Thierry Mugler ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสผู้เปลี่ยนโฉมโลกแฟชั่นได้บอกลาวงการไปอีกคน แต่คติการใช้ชีวิต และมุมมองล้ำโลกของ Mugler จะอยู่กับโลกใบนี้ไปอีกนานแสนนาน
Thierry Mugler แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสเสียชีวิตด้วยวัย 73 ปี โดยในโพสต์บนบัญชีอินสตราแกรมของดีไซเนอร์คนนี้ระบุว่า เขาได้เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น
ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสคนนี้เป็นที่รู้จักเพราะงานดีไซน์แฟชั่นสุดล้ำโลก และพิสดารที่เข้ามาเขย่าวงการแฟชั่นยุค 1980s อันจืดชืดที่คิดถึงแต่ธุรกิจกันมากไปหน่อย แต่การเล่นกับความเสี่ยงอยู่ดีเอ็นเอของ Mugler อีกทั้งเขายังมีอิทธิพลต่อดีไซเนอร์รุ่นต่อๆ ไปอย่าง Viktor & Rolf จนไปถึง Jeremy Scott อีกด้วย
ความฟู่ฟ่าของ Mugler เป็นสิ่งที่จะถูกจดจำตลอดไป เขาได้ผสานองค์ประกอบจากบางอย่างที่ดูเหมือนหลุดออกมานิยายวิทยาศาสตร์ไว้กับความหรูหราฉบับฮอลลีวูดและมารยาที่พบในละครเวทีบรอดเวย์เก่าๆ ไว้ด้วยกัน เขาได้ดีไซน์บางอย่างที่บางคนก็เรียกขานว่า “เทพธิดาแห่งอวกาศ”
เป้าหมายของเขาคือการพาผู้ชมออกห่างจากโลกความเป็นจริงให้ไกลที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถ Mugler เคยกล่าวไว้ว่า “โลกนี้มันโหดร้ายมากพอแล้ว โลกความเป็นจริงนี้มันมีความอัปลักษณ์มากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปทำให้มันมีมากขึ้น”
เขาเกิดที่เมือง Strasbourg ในฝรั่งเศสเมื่อปี 1948 และเข้ามาเปลี่ยนโลกแฟชั่นในกรุง Paris ตั้งแต่ช่วงปี 1980s ถึง 1990s และงานออกแบบของเขาไม่ได้ถูกสวมใส่เพียงบนรันเวย์เท่านั้น แต่เหล่าเซเลบริตี้ ไม่ว่าจะเป็น Jerry Hall หรือ Lady Gaga จนไปถึง Cardi B ก็สวมใส่แบรนด์สุดล้ำนี้ ณ งานพรมแดงต่างๆ ด้วย
นี่คือสิ่งที่ Mugler เคยกล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาที่เป็นคติอันน่าชื่นชมมากที่สุด
- แฟชั่นคือภาพยนตร์ ทุกๆ เช้าคุณแต่งตัว และกำกับตัวคุณเอง
- บางทีคนก็ถามผมว่า “อะไรคือคำนิยามของผู้หญิงแกร่งสำหรับคุณ?” และผมก็ตอบไปว่า นั่นก็คือผู้หญิงที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง ผู้ที่มีความสุขกับตัวเธอเอง และผู้ที่มีความปิติ
- ผมต้องการให้นางแบบทั้งหลายของผมยิ่งใหญ่, แข็งแรง, สูงโปร่งมากกว่ามนุษย์เดินดินทั่วไป
- การที่ใครคนหนึ่งจะนอบน้อมเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ และเลือกทำบางสิ่งที่ไม่ได้ง่ายเสมอไป เลือกทำบางอย่างที่บางครั้งก็เจ็บปวดและทำให้คุณเติบโต
