เศรษฐกิจใหม่ในอนาคตของประเทศไทยจะเริ่มเข้าไปสู่ New S-Curve หรือการพัฒนาเปลี่ยนแปลง โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่ประเทศไทยจะขับเคลื่อนและเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น บิ๊กดาต้า คลาวด์คอมพิวติ้ง และแอปพลิเคชันใหม่ๆ ผสานกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ กระตุ้นให้คนทั่วโลกพุ่งเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ได้เกิดเป็นตัวเร่งให้ดาต้าเซ็นเตอร์เติบโตอย่างก้าวกระโดด และได้มีการคาดการณ์ว่า ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มที่ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยคาดว่าจะมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ในปี 2568 ซึ่งเป็นสัดส่วนใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมการบิน สำหรับในปัจจุบัน ทั่วโลกมีดาต้าเซ็นเตอร์รวมกันมากกว่า 8 ล้านแห่ง ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศพบว่า ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้ไฟฟ้าประมาณ 200 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) หรือเกือบ 1% ของความต้องการไฟฟ้าทั่วโลก ซึ่งคิดเป็น 0.3% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก โดยการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่เป็นระบบอุปกรณ์ไอทีเซิร์ฟเวอร์ระบบจัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์เครือข่ายกว่า 50% ระบบปรับอากาศและระบายความร้อน 37% ระบบจำหน่ายและระบบไฟเสริม 13% ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์มุ่งมั่นที่จะลดการผลิตและปล่อยคาร์บอน และทำให้โลกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง ซึ่งความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ต่างออกมาขานรับการใช้พลังงานสะอาด (green energy) เป็นจำนวนมากขึ้น ส่วนตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผู้เล่นรายใหญ่ยังคงเป็นจีนและผู้เล่นหลักในประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง รวมถึงประเทศไทยก็พร้อมจะเติบโตอย่างมีศักยภาพในตลาดนี้ โดยในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ประเทศไทยจะเป็นตลาดใหม่ของดาต้าเซ็นเตอร์ในระดับไฮเปอร์สเกล ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สามารถรองรับธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกรูปแบบ ขณะที่เศรษฐกิจใหม่ในอนาคตของประเทศไทยจะไม่ได้มาในรูปแบบ traditional economy ที่มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมยานยนต์การผลิตและการเกษตรที่เคยมีมาอย่างยาวนานเท่านั้น แต่จะเริ่มเข้าไปสู่ New S-Curve หรือการพัฒนาเปลี่ยนแปลง โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่ประเทศไทยจะขับเคลื่อนและเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน นอกจากนั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ การสนับสนุนการลงทุนทางด้านดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลหลักที่ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แต่ยังจะช่วยกระตุ้นกลุ่มเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาดและกลุ่มธุรกิจซัพพลายเชน ส่งผลให้เกิด New S-Curve ใหม่สำหรับเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนด้วยทั้งเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจพลังงาน

- สหรัฐฯ กำลังเดินผิดทาง เรื่องสิทธิบัตรวัคซีน
- การเติบโตของ FINTECH จาก EVOLUTION สู่ REVOLUTION
- “4 มหาเศรษฐีไทยเด่น” จาก การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2564
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine
