เสถียร เศรษฐสิทธิ์

เขาติดทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยเป็นครั้งแรก หลังจากนำ บมจ. คาราบาวกรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยมูลค่าบริษัทกว่า 4.2 หมื่นล้านบาท ในครั้งนั้นโดยมีสินค้าหลักของบริษัทคือ คาราบาวแดง เครื่องดื่มชูกำลังอันดับ 2 ของไทย ที่ก่อกำเนิดในวงเหล้าเมื่อ 15 ปี ก่อน จากไอเดียของเขา กับ ยืนยง โอภากุล หรือ “แอ๊ด คาราบาว” ล่าสุดหลังตลาดผู้บริโภคในประเทศอิ่มตัว ปี 2562 เขาพุ่งเป้าไปที่ “ตลาดจีน” อีกครั้ง ดัน “ร่มธรรม เศรษฐสิทธิ์” บุตรชาย เป็นซีอีโอ แทนผู้บริหารเดิมที่เป็นคนจีน เปลี่ยนยุทธศาสตร์ลุกช่องทางจำหน่ายในปั้มน้ำมันตลาดจีน จับกับ “ซิโนเปก” เจ้าของปั๊มน้ำมันรายใหญ่ในจีน ที่มีสาขากว่า 20,000 สาขาทั่วประเทศ ท่ามกลางภาวะความปั่นป่วนของตลาด เสถียร เศรษฐสิทธิ์ วัย 66 ปี ซีอีโอ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป ยังสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยที่กำลังขยายตัว ปัจจุบันสินค้าแบรนด์คาราบาวแดงของบริษัทเป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่มีปริมาณการจำหน่ายมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก M150 ของโอสถสภา (แซงหน้า Red Bull) กำไรสุทธิของคาราบาวกรุ๊ปในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 157% เป็น 2.5 พันล้านบาท (82 ล้านเหรียญ) โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 3.5% คิดเป็นราว 1.5 หมื่นล้านบาท เสถียรสามารถเอาตัวรอดได้ในภาวะตลาดที่มีแต่ความผันผวน โดยที่ทรัพย์สินสุทธิของเขาลดลงเพียงแค่ 1% หรือมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 850 ล้านเหรียญ สำหรับตลาดต่างประเทศ เครื่องดื่มชูกำลังของบริษัทวางจำหน่ายภายใต้ชื่อคาราบาว เสถียรได้จัดทำความตกลงด้านการจัดจำหน่าย และเปิดสำนักงานสาขาหลายแห่งไปเมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ยังได้จรดปากกาเซ็นสัญญาอันเป็นที่น่าจับตามองกับสโมสรฟุตบอลอย่าง Chelsea และเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลลีกอย่าง English Football League ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Carabao Cup รวมถึงคาราบาวกำลังจะวางจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังสูตรน้ำตาลน้อย และแบบอัดลม เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับผู้บริโภคในตลาดโลกอีกด้วย