- ตัวผมเองไม่เคยพูดว่าผมเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ ผมรู้สึกมาตลอดว่าผมเป็นเหมือนกับผู้กำกับ และเสื้อผ้าที่ผมรังสรรค์ก็คือการกำกับในแต่ละวัน มีทั้งผู้หญิงที่เอวเล็ก และไหล่กว้าง ดังนั้นผมก็ไม่ได้ทำอะไรเกินจริงเลย ช่วงไหล่นั้นมันสำคัญเสมอ ในการเต้น ผมก็เรียนรู้เกี่ยวกับตำแหน่งของคอ และวิธีที่คุณควรจะยืน
- ผมรังสรรค์เสื้อผ้าเพราะผมกำลังมองดูบางอย่างที่ไม่มีจริง ผมต้องสร้างโลกของตัวเองขึ้นมา
- เหนือกว่าสิ่งใดๆ ความสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณและร่างกายจะชัดขึ้นเมื่อคุณดูแลตัวเอง นั่นจะช่วยให้คุณเข้าใจหลายๆ สิ่งเกี่ยวกับชีวิต, มนุษย์ และตัวคุณเอง
- ตัวผมเองไม่เคยมีปัญหากับเพศวิถีหรืออัตลักษณ์ของตนเอง ผมมีปัญหากับครอบครัว และผมมีปัญหากับโลกใบนี้ ผมรู้สึกไม่เข้าพวก และผมก็ต้องทนทุกข์มาก ผมเต้นบัลเล่ต์อยู่หกปี ไม่มีใครในครอบครัวผมมาอยู่ผมบนเวทีสักครั้ง ผมเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่ถูกทิ้งไว้ในโรงละครเพียงลำพัง ผมเดาว่าผมมันคงประหลาดเกินไป ยามค่ำคืน ผมก็จะมองดูท้องฟ้า มองดาวสีน้ำเงินทั้งหลาย และมันก็ทำให้ผมรู้ว่า ผมต้องอดทนเข้าไว้
- ผมคิดว่าหากคุณทำงานในวงการนี้ คุณกำลังเป็นส่วนหนึ่งของความสร้างสรรค์ นั่นคือหลักปรัชญาของผม นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมไม่ดูหนังที่มีความรุนแรง ผมไม่เข้าใจหนังสยองขวัญอะไรเทือกนั้นเลย มันช่างไร้ความเคารพต่อผู้หญิงที่ถูกฆาตกรรมในชีวิตจริงมาก นั่นคือโลกความเป็นจริงนะ แต่ในขณะเดียวกัน โลกใบนี้ก็มีสิ่งอัศจรรย์มากมาย ดังนั้น มาคุยกันเรื่องสิ่งน่าอัศจรรย์เหล่านี้เถอะ มันยากที่จะยกตัวเองให้สูงกว่าเรื่องพวกนี้มากกว่าที่จะหลุ่มหลงในพวกมัน
- โครงสร้างใบหน้ามนุษย์ดึงดูดผมมาก ดังนั้น ผมจึงเสาะหาความงามทุกรูปแบบ ไม่ว่าพื้นเพคุณจะมาจากไหนก็ตาม ผมชอบที่จะตามหาตัวอย่างอันแท้จริง หรือไม่ก็สุดโต่งไปเลย แล้วก็ตามหาความงามในทุกรูปแบบ
- คุณรู้ไหม ร่างกายของคุณมีความทรงจำ และนั่นก็เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของคุณ หากคุณต้องการที่จะใช้มัน คุณต้องละทิ้งอดีตให้ได้ เอาของเก่าๆ ของจากลิ้นชักเพื่อที่จะใส่สิ่งใหม่ๆ เข้าไปแทน
- เหตุผลที่ผมออกมาจากโลกแฟชั่นก็เป็นเพราะว่าผมใช้เวลานั่งคุกเข่า ทำให้คนอื่นดูมหัศจรรย์และสวยงามมามากพอแล้ว ผมใช้แฟชั่นในการแสดงถึงตัวตนของผมมากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และสักวันหนึ่ง มันก็ถึงจุดอิ่มตัว
