Instagram กลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยส่งแรงผลักดันยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ให้เจริญเติบโต หลังการเข้าซื้อ Instagram ของ Zuckerberg ทำให้การซื้อขายกิจการครั้งนี้ คว้าตำแหน่งดีลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในแวดวงเทคโนโลยี ทว่าเราคงไม่ได้เห็นน้ำตาสักหยดของ Kevin Systrom ผู้ร่วมก่อตั้งแอพพลิเคชั่นแบ่งปันภาพถ่ายยอดนิยมนี้ เพราะเขากำลังก่อร่างสร้างอาณาจักร หลังจากขึ้นแท่นกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน
ยอดผู้ติดตาม Twitter กว่า 9.6 ล้านคนอาจทำให้สมเด็จพระสันตะปาปา Francis วัย 79 ปีกลายเป็นดาวเด่นแห่งยุคสื่อสังคมออนไลน์ชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และเนื่องจากความต้องการในการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกทรงเรียกบุคคลผู้หนึ่งที่กุมแพลตฟอร์มยิ่งใหญ่พอเทียบชั้นได้กับศาสนจักรคาทอลิกในแง่ของจำนวนสมาชิกคนรุ่นใหม่ยุค millennial เดินทางมาเข้าพบ บุคคลดังกล่าวคือ
Kevin Systrom CEO ของ
Instagram แอพพลิเคชั่นแบ่งปันรูปภาพที่มีฐานผู้ใช้งานมากกว่า 500 ล้านคนในจำนวนนี้คิดเป็นหนุ่มสาวรุ่น millennial ในสหรัฐฯ ถึง 63%
Systrom วัย 32 ปีผู้ปิดดีลมือทองได้เตรียมของขวัญพิเศษสำหรับการเข้าพบพระสันตะปาปาเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ ที่ประทับในนครวาติกัน ซึ่งแฝงทั้งความหมายที่ลึกซึ้งและมีเหตุผลด้านการตลาด ของขวัญชิ้นที่ว่าคือหนังสือรวม 10 ภาพจาก
Instagram เช่น ภาพการชุมนุมประท้วงอย่างสงบภาพผู้ลี้ภัย และภาพปรากฏการณ์จันทรุปราคา ทุกภาพล้วนสื่อถึงเรื่องราวในความสนใจของสมเด็จพระสันตะปาปา “ท่านเล่าว่าเวลาพูดคุยกับเด็กๆ บางครั้งไม่จำเป็นว่าจะต้องพูดจาภาษาเดียวกัน แต่พวกเด็กๆ จะเปิดรูปบนโทรศัพท์มือถือให้ท่านดูและนั่นทำให้เห็นว่ารูปภาพเป็นเครื่องมือการสื่อสารที่ทรงพลัง”
Systrom เล่า และเขายอมรับอีกว่าเขาไม่ได้ “เป็นคนเคร่งศาสนาเฉกเช่นผู้คนมากมายบนโลก”
สมเด็จพระสันตะปาปาลงทะเบียนสมัครสมาชิกเป็นผู้ใช้งาน
Instagram ได้สำเร็จ ขณะที่
Systromเจ้าของความสูง 6 ฟุต 5 นิ้วในชุดสูทไตล์อิตาเลียนคอยให้คำแนะนำช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ท่านตั้งชื่อบัญชีว่า @franciscus พร้อมโพสต์ภาพแรกเป็นภาพที่ท่านกำลังคุกเข่าสวดอธิษฐานซึ่งระบุใต้ข้อความว่า “Pray for me” ในภาษาต่างๆ 9 ภาษา โดยภาพดังกล่าวมียอด “ไลค์” 327,000 ครั้ง
นับจากนั้น
Instagram ได้กลายเป็นช่องทางสำหรับติดตามเรื่องราววงในของศาสนจักรดินแดนแห่งศาสนาที่เคยดูเหมือนเป็นสิ่งไกลตัวและเข้าถึงยากสำหรับประชาชน ดูใกล้เข้ามามากขึ้นหลังมีการเผยแพร่ภาพพระสันตะปาปากำลังยืนโปรดพรแก่สุนัขที่ St. Peter’s Square หรือภาพที่พระองค์กำลังช่วยเหลือคนเจ็บป่วยหรือเดินเคียงข้างผู้ลี้ภัยชาวแอฟริกัน ไปจนถึงภาพเซลฟี่กับประชาชนพร้อมรอยยิ้มกว้าง ภายในเวลาเพียง 4 เดือนยอดผู้ติดตามทะลุ 2.8 ล้านคนหรือเกือบ 1 ใน 3 ของยอดผู้ติดตามพระสันตะปาปาบน Twitter ที่ทรงเปิดใช้มานานกว่าสี่ปี
