จากคนกว่า 7.4 พันล้านคนบนโลก 74 คนนี้คือบรรดาบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการกำหนดวิถีความเป็นไปของโลก ในทุกๆ ปี Forbes จะจัดทำทำเนียบของบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกโดยคัดเลือกบุคคลหนึ่งคนเป็นตัวแทนสำหรับประชากรโลก 100 ล้านคน
โดยในขั้นตอนของการคัดเลือก เราจะเฟ้นหาบุคคลสำคัญมา 100 คน และทำการตรวจสอบในสี่ด้านด้วยกัน ได้แก่ บุคคลนั้นมีอิทธิพลเหนือผู้อื่นมากน้อยแค่ไหน บุคคลนั้นคุมเงินมากน้อยแค่ไหน บุคคลนั้นมีอิทธิพลต่อทวีปต่างๆ อุตสาหกรรมประเภทต่าง และแง่มุมต่างๆ ในชีวิตพลโลกแค่ไหน และพวกเขาใช้อิทธิพลที่ตัวเองมีอยู่บ่อยแค่ไหน โดยมีคณะกรรมการที่ประกอบด้วยทีมบรรณาธิการของ Forbes เป็นผู้ตัดสิน สำหรับในปี 2016 ทำเนียบบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของเราจัดทำเสร็จในช่วงที่สถานการณ์ในที่ต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายและรวดเร็ว แต่ก็ยังเป็นรายชื่อที่เราเชื่อว่าแต่ละคนจะเป็นบุคคลที่มีความหมายอย่างมากกับความเป็นไปในโลกในปีนี้ ทั้งนี้ ทีม Forbes Thailand ได้คัดเลือก 10 อันดับแรกบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก และอีก 8 รายชื่อที่แม้จะไม่ติด 10 อันดับแรก แต่ก็น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง อันดับ 1 Vladimir Putin
ประธานาธิบดีรัสเซีย
อายุ 64 ปี
ประเทศรัสเซีย
ยังคงอันดับ 1 บุคคลทรงอิทธิพลของโลกต่อเนื่องจากปีก่อน บุรุษเหล็กผู้นำรัสเซียคนนี้มักจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการเสมอ ไม่ว่าจะจากมาตุภูมิของเขาไปถึงในซีเรีย และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูเหมือนเขาจะผูกพันธมิตรกับทำเนียบขาวได้สำเร็จ ทำให้เป็นไปได้ว่าอิทธิพลที่เขามีจะใหญ่คับโลกเสียแล้ว
อันดับ 2 Donald Trump
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
อายุ 70 ปี
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ดูเหมือนจะมีภูมิคุ้มกันเรื่องอื้อฉาวต่างๆ ทั้งจากการที่ทั้งสองสภาถือหางอยู่ข้างเขา บวกกับมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวนับพันล้านเหรียญ และการชูนโยบาย “ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
อันดับ 3 Angela Merkel
นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
อายุ 62 ปี
ประเทศเยอรมนี
หลังจากที่อังกฤษตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป บทบาทของนายกรัฐมนตรีเยอรมนีผู้นี้ก็ทวีความสำคัญมากกว่าที่เคย การที่ Clinton พ่ายศึกเลือกตั้งทำให้ Merkel ยังคงเป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกต่อไป
อันดับ 4 Xi Jinping
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน
อายุ 63 ปี
ประเทศจีน
เขาเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “แกนนำ” ของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งทำให้เขาได้รับการยกย่องระดับเดียวกับเหมา เจ๋อตง และเติ้ง เสี่ยวผิง และทำให้เขากุมอำนาจในการกำหนดนโยบายของจีนได้เบ็ดเสร็จกว่าที่เคย
อันดับ 5 Pope Francis
พระสันตะปาปา นิกายโรมันคาธอลิค
อายุ 80 ปี
กรุงวาติกัน
ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวคาธอลิคเกือบ 1.3 พันล้านคนทั่วโลกไม่กลัวที่จะดำเนินการในสิ่งที่มีการโต้แย้งในวงกว้าง โดยในปีที่แล้วท่านได้ยืนยันที่จะห้ามบวชสตรีเป็นพระสงฆ์ และประทานอนุญาตให้บาทหลวงอภัยบาปให้สตรีที่ทำแท้ง
อันดับ 6 Janet Yellen
ประธานธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ
อายุ 70 ปี
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เธอใช้ความระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับระบบการเงินโลก ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปี 2014 Yellen เพิ่งจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งมีการคาดกันว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอีกรอบในเร็วๆ นี้
อันดับ 7 Bill Gates
ประธานมูลนิธิ Bill & Melinda Gates
อายุ 61 ปี
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกผู้นี้ยังดูแลมูลนิธิการกุศลขนาดใหญ่ที่สุดด้วย โดยมูลนิธิของเขาได้ช่วยกำจัดโรคโปลิโอให้หมดไปจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกแล้ว ยกเว้นแค่เพียงสามประเทศเท่านั้น และยังมีเป้าหมายที่จะขจัดโรคมาลาเรียให้หมดไปจากโลกภายในปี 2040
อันดับ 8 Larry Page
ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Alphabet
อายุ 43 ปี
ประเทศสหรัฐอเมริกา
