ทุกวันนี้ การเป็น Digital Nomad ไปพร้อมๆ กับการอยู่อาศัยในสรวงสวรรค์ระหว่างทำงานกลายเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้นเรื่อยๆ การศึกษาล่าสุดพบว่า ชาวอเมริกันกว่า 4.8 ล้านคนมองว่าตนเองทำงานในแบบ Digital Nomad (ฟรีแลนซ์ที่ทำงานผ่านโลกดิจิทัลทำให้สามารถทำงานจากที่ไหนในโลกก็ได้) และผู้เชี่ยวชาญก็คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2035 โลกนี้จะมีคนทำงานเป็น Digital Nomad ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านคน
Website Planet บริษัทให้คำปรึกษาและบริการเครื่องมือสำหรับสร้างและบริหารจัดการรอยเท้าดิจิทัล ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเมืองที่ดีที่สุดในการทำงานเป็น Digital Nomad
“เราช่วยเหลือเหล่าฟรีแลนซ์ในการหาแหล่งงาน ดังนั้นก็น่าจะเป็นการพัฒนาตามธรรมชาติที่เราจะต้องอภิปรายกันเรื่องสถานที่หรือเมืองที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad อย่างสนุกสนาน” Gaya Polat ผู้จัดการด้านดิจิทัล Website Planet กล่าว
เพื่อจัดทำรายงานวิจัยชิ้นนี้ บริษัทได้ประเมินตัวชี้วัดหลายด้าน ได้แก่ ราคาค่าเช่าเฉลี่ยต่อเดือนสำหรับอะพาร์ตเมนต์บน Airbnb, ประสิทธิภาพและการเข้าถึงที่ดีของระบบขนส่งมวลชน, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและ Wi-Fi, สภาพอากาศ, ความปลอดภัยของบุคคล, ตัวเลือกความบันเทิงต่างๆ และสุดท้ายคือคุณภาพและราคาของระบบสาธารณสุข
Website Planet รวบรวมเมืองกว่า 100 เมืองทั่วโลกมาประเมิน จากนั้นจึงให้คะแนนตามตัวชี้วัดแต่ละข้อ จนได้เป็นลิสท์ของ 11 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับ Digital Nomad รวมถึง 4 เมืองยอดแย่ที่ควรหลีกเลี่ยงด้วย
Polat กล่าวว่า ผลลัพธ์ที่ได้บางอย่างค่อนข้างจะน่าประหลาดใจ “เราประหลาดใจว่า เมื่อมองดูอย่างใกล้ชิดแล้วเมืองบางแห่งที่มักจะถูกกล่าวถึงว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับ Digital Nomad กลับไม่อยู่ในลิสท์เมื่อเราทำการพิจารณาอย่างละเอียด” เธอกล่าว “ยกตัวอย่างเช่น Bali ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเสียจนเป็นเมืองค่าครองชีพสูงเกินไปสำหรับ Digital Nomad และจำนวนโคเวิร์กกิ้ง สเปซก็ค่อนข้างมีจำกัด”
หัวข้อด้านความปลอดภัยก็น่าประหลาดใจเช่นกัน และยิ่งเป็นตัวแปรที่ซับซ้อน “เป็นที่น่าเสียใจว่า ความปลอดภัยของผู้ชายและผู้หญิงมีความแตกต่างกัน และเราได้รวมความต่างนี้ไว้ในการพิจารณาด้วย เช่น เกาะลันตา ประเทศไทย ซึ่งได้อันดับ 2 ในคะแนนรวมนั้น ถ้าหากดูเฉพาะหัวข้อความปลอดภัยส่วนบุคคลสำหรับสตรีจะกลายเป็นเมืองที่อยู่ท้ายตารางเลย โดยเราประเมินหัวข้อนี้จากรายงานการล่วงละเมิดทางเพศเป็นหลัก ส่วนเมืองที่มีความปลอดภัยต่อผู้หญิงสูงที่สุดคือ Taipei ประเทศไต้หวัน”
สำหรับ “11 เมืองที่ดีที่สุดของ Digital Nomad” ได้แก่เมืองเหล่านี้ ซึ่งเราได้ไฮไลต์ข้อมูลสำคัญของแต่ละเมืองไว้แล้ว พร้อมด้วยอีก 4 เมืองที่ควรหลีกเลี่ยงท้ายบทความ
1. Prague เช็กรีพับลิก
เสน่ห์ดึงดูด: เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับ expat มานาน Prague เป็นเมืองอันดับ 1 จากทุกเมืองทั่วโลกเพราะหลายปัจจัยที่ส่งเสริม เช่น ระบบขนส่งมวลชนยอดเยี่ยม วัฒนธรรมที่หลากหลาย และค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 970-2,420 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 32,900-79,600 บาท)
ดีลเด่น: คุณสามารถรับประทานอาหารดีๆ ในร้านอาหารโลว์คอสต์ด้วยราคาเพียง 6.30 เหรียญ
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: Prague อาจคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวระหว่างช่วงฤดูท่องเที่ยว (เดือนกรกฎาคมและสิงหาคม)
2. เกาะลันตา (จ.กระบี่) ประเทศไทย
เสน่ห์ดึงดูด: หลายเกาะในไทยเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่ไม่ใช่ที่เกาะลันตา ซึ่งเป็นสรวงสวรรค์บนเกาะสำหรับเหล่า Digital Nomad คุณจะพบกับสภาพอากาศอันยอดเยี่ยม แหล่งท่องเที่ยวน่าตื่นใจสำหรับ expat และโคเวิร์กกิ้ง สเปซจำนวนมาก
