้งหมด คือเป็นสินทรัพย์พรีเมียมที่มีโอกาสในการเติบโตสูงในอนาคต ประกอบด้วย ความพรีเมียมด้านพื้นที่ยุทธศาสตร์ ด้านประเภทผู้เช่าคลังสินค้า และด้านความเป็นผู้นำทางธุรกิจการพัฒนาคลังสินค้าและนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะสปอนเซอร์ของกองทรัสต์
ในส่วนของความพรีเมียมด้านพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ WHART นั้น ประกอบด้วยบริเวณบางนา-ตราด ซึ่งจัดเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นด้านขนส่งและโลจิสติกส์ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร และยังเชื่อมโยงถึงนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกด้วยเช่นกัน
สำหรับบริเวณนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก สินทรัพย์ของ WHART ใช้รองรับผู้เช่าส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจชั้นนำของโลก ส่วนบริเวณวังน้อย-สระบุรีเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่รองรับความต้องการของผู้เช่าภาคกลาง-เหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะที่ผู้เช่าทรัพย์สินของกองทรัสต์มีส่วนเสริมให้ปัจจัยพื้นฐานของ WHART แข็งแกร่งมาก เพราะส่วนมากเป็นผู้นำธุรกิจระดับประเทศและระดับโลก อาทิ DKSH, LF Logistics, DSG, Sino-Pacific Trading Co., Ltd. และ Nissan Motor, Kao, Honda Transport System, Central Department Store
ทั้งนี้ การที่ผู้เช่าส่วนมากเป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นๆ ทำให้ WHART ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการทำสัญญาเช่าระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การเติบโต ของรายได้มีเสถียรภาพ
โดยจากพื้นที่ที่มีผู้เช่าทั้งสิ้น 920,208 ตารางเมตร ประมาณ 2 ใน 3 ของสัญญาเช่าทั้งหมดของทรัสต์ฯ เป็นสัญญาที่มีระยะเวลาการเช่ามากกว่า 3 ปี ทั้งนี้ ประมาณ 38% ของพื้นที่เช่าจะ ครบกำหนดภายในปี 2561 และประมาณ 37% จะครบกำหนด หลังปี 2564 ดังนั้น WHART จะมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะกลางและระยะยาวนี้
“ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นบริษัทในประเทศและบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือ ดังนั้น ความเสี่ยงที่เกิดจากการเก็บค่าเช่าไม่ได้จึงถือว่าอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง”
ส่วนความพรีเมียมสุดท้ายคือการเป็นผู้นำทางธุรกิจของสปอนเซอร์นั้นทำให้เชื่อมั่นว่าตำแหน่งทางธุรกิจของบริษัท ดับบลิว เอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA อยู่ในจุดที่กำลังเติบโตจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) ซึ่งดึงดูดเงิน ลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างประเทศ (FDI) ได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน WHA ยังอยู่ในตำแหน่งผู้นำในธุรกิจการพัฒนา คลังสินค้าให้เช่าอีกด้วย
ปิยะพงศ์กล่าวเพิ่มอีกว่า กลยุทธ์สร้างการเติบโตของ WHART จากนี้ไป ยังคงเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความพรีเมียม ทั้ง จากสปอนเซอร์คือ WHA และสินทรัพย์จากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าสนใจ
เรื่อง: ศนิชา ละครพล
ภาพ: กิตติเดช เจริญพร
คลิกอ่านเรื่องราวทางธุรกิจที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ มิถุนายน 2561 ในรูปแบบ e-Magazine