- ผมไม่ได้ทันสมัยหรอก ผมไม่ได้ 'ทันแฟชั่น' ด้วย ผมก็เป็นเพียงแค่คนคิดบวกที่มองโลกแง่บวกก็เท่านั้นเอง
- ภาพถ่ายต้องมาจากจินตนาการ ไม่ใช่เป็นเพียงภาพสะท้อนของบางอย่าง
- ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปกติหมายความว่าอะไร ผมคิดว่าธรรมชาติมันไม่มีที่สิ้นสุดและสวยงามมาก ดังนั้นผมเลยพยายามแต่งเติมธรรมชาติ ไม่ใช่พยายามขัดขามัน ซิลิโคน หรือของถูกๆ อะไรพวกนั้นมันอัปลักษณ์สิ้นดี
- สำหรับผมแล้ว ทุกอย่างเกี่ยวกับการผจญภัย มันเป็นกระบวนการธรรมชาติ ผมคิดว่ามันสำคัณที่มนุษย์จะต้องตระหนักรู้ถึงตัวเองอย่างถ่องแท้ ผมรู้สึกประหลาดใจกับร่างกายมนุษย์มาโดยตลอด และผมก็อยากจะแสดงความเคารพถึงความสามารถของมัน
- น้ำหอมไม่ควรถูกเชื่อมโยงไว้กับแฟชั่นเพียงเท่านั้น เพราะนั่นหมายความว่าสักวันหนึ่งมันจะตกเทรนด์ไป
- ในการสร้างสรรค์บางอย่างที่คุณจะฝันถึง ผมต้องการผู้หญิง, สถานที่ และสถาปัตยกรรมที่พิเศษเหนือความคาดหมาย
- ผมตระหนักได้ว่าผมอยู่ในจักรวาลของตัวเองที่เต็มไปด้วยผู้ช่วย ผมไม่มีโทรศัพท์มือถือ ผมใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น ทุกคนช่วยผมทำทุกอย่าง ดังนั้นผมเลย ผมเลยก้าวออกมา และย้ายไป New York นั่นคือจุดจบของยุคนั้น ผมต้องพูดเลยว่าผมรู้สึกหลงทางมากทีเดียว ผมไม่ได้อยู่ในจักรวาล Mugler ที่มีเกราะป้องกันอีกต่อไปแล้ว
- ผมพยายามที่จะยกให้ร่างกายเป็นสิ่งสูงส่งและทำให้ผู้คนฝันเสมอ
- จะมีใครกันที่ต้องการเพียงแฟชั่น? มีคอสตูมอยู่ก็จริง แต่ก็ยังมีสิ่งแวดล้อม, แสงสี และช่วงเวลาสำคัญอยู่ด้วย ตอนนี้ผมเป็นช่างภาพด้วย และผมก็รักในเสียงเพลงอีกต่างหาก แฟชั่นเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับผม ดังนั้นผมเลยกล่าวว่า “ผมมีพลังที่จะสร้างโชว์อันยิ่งใหญ่” เสียงเพลง, ฉาก, แสง, ทัศนคติ ทุกอย่างช่วยผมเล่าเรื่องของผม บางสิ่งที่ผมบอกเด็กๆ ทั้งหลายคือ “ชัดเจนในสิ่งที่คุณอยากจะพูด มั่นใจว่าผู้คนเข้าใจมัน”
- มีบางช่วงที่ผมแต่งตัวเหมือนกับ Peter Pan ใส่ถุงน่องแล้วก็รองเท้าแบบเดียวกันด้วย ผมชอบในความไร้เดียงสาของเขา ความสามารถที่จะบินโผและเป็นอิสระ
แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Wise Words From Fashion Designer Thierry Mugler เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: Somewhere Else โรงแรมแห่งใหม่ของ Pharrell Williams
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine