โรงพิมพ์ตะวันออก สบโอกาสดัน อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นภายในปีนี้ หวังนำเงินสยายปีกพลังงานทดแทนในกลุ่ม CLMV สู่เป้าหมายกวาดกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ใน 3 ปี พร้อมเสริมทัพให้บริษัทแม่ take off อีกครั้งหลังสิ่งพิมพ์ขาลง
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด หรือ EPCO ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ชั้นนำของประเทศไทยรวมถึงในภูมิภาคเอเชีย ก่อตั้งมาแล้วกว่า 27 ปี ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการปรับทัพองค์กรแห่งนี้ใหม่ หลังเริ่มเห็นธุรกิจสิ่งพิมพ์มีแนวโน้มเป็น “ขาลง” จากการที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น จึงตัดสินใจต้องหารายได้ทางอื่นมาช่วยเสริมรายได้สิ่งพิมพ์ ยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด และผู้ก่อตั้ง บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นใหญ่โดย EPCO สัดส่วน 75% ที่ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน และปัจจุบันกำลังเดินหน้าสร้างความมั่งคั่งครั้งใหม่ ด้วยการผลักดัน EP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายในเร็วๆ นี้ คาดเสนอขายหุ้น 600 ล้านหุ้น สำหรับแผนการระดมทุนครั้งนี้เพื่อต้องการนำเงินระดมทุนขยายกำลังผลิตพลังงานทดแทนทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีความต้องการไฟฟ้าอีกมหาศาล โดย EP มีเป้าหมายภายใน 3 ปี ข้างหน้า (2561-2563) ต้องมีกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันกำลังการผลิต 435 เมกะวัตต์ ซึ่งมีรายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 405 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 30 เมกะวัตต์ที่ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาภายในครึ่งแรกของปี 2562 ทั้งหมด “ความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่ม CLMV ยังสูง เช่น เวียดนามผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะเศรษฐกิจเติบโตเร็วส่วนเมียนมาตอนนี้ผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอเพราะว่ามีประชากรมากกว่าเมืองไทย แต่ผลิตไฟฟ้าได้แค่ 1 ใน 4 ของเมืองไทย ซึ่งการลงทุนในประเทศเหล่านี้มีโอกาสเป็นไปได้ทุกอย่าง ทั้งพลังงานโซลาร์ฟาร์มพลังงานความร้อน เป็นต้น” ยุทธ ชินสุภัคกุล เล่าถึงจุดกำเนิดของ EP ให้ฟังว่าเป็นช่วงที่ธุรกิจของ EPCO อยู่ในช่วงขาลง ตอนนั้นบริษัทจำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่และได้ไปคุยกับ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น หรือ IFEC สมัยที่ยังทำธุรกิจเดิม คือจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารโคนิก้า ยูบิกซ์ “ตอนนั้นเราคิดว่าหากร่วมทุนเป็นพันธมิตรกันก็จะใช้ตลาดลูกค้าของ IFEC มาใช้กำลังการผลิตของโรงพิมพ์เราได้ แต่เมื่อไม่เป็นตามที่คิดเราก็ต้องหาธุรกิจอื่นๆ เข้ามาแทน” ทว่า หลังจากเข้าไปคุยกับ IFEC แล้ว เขาบอกว่ากำลังหมดสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารกับพันธมิตรญี่ปุ่น แต่มีข้อเสนอใหม่ให้ ด้วยการขายใบอนุญาต (License) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (solar farm) กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ จำนวน 2 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยมีการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แล้วนั่นถือเป็นการก้าวเข้ามาในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเริ่มต้นลงทุนในโครงการแรกเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นดิน ตอนนั้นใช้เวลาก่อสร้างปีครึ่ง ก่อนจะทำสัญญาขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐ จากการลงทุนโครงการแรกบริษัทเริ่มเห็นช่องทางธุรกิจพลังงานทดแทนมีการเติบโตที่ดี จึงได้เข้าซื้อไลเซนส์โซลาร์ฟาร์มอีก 1 แห่ง กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ที่ จ.ลพบุรี และต่อด้วยไลเซนส์โครงการที่ จ.ปราจีนบุรี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน EP มีโครงการพลังงานทดแทนทั้งหมด แบ่งเป็นในประเทศไทย ประกอบด้วย “โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม” จำนวน 4 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ โดยทั้งหมดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้แก่ กฟภ. แล้ว “โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มเริ่มไม่น่าสนใจแล้ว หลังค่ารับซื้อไฟฟ้ามีทิศทางลดลงต่อเนื่อง เรามีโครงการโซลาร์ฟาร์ม 4 แห่งในเมืองไทยที่ได้ค่าไฟแบบ adder ที่อัตรา 6.50 บาท/หน่วย และเป็นอัตรารับซื้อไฟฟ้าส่วนคงที่ (FiT) 1 แห่ง”
คลิกอ่าน Forbes Thailand ฉบับพิเศษ "WEALTH MANANAGEMENT & INVESTING 2018" ในรูปแบบ e-Magazine