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 710-1,620 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 23,400-53,300 บาท)
ดีลเด่น: มื้ออาหารในร้านอาหารทั่วไปหรือร้านริมทางอยู่ในราคาต่ำกว่า 2 เหรียญ (66 บาท)
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: มีโอกาสที่จะเกิดเหตุอาชญากรรมทางเพศต่อผู้หญิงในยามค่ำคืน โดยเฉพาะบนชายหาด ซึ่งคุณควรหลีกเลี่ยงถ้าหากเดินทางคนเดียว
3. Playa del Carmen เม็กซิโก
เสน่ห์ดึงดูด: จุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับคนรักอาหาร เมืองชายหาดแห่งเม็กซิโกนี้มีค่าครองชีพต่ำและเดินทางไปง่ายสำหรับ expat ชาวอเมริกัน
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 900-1,500 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 29,600-49,350 บาท)
ดีลเด่น: คุณสามารถว่าจ้างแท็กซี่หรือขึ้นรถบัสราคาถูกเพื่อเที่ยวชมเมือง ตั๋วรถบัสเที่ยวเดียวราคาเพียง 40 เซนต์เท่านั้น (13 บาท)
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในโคเวิร์กกิ้ง สเปซ พื้นที่ทั่วไปจะยังไม่มี Wi-Fi ครอบคลุมเท่าใดนัก
4. Taipei ไต้หวัน
เสน่ห์ดึงดูด: จุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยที่สุด Taipei เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับสถานที่แห่งอาหารและเดินทางไปง่าย เนื่องจากมีเที่ยวบินตรงมากมายจากเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 1,400-2,560 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 46,000-84,200 บาท)
ดีลเด่น: ตลาดนัดกลางคืนใน Taipei มีร้านอาหารริมทางที่ดีที่สุดและถูกมาก คุณสามารถทานอาหารหนึ่งมื้อในราคาสูงกว่า 4 เหรียญเล็กน้อยเท่านั้น (ประมาณ 132 บาท)
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: ที่พักอาศัยค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพด้านอื่นๆ
5. Las Palmas de Gran Canaria สเปน
เสน่ห์ดึงดูด: จุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดตลอดปีสำหรับ Digital Nomad Las Palmas เกาะของประเทศสเปน มีฤดูหนาวที่อากาศอบอุ่นและชุมชน expat ที่น่าตื่นเต้น
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 1,620-2,420 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 53,300-79,600 บาท)
ดีลเด่น: Las Palmas นั้นเป็นมิตรกับจักรยานมาก คุณสามารถเช่าจักรยานในราคาเพียง 6 เหรียญต่อวัน
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: เมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้วก็ต้องอยู่เลย เพราะค่อนข้างยากที่จะเดินทางไปที่อื่น
6. Belgrade เซอร์เบีย
เสน่ห์ดึงดูด: สถานที่ที่เป็นมิตรกับ Digital Nomad มากที่สุด Belgrade มีโคเวิร์กกิ้ง สเปซจำนวนมาก มีอินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่เมืองอย่างยอดเยี่ยม อาหารราคาถูก และคนท้องถิ่นที่ยินดีต้อนรับคุณ
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 820-1,650 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 27,000-54,300 บาท)
ดีลเด่น: คาดหวังได้เลยว่า คุณจะต้องจ่ายค่าเช่าโคเวิร์กกิ้ง สเปซเพียง 150 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 4,935 บาท)
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: เปรียบเทียบกับประเทศอื่นในยุโรป Belgrade มีระบบสาธารณสุขที่ค่อนข้างล้าหลัง
7. Lisbon โปรตุเกส
เสน่ห์ดึงดูด: Lisbon นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมแห่ง Digital Nomad ของทวีปยุโรป ด้วยจุดเด่นด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ภูมิอากาศเป็นเลิศ และค่าครองชีพที่ค่อนข้างถูก
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 1,370-2,640 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 45,100-86,850 บาท)
ดีลเด่น: ระบบสาธารณสุขฟรีสำหรับสมาชิกสหภาพยุโรป ส่วนผู้เยี่ยมเยือนจากประเทศอื่นๆ ของโลกสามารถเข้าถึงบริการการแพทย์ของรัฐได้ในราคาราว 100 เหรียญสหรัฐฯ