แม้ว่า Alphabet จะทำวิจัยเรื่องต่างๆ ทั่วไปหมดตั้งแต่ AI ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ แต่ก็ยังไม่หนำใจ Page ซึ่งยังเดินหน้านำสินทรัพย์มูลค่า 3.7 หมื่นล้านเหรียญไปลงทุนในกิจการต่างๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งมีรายงานว่าหนึ่งในนั้นคือกิจการสตาร์ทอัพเพื่อสร้างรถยนต์บินได้
อันดับ 9 Narendra Modi
นายกรัฐมนตรีอินเดีย
อายุ 66 ปี
ประเทศอินเดีย
เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เปลี่ยนธนบัตรที่มีมูลค่าสูงสุดสองประเภทที่มีการใช้หมุนเวียนอยู่เพื่อลดปัญหาการฟอกเงินและคอร์รัปชัน ซึ่งก่อให้เกิดกระแสความปั่นป่วนในระบบการเงินของอินเดียอย่างหนัก เนื่องจากประชาชนต่างก็แห่กันมาแลกธนบัตรคืนก่อนที่จะกลายเป็นแค่เศษกระดาษ
อันดับ 10 Mark Zuckerberg
ซีอีโอแห่ง Facebook
อายุ 32 ปี
ประเทศสหรัฐอเมริกา
Facebook ถูกกล่าวหาว่าเผยแพร่ “ข่าวลวง” ในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ถึงแม้ Zuckerberg จะแสดงท่าทีไม่ได้สนใจกับข้อกล่าวหานี้สักเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คืออิทธิพลที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของสื่อโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่เจ้านี้
อันดับ 11 Mario Draghi
ประธานแห่ง European Central Bank
อายุ 69 ปี
ประเทศอิตาลี
“Super Mario” คนนี้ต้องรับบทหนักในการบริหารธนาคารกลางยุโรปในยุคที่อัตราดอกเบี้ยติดลบ และความศรัทธาในการรวมกลุ่มของประเทศต่างๆ ในประชาคมยุโรปอยู่ในภาวะง่อนแง่นหลังจากที่ชาวอังกฤษลงมติถอนตัวออกจาก EU เมื่อเดือนมิถุนายน 2016
อันดับ 16 Salman bin AbdulAziz Al Saud
กษัตริย์
ซาอุดิอาระเบีย
อายุ 80 ปี
ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ราชวงศ์ซาอุฯ ต้องสั่นคลอนด้วยพิษเศรษฐกิจจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัว รวมทั้งสงครามราคาแพงในเยเมน เมื่อมกราคมปีที่แล้วมีคำสั่งประหารผู้ต่อต้าน 47 รายภายใต้กฎหมายของระบอบการปกครองของซาอุฯ
อันดับ 31 Charles Koch
ซีอีโอแห่ง Koch Industries
อายุ 81 ปี
ประเทศสหรัฐอเมริกา
อภิมหาเศรษฐีผู้มักบริจาคเงินก้อนโตสนับสนุนพรรคการเมืองผู้นี้เลือกที่จะไม่บริจาคเงินสนับสนุนผู้สมัครคนใดเลยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2016 โดยเปรียบเทียบว่าตัวเลือกผู้สมัครทั้งสองคนเป็นเหมือนการเลือกระหว่าง “โรคมะเร็ง หรือ หัวใจวาย”
อันดับ 36 Antonio Guterres
เลขาธิการสหประชาชาติ
อายุ 67 ปี
ประเทศโปรตุเกส
เลขาธิการสหประชาชาติคนใหม่นี้ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีประเทศโปรตุเกสและอดีตข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ซึ่งประสบการณ์ทำงานในอดีตของเขาน่าจะช่วยเขาได้อย่างมากในการพยายามแก้ปัญหาวิกฤตผู้อพยพในยุโรป
อันดับ 40 Jay Y. Lee
รองประธานของ Samsung
อายุ 48 ปี
ประเทศเกาหลีใต้
แม้ในปี 2016 Samsung ถูกกระหน่ำจากทั้งกรณีโทรศัพท์ Galaxy Note 7 ระเบิด และการที่ต้องเรียกคืนเครื่องซักผ้าถึง 34 รุ่นแต่ราคาหุ้นก็ยังคงวิ่งขึ้นมาถึงเกือบ 40%
อันดับ 48 Barack Obama
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
อายุ 55 ปี
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากเขาขู่ว่าจะยกเลิกนโยบายที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงของ Obama อย่างเช่นนโยบายปฏิรูประบบการรักษาพยาบาล และข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้กับอิหร่าน
อันดับ 54 Enrique PeÑa Nieto
ประธานาธิบดีเม็กซิโก
อายุ 50 ปี
ประเทศเม็กซิโก
Peña Nieto เป็นผู้นำที่ไม่เป็นที่นิยมเอาเสียเลยในหมู่ประชาชนชาวเม็กซิกัน 123 ล้านคน และการเข้าพบกับ Donald Trump เมื่อสิงหาคมในปีที่แล้วก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ของเขาดีขึ้น แม้ว่าเขาจะให้สัญญาว่าจะไม่ช่วยจ่ายเงินสร้างกำแพงกั้นพรมแดนตามข้อเสนอของ Trump
อันดับ 73 Peter Thiel
หุ้นส่วน Founders Fund
อายุ 49 ปี
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในปี 2016 มหาเศรษฐีปากกล้าผู้นี้ได้มีส่วนสนับสนุนอย่างลับๆ ในการฟ้องร้องคดีที่ทำให้ Gawker Media ล้มละลาย ในขณะที่การสนับสนุนแคมเปญหาเสียงของ Donald Trump ทำให้เขาได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานที่ดูแลในช่วงเปลี่ยนผ่านของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ด้วย
คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "The World's Most Powerful People 2016" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กุมภาพันธ์ 2560