ปัจจุบันคนดังระดับโลกตั้งแต่ Aziz Ansari ไปจนถึง Dalai Lama และ Taylor Swift ล้วนมีบัญชีใช้งานบน Instagram ขณะที่บรรดานักกีฬาก็ใช้แอพฯ นี้เป็นอีกสนามในการทำแต้มเมื่อ Lionel Messi ยอดนักเตะระดับโลกที่มียอดผู้ติดตามทะลุ30 ล้านคนในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา เป็นข่าวดังไปเลยเมื่อ Stephen Curry ได้ส่งเสื้อทีม Golden State Warriors พร้อมลายเซ็น ซึ่งมีหมายเลข 30 ของตนเองที่ด้านหลังให้กับ Messi หลังจากนั้นไม่กี่เดือน Messi มอบของขวัญตามคำสัญญาเป็นเสื้อประจำทีมหมายเลข 10 ของ Barcelona ให้กับ Curry เมื่อเขามียอดผู้ติดตามครบ 10 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม
Instagram เป็นมากกว่าเครื่องมือของคนดังในการแย่งงานปาปารัซซี่ และเข้าถึงบรรดาแฟนคลับโดยตรง สิ่งที่ Systrom เรียกว่า
“อานุภาพอันทรงพลัง” ของ Instagram ก็คือความสามารถในการจัดภาพและแสดงผลตามความสนใจอันหลากหลายของผู้ใช้งานแต่ละคน ผู้ใช้แอพฯ จะพบสิ่งที่น่าสนใจมากมายผ่านศูนย์รวมโลกเสมือนจริงที่ครอบคลุมตั้งแต่งานเทศกาลโคมไฟสไตล์เกาหลี ร้านผลิตชีสแบบดั้งเดิม เทคนิคการเล่นสเก็ตบอร์ด การวาดลีลาของนักเต้นเพลงแนวมันส์ๆ ไปจนถึงศิลปะบนเรือนร่าง
ในแต่ละวันมีผู้ใช้งาน
Instagram โดยเฉลี่ยมากกว่า 21 นาทีและอัพโหลดรูปภาพและวิดีโอมากกว่า 95 ล้านรูปต่อวัน การมีฐานผู้ใช้งานที่เหนียวแน่นเป็นตัวแปรสำคัญที่กำลังพลิกโฉมวงการต่างๆ ตัวอย่างใกล้ตัวที่ดีคือธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ในปีนี้
Misha Nonoo ดีไซเนอร์ดาวรุ่งแห่งยุคเลือกที่จะเมินงาน New York Fashion Week และหันมาเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นฤดูใบไม้ผลิปี 2016 บน Instagram เท่านั้น ผลลัพธ์การชิมลางแฟชั่นโชว์รูปแบบใหม่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามสามารถดึงดูดผู้เข้าชมไปยังเว็บไซต์ของเธอได้มากกว่าเวทีเดินแบบครั้งไหนๆ พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 65%
Instagram ไม่ได้ไปไกลแค่ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ในปี 2014 Wal-Mart แต่งตั้ง Systrom เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการของบริษัทเพื่ออาศัยความรู้และประสบการณ์ในโลกดิจิทัลของเขา แบรนด์สินค้ามากมายตั้งแต่เครือธุรกิจฟาสต์ฟู้ดไปจนถึง ธนาคารยักษ์ใหญ่หันมาทำการตลาดผ่านโฆษณาบน Instagram ในงานเทศกาลดนตรี Coachella ปีนี้ Sonic Drive-In ออกเมนูพิเศษเป็นมิลค์เชคในแก้วทรงสี่เหลี่ยมเฉพาะสำหรับ Instagram ซึ่งจำกัดเวลาขายเพียงหนึ่งวันเท่านั้น เมื่อผู้ใช้ Instagram กดปุ่ม “Shop Now” ที่ปรากฏบนโฆษณาเพื่อสั่งอาหาร Sonic จะดำเนินการจัดส่งให้ถึงที่
