อาจจะสายเกินไป...เมื่อ 'จีน' คิดผลักดันประชาชนเร่งปั๊มลูก - Forbes Thailand

อาจจะสายเกินไป...เมื่อ 'จีน' คิดผลักดันประชาชนเร่งปั๊มลูก

สำหรับ Jian Xiao การมีลูกคนที่สองดูไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ Xiao ในวัย 31 ปีลาออกจากอาชีพสถาปนิกเมื่อปีก่อนเพื่อเป็นแม่บ้านเลี้ยงดูลูก รายได้ที่หายไปของเธอทำให้เธอต้องประหยัดมากขึ้น และปฏิเสธการมีลูกคนที่สองเพราะไม่มีเวลาและรายได้มากพอ

Xiao ไม่ใช่คนเดียวในประเทศจีนที่ข้อจำกัดทางอาชีพและการเงินทำให้ต้องการมีลูกน้อยลง แม้ว่ารัฐบาลจีนจะยกเลินโยบายลูกคนเดียว ที่ดำเนินมา 4 ทศวรรษในปี 2016 และอนุญาตคู่รักให้มีลูกคนที่สองได้ก็ตาม นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยสำหรับประเทศที่กำลังเผชิญปัญหาประชากรวัยทำงานลดลง รัฐบาลจีนจึงเริ่มพิจารณานโยบายการสนับสนุนทางการเงินเพื่อกระตุ้นการมีลูกของคนในชาติ  

หลายปากที่ต้องเลี้ยงดู

นโยบายลูกคนเดียวถูกกำหนดขึ้นในปี 1979 เมื่อรัฐบาลจีนมองว่าประชากรที่มากเกินไปจะทำให้ประเทศไม่เติบโต นโยบายนี้คือปัจจัยหลักที่ทำให้ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่าประชากรวัยทำงานของจีนจะลดลง 10% เมื่อเข้าสู่ปี 2040 ในขณะที่ประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปีจะสูงขึ้นแตะ 350 ล้านคน สร้างความตึงเครียดให้กับเศรษฐกิจของประเทศ แรงงานที่ลดลงทำให้ค่าแรงเพิ่มสูงขึ้นทำร้ายภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของจีน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศมาตลอด 30 ปี อุปทานแรงงานที่ลดลงทำให้ขณะนี้ค่าแรงในจีนถูกกว่าในสหรัฐอเมริกาเพียง 4% ตามการวิจัยของ Oxford Economics “ประเทศจีนควรจะให้ ‘โบนัส’ พิเศษสำหรับการคลอดบุตร และพัฒนาระบบดูแลสุขภาพ รวมถึงเงื่อนไขการลาพักสำหรับคุณแม่หลังคลอดบุตร เพื่อกระตุ้นการเติบโตของอัตราการเกิด” คำแนะนำจาก Xiaomei Sun ศาสตราจารย์จาก China Women’s University และสมาชิกสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) คำแนะนำของเธอสอดคล้องกับ Pei'an Wang รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุขและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติ ซึ่งกล่าวในการประชุมรัฐสวัสดิการครั้งล่าสุดว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณา "ผลตอบแทนและเงินช่วยเหลือแก่ผู้คลอดบุตร" เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีลูกเพิ่
[เครดิตภาพ: STR/AFP/Getty Images]
nbsp; แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า นโยบายที่อยู่ระหว่างพิจารณานี้อาจจะไม่สามารถหมุนกลับกระแสสังคมผู้สูงอายุในจีน เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้หญิงจีนในยุคมิลเลนเนียมที่ร่ำรวยขึ้นกำลังเดินตามรอยเท้าตะวันตก นั่นคือไม่ต้องการให้หน้าที่เลี้ยงดูบุตรมาแทนที่การเติบโตในหน้าที่การงานของพวกเธอ ถือเป็นแนวคิดที่กลับตาลปัตรจากคนรุ่นก่อนอย่างรุนแรง "ทัศนคติของชาวจีนต่อการให้กำเนิดลูกเกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับฐานราก" Yong Cai รองศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัย North Carolina, Chapel Hill กล่าว "ปัจจุบันชาวจีนต้องการมีลูกช้าลงและไม่ต้องการมีลูกมากอีกแล้ว" Xin Yuan ศาสตราจารย์ด้านประชากรศาสตร์มหาวิทยาลัย Nankai ในจีนกล่าวตรงกันว่า "ปัจจัยทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ทำให้อัตราการเกิดในประเทศพัฒนาแล้วลดลงนั้น กำลังเกิดขึ้นกับประเทศจีนด้วย จีนจะมีอัตราการเกิดต่ำเช่นนี้ไปอีกเป็นระยะเวลานาน"  

งานมาก่อนการมีบุตร

ข้อมูลจากรัฐบาลจีนรายงานว่า ปีที่ผ่านมาจีนมีทารกเกิดใหม่ถึง 17.86 ล้านคน เป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ปี 2000 แต่ Yuan กล่าวว่าสถิตินี้จะเริ่มลดลงในปี 2019 เป็นต้นไป หลังจากผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเลือกการศึกษาและอาชีพการงานก่อนการมีลูก กระแสดังกล่าวเริ่มแสดงให้เห็นแล้วในมณฑลใหญ่ๆ ของจีน รัฐบาลจีนรายงานว่าอัตราการเกิดใน Gansu และ Guangxi เริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2016 และในมณฑล Shaanxi และ Sichuan นั้น ครอบครัวมากกว่า 60% ไม่ต้องการมีลูกคนที่สอง Yuan สรุปผลว่า นั่นทำให้ภายในปี 2050 จีนจะมีแรงงานเข้าสู่ระบบเพียง 30 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นไม่ถึง 5% เขากล่าวว่า "เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นน้อยมาก และไม่ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานของจีน เราอาจจะต้องรอจนถึงสิ้นศตวรรษนี้กว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้"   เรียบเรียงจาก Aging China Considers Incentives To Boost Child Birth -- Too Little, Too Late? โดย Yue Wang