ความพยายามผลักดันให้ใช้ รถยนต์ไฟฟ้า ของประเทศจีนดูเหมือนไม่ใช่เรื่องง่าย หลังข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ชี้ให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีนอาจหดตัวลงในปีนี้
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งจีน หรือ China Association of Automobile Manufacturers (CAAM) เปิดเผยว่า ยอดขาย รถยนต์ไฟฟ้า, รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง (fuel cell car) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาลดลงกว่า 45% ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกัน 4 เดือนแล้ว
“เนื่องจากดีมานด์ในประเทศที่ยังน้อย, แรงกดดันสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ในการยกระดับเทคโนโลยีของตนให้เป็นมาตรฐานของชาติ และการตัดเงินอุดหนุนสำหรับการซื้อรถยนต์พลังงานใหม่ ทำให้การฟื้นตัวในภาคการผลิตและการขายยังถูกจำกัด” Chen Shihua ผู้ช่วยเลขาธิการของสมาคมกล่าว
“ดูจากแนวโน้มในปัจจุบันแล้ว เราอาจเห็นการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในปีนี้ติดลบ”
ข้อมูลดังกล่าวตอกย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์ที่ประเทศจีนกำลังเผชิญอยู่ หลังจีนต้องการให้รถยนต์พลังงานใหม่มียอดขายเป็น 1 ใน 5 ของตลาดรถยนต์รวมภายในปี 2025 โดยรัฐบาลวางเป้ายอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ไว้ที่ปีละ 7 ล้านคัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น รัฐบาลจีนจึงให้เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการผลิตและซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อดันให้อุตสาหกรรมเติบโต
แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ภาครัฐลดมาตรการช่วยเหลือลงเพื่อรักษาความสมดุลกับเป้าหมายด้านอื่นๆ ของรัฐบาล และเป็นความพยายามทลายความอัดแน่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
ในเดือนมีนาคม ข้อมูลจาก National Monitoring Platform for New Energy Vehicles ซึ่งเป็นกลุ่มที่เฝ้าดูการผลิตรถยนต์ในเซ็กเตอร์นี้ รายงานว่า ประเทศจีนมีผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ (ที่ลงทะเบียนแล้ว) ถึง 486 ราย หลายรายสามารถระดมทุนได้หลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงเกิดภาวะฟองสบู่ให้กับอุตสาหกรรมนี้
ผลดังกล่าวทำให้รัฐบาลลดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ลง โดยในเดือนมีนาคม รัฐบาลได้ประกาศลดเงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ โดยระบุว่ารัฐบาลต้องการ “ส่งเสริมความอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด”
การลดเงินอุดหนุนนี้ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีนลดลงทันที ซึ่งส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคม CAAM ระบุว่ายอดขายรถยนต์ทั้งหมดในจีนลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ผู้เล่นที่โดดเด่นในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่หลายคนกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งพวกเขาต่างโทษว่าสาเหตุมาจากการลดเงินอุดหนุนจากภาครัฐ
ในเดือนที่ผ่านมา BYD หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าตัวท็อปของจีนที่ไตรมาส 3 ของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิลดลงถึง 89% ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ในไตรมาสนี้ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ซึ่งเป็นผลมาจาก “การลดเงินอุดหนุนลงไปมาก”
ส่วนในเดือนกันยายน บริษัท NIO สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นจาก Shanghai ซึ่งได้รับสมญานามว่า Tesla แห่งจีน ก็มียอดขายในไตรมาสล่าสุดลดลงซึ่งเป็นผลมาจากสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลที่ลดลง
“ปัจจุบันคนสนใจรถยนต์ไฟฟ้าก็เพราะสิทธิประโยชน์ที่ได้จากรัฐบาล” Tu Le ผู้ก่อตั้ง Sino Auto Insights บริษัทที่ปรึกษาใน Beijing กล่าว และว่า ข้อมูลยอดขายล่าสุดแสดงให้เห็นถึง “อาการสะอึกครั้งใหญ่” ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน “แต่ก็ไม่ได้เป็นการขัดขวางแผนระยะยาวของรัฐบาล”
ขณะที่จีนต้องการการเติบโตอีกมากเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Le คาดการณ์ว่าการเติบโตส่วนใหญ่น่าจะมาจากผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติที่ไม่ใช่ผู้เล่นหลักในปัจจุบันที่โฟกัสการขายภายในประเทศจีน
โดยผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างชาติหลายรายเพิ่งประกาศแผนขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน อย่างเช่น Tesla และ Volkswagen ที่เพิ่งทดสอบการผลิตในโรงงานใหม่ใน Shanghai และคาดว่าจะมีรายอื่นๆ ตามมาอีกหลายราย ทั้งนี้ ผู้เล่นเก่านั้นได้ประโยชน์จากการมีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ขณะที่สตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในจีนเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาด และ “ต้องการสิทธิประโยชน์เพื่อให้สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภค” Le กล่าว
Le ระบุอีกว่า ผู้เล่นบางราย เช่น Volkswagen ยังถูกคาดหวังว่าจะออกโปรดักต์ในราคาที่เอื้อมถึงได้มากกว่าสตาร์ทอัพในประเทศที่มักเน้นผลิตรถพรีเมียม ดังนั้น ราคาที่แตกต่างจึงทำให้ยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตจะมาจากผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาตินั่นเอง
กระนั้น อุตสาหกรรมนี้มีแนวโน้มว่าต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้น โดย Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาลดเงินอุดหนุนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงการคลังยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้
แปลและเรียบเรียงจาก China has been slashing its electric car subsidies. That could backfireไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine