ทั้งนี้ เพชร โอสถานุเคราะห์ เป็นซีอีโอของโอสถสภา เขาเป็นทายาทรุ่น 4 ของกิจการที่สืบสาวย้อนไปได้ถึงยุครัชกาลที่ 6 และเริ่มต้นมาจากการทำธุรกิจร้านขายยา ขณะที่ปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากการจำหน่ายเครื่องดื่มโดยเฉพาะเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพชรวางเป้าหมายหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เขาจะผลักดันให้บริษัททำตลาดต่างประเทศเป็นสัดส่วนที่มากขึ้น จากปัจจุบัน 16% จะเพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ เพชรยังรับหน้าที่อธิการบดีของมหาวิทยาลัยกรุงเทพซึ่งก่อตั้งโดยครอบครัวของเขา และเป็นนักสะสมงานศิลปะที่สะสมผลงานมานานกว่าสามทศวรรษแล้ว
จากแผนการธุรกิจที่ดี มีแนวโน้มเติบโตทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังคงความสามารถในการรักษาความเป็นอันดับ 1 ในตลาดได้อย่างเหนียวแน่น โดยเครื่องดื่ม Functional Drink อย่าง C-vid ที่เป็นเบอร์ 1 ของตลาดเครื่องดื่มกลุ่มนี้
นอกจากนี้การเติบโตและความต้องการของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาที่มีมูลค่าของตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กลุ่มสินค้าทำรายได้ปรับตัวมากขึ้น
ทั้งยังเป็นจังหวะเวลาที่ดีที่ โรงงานผลิตขวดแก้วในประเทศเมียนมา สร้างเสร็จและพร้อมสำหรับเริ่มดำเนินการ รวมไปถึง "โครงการ Fit Fast Firm" ที่มุ่งเน้นการลดต้นทุนภายในบริษัท โดยมี นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เป็นขุนพลคนสำคัญ