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: ค่าครองชีพของ Lisbon กำลังไต่สูงขึ้น
8. Medellin โคลอมเบีย
เสน่ห์ดึงดูด: หนึ่งในเมืองที่น่าสนใจแห่งใหม่สำหรับ Digital Nomad เมืองที่กำลังขยายตัวของโคลอมเบียแห่งนี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเหล่าสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการ
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 710-1,620 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 23,350-53,300 บาท)
ดีลเด่น: คุณสามารถหาที่พักแสนงามจาก Airbnb ได้ในราคา 800 เหรียญต่อเดือน (ราว 26,300 บาท)
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: ความปลอดภัยได้พัฒนาขึ้นแล้วเปรียบเทียบกับยุคมืดของทศวรรษ 1990S แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องเหตุอาชญากรรม ที่นี่ไม่ใช่สถานที่แนะนำสำหรับผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว
9. Tbilisi จอร์เจีย
เสน่ห์ดึงดูด: จุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในเอเชียกลาง จอร์เจียเป็นประเทศที่อยู่ระหว่างเทือกเขา Caucasus และทะเลดำ และมีคนท้องถิ่นที่เป็นมิตร พร้อมด้วยอาหารดีๆ ให้ทาน
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 700-1,550 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 23,000-51,000 บาท)
ดีลเด่น: คุณสามารถหามื้ออาหารสุขภาพในราคาไม่แพงเพียง 6 เหรียญเท่านั้น
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: เนื่องจากที่นี่ยังเป็นเมืองที่มีคนไปเยี่ยมเยือนน้อย ดังนั้นจึงยังไม่มีชุมชน expat ที่ชัดเจนเท่าเมืองอื่นๆ ในลิสท์
10. Tallinn เอสโทเนีย
เสน่ห์ดึงดูด: เอสโทเนียมีโปรแกรมชื่อ e-Residency ซึ่งทำให้การเริ่มธุรกิจง่ายขึ้น ประเทศนี้ยังมีการลงทุนอย่างหนักกับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ทำให้เป็นเมืองในอุดมคติสำหรับฟรีแลนซ์ที่ทำงานในสายเทคโนโลยี
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 1,250-2,450 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 41,100-80,600 บาท)
ดีลเด่น: คุณสามารถหาอะพาร์ตเมนต์ขนาดหนึ่งห้องนอนได้ในราคาเช่าเดือนละ 600 เหรียญ
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: ยังมีจุดหมายอื่นที่มีภูมิอากาศดีกว่า ที่นี่จะหนาวมากในฤดูหนาว
11. Buenos Aires อาร์เจนติน่า
เสน่ห์ดึงดูด: ฮับวัฒนธรรมที่ดีที่สุดสำหรับชาว Digital Nomad เมืองนี้ยังยินดีต้อนรับทั้งผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพด้วยกฎหมายที่เอื้อให้กับเจ้าของธุรกิจ
ค่าครองชีพเฉลี่ยต่อเดือน: 950-2,300 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 31,250-75,700 บาท)
ดีลเด่น: บัตรเดินทางขนส่งสาธารณะราคาเพียง 13 เหรียญต่อเดือน
ข้อเสียที่ควรพิจารณา: เหตุอาชญากรรมกำลังเพิ่มสูงขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา
4 เมืองที่ควรหลีกเลี่ยง
(PHOTO CREDIT: Post Today)
1. Berlin เยอรมนี: เมืองนี้เคยเป็นเมืองสุดฮอตสำหรับ Digital Nomad แต่ในหลายปีที่ผ่านมา Berlin มีค่าครองชีพที่สูง และเหตุอาชญากรรมรวมถึงเหตุการณ์ทางการเมืองต่างก็พุ่งสูงขึ้น
2. Cape Town แอฟริกาใต้: เมืองอันแสนงาม แต่เริ่มไม่ปลอดภัยสำหรับผู้มาเยือน
3. Bali อินโดนีเซีย: เป็นสรวงสวรรค์สำหรับ Digital Nomad มานาน จนกระทั่ง Bali เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและค่าครองชีพพุ่งสูง...กล่าวได้ว่าพวกเขาแพ้ภัยตัวเอง
4. เชียงใหม่ ประเทศไทย: ไม่สามารถหาคำใดมาพูดถึงสำหรับเมืองนี้ เพราะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจนไม่สามารถหาที่ว่างในโคเวิร์กกิ้ง สเปซได้เลย
ขอบคุณภาพจาก GETTY ROYALTY FREE
แปลและเรียบเรียงจาก 11 Best Places To Be A Digital Nomad (And The 4 Worst) โดย Laura Begley Bloom คอลัมนิสต์ด้านการท่องเที่ยว-ไลฟ์สไตล์จาก FORBES