สำหรับนักการตลาดการขยายพื้นที่ลงโฆษณาจาก Facebook ไปยัง Instagram เป็นเรื่องง่ายลื่นไหลไร้รอยต่อ ทั้งนี้ ผู้ลงโฆษณากับ Facebook 98 รายจาก 100 อันดับแรกคือผู้ลงโฆษณาที่ติดอันดับของ Instagram เช่นกัน แม้ Instagram และ Facebook จะแบ่งปันใช้ทรัพยากรหลายอย่างร่วมกัน แต่พวกเขามีแนวทางดำเนินธุรกิจที่ต่างกัน คติของ Facebook คือ
“ก้าวให้เร็วแม้จะพลาดบ้าง” ส่วนวิถีของ Instagram คือ
“ค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวัง”
จังหวะก้าวเดินอย่างช้าๆ ลามไปถึงธุรกิจโฆษณาของบริษัทเช่นกัน
Systrom ทบทวนธุรกิจอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการลงโฆษณาถี่เกินไปจนสร้างความรำคาญต่อผู้ใช้งาน เขาเปิดทดลองโฆษณาเพียงบางส่วนเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานพร้อมสำหรับประสบการณ์ใหม่ก่อนที่จะรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ขึ้น โฆษณาชิ้นแรกบน Instagram ในปี2013 มาจาก Michael Kors แบรนด์สินค้าระดับลักชัวรีที่เลือกลงโฆษณาบน Instagram แทนหน้าหนังสือนิตยสารเพราะมีองค์ประกอบเหมือนกันในแง่การเห็นภาพที่ชัดเจนและดึงดูดสายตา จนกระทั่งปลายปี 2014 Systrom ลงมือตรวจเนื้อหาและอาร์ทเวิร์คของงานโฆษณาที่ปริ้นท์ลงบนหน้ากระดาษด้วยให้เริ่มปล่อยโฆษณาจริง
สถานการณ์ในปัจจุบัน Google,Twitter, Facebook และ Pinterest ได้ชิงส่วนแบ่งตลาดโฆษณาไปจากสื่อดั้งเดิมอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ หาก Instagram ต้องการไล่ให้ทัน บริษัทจะต้องรักษาสมดุลธุรกิจอย่างเหมาะสมหรือหมายถึงการรุกสู่ตลาดวิดีโอโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน 500 ล้านรายที่ชื่นชอบหลงใหลในการโพสต์ภาพนิ่ง ในปี 2014 สัดส่วนโฆษณาในรูปแบบวิดีโอของ Instagram อยู่ที่เพียง 19% จากรายได้โฆษณาทั้งหมดตามข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด L2
แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่จุดมุ่งหมายในการก่อตั้ง
Instagram ของ
Systromยังคงเดิม นั่นคือความตั้งใจที่จะสร้างเครื่องมือสำหรับบันทึกภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้ทุกขณะเวลาและช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกติดตามความเคลื่อนไหวที่สนใจได้ทั่วทุกมุมโลก เพื่อบรรลุเป้าหมาย ดังกล่าว Systrom วาดหวังที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกผู้ใช้อีก 2 เท่าเป็น 1 พันล้านรายหรือ 3 เท่าหากเป็นไปได้ เพื่อสร้างฐานผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลให้เทียบชั้นแม้ต้องห้ำหั่นกับ Facebook เองก็ตาม “เราต้องเตือนตัวเองที่สามารถประกาศความสำเร็จในแง่การมียอดผู้ใช้งานทะลุ 500 ล้านราย” Systrom กล่าว “การก้าวมาถึงระดับนี้เป็นเพียงแค่การผ่านจุดหมายๆ หนึ่ง ไม่ได้บอกว่าเราคว้าเหรียญชัยมาครอบครอง จุดหมายนี้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น และแน่นอนว่า เรายังไม่หยุด ณ แค่จุดนี้แน่นอน”
เรื่อง:KATHLEEN CHAYKOWSKI เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา