UN เตือนอุณหภูมิโลกอาจจะเพิ่มสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2030-2050 หากภาวะโลกร้อนยังดำเนินต่อเนื่องในอัตราปัจจุบัน เเนะทุกประเทศต้องดำเนินมาตรการเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่เพื่อหยุดยั้งภัยพิบัติร้ายเเรง
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การอุปถัมป์ขององค์การสหประชาชาชาติ (UN) เปิดเผยรายงานสรุปในวันนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวโลกนั้นร้อนขึ้นประมาณ 1 องศาเซลเซียสจากระดับช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น และเป็นปัจจัยให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงอื่นๆ เช่น พายุขนาดใหญ่ น้ำท่วมฉับพลันและภัยแล้ง โดยอุณหภูมิเฉลี่ยยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 3-4 องศาเซลเซียส หากทั่วโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับปัจจุบันต่อเนื่อง จะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยพุ่งเกิน 1.5 องศาเซลเซียส จากระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมภายในปี 2030 และไม่เกินครึ่งศตวรรษนี้ “สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ได้เกิดขึ้นแล้ววันนี้” Jennifer Morgan ผู้อำนวยการบริหาร Greenpeace International ให้สัมภาษณ์กับ AFP โดยก่อนที่จะมีการลงนามข้อตกลงภูมิอากาศปารีสเมื่อปี 2015 งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกือบ 10 ปีได้ตั้งเป้าหมายยับยั้งอุณหภูมิเฉลี่ยไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส เพื่อคงระดับสภาพอากาศโลกให้ปลอดภัยแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์
ที่มา
- https://www.afp.com/en/news/23/un-warns-paradigm-shift-needed-avert-global-climate-chaos-doc-19u8db3