RAVA Beach Club โดย 'บันยันทรี ภูเก็ต' เปิดตัว 'Pura Vida Sunday Brunch' บุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์เพลิดเพลินไปกับวิวสวยริมทะเล - Forbes Thailand

RAVA Beach Club โดย 'บันยันทรี ภูเก็ต' เปิดตัว 'Pura Vida Sunday Brunch' บุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์เพลิดเพลินไปกับวิวสวยริมทะเล

RAVA Beach Club โดย 'โรงแรมบันยันทรี ภูเก็ต' เปิดตัว 'Pura Vida Sunday Brunch' ที่สุดแห่งประสบการณ์เพลิดเพลินไปกับไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารสำหรับมื้อสายวันอาทิตย์ท่ามกลางบรรยากาศริมสระน้ำรับวิวสุดอลังของหาดบางเทา


    RAVA Beach Club บีชคลับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยด้วยพื้นที่ความยาวถึง 180 เมตร ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางหาดบางเทา จ.ภูเก็ต พร้อมเปิดสุดยอดประสบการณ์เหนือระดับไปกับ Pura Vida Sunday Brunch ที่จะชวนทุกคนให้ลืมภาพเดิมๆ ของ Sunday Brunch แล้วมาเอ็นจอยกับอาหารเลิศรสในบรรยากาศสุดชิค! และชิลที่สุด โดย RAVA Beach Club ได้ต่อยอดความพิเศษของบรันช์ที่มีชื่อเสียงมายาวนานของ 'บันยันทรี ภูเก็ต' พร้อมรังสรรค์ประสบการณ์ให้เข้ากับผู้บริโภคสายไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ด้วยการนำเสนอไลน์อัปจัดเต็มทั้งซีฟู้ดสดๆ เนื้อดรายเอจคุณภาพระดับโลก อาหารไทยรสจัดจ้าน ท่ามกลางชายหาดสุดเอกซ์คลูซีฟและดนตรีสดแสนผ่อนคลาย กลายเป็นประสบการณ์ที่สายบรันช์และสายชิลห้ามพลาด

    บุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch พร้อมเสิร์ฟทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 12.00-15.30 น. นอกจากลูกค้าจะได้ลิ้มรสอาหารคาวหวานรสชาติเยี่ยมอย่างจุใจแล้ว ยังสามารถ relax ผ่อนคลายที่สระว่ายน้ำ รวมถึงมีพื้นที่พักผ่อนริมหาดบางเทาที่ทอดยาวกว่า 180 เมตรได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ นำเสนอในราคาสุทธิ 2,900 บาทต่อท่าน โดยลูกค้าจะได้รับ House Wine 1 ขวด สำหรับลูกค้า 2 ท่าน


รังสรรค์โมเมนต์ที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมความหมาย

    Pura Vida หมายถึงจังหวะชีวิตที่เปี่ยมด้วยความสุขอันเรียบง่าย โดยบรันช์ที่นี่คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบสดใหม่ ใส่เทคนิคการปรุงที่พิถีพิถัน และเสิร์ฟในบรรยากาศวิวทะเลอันงดงาม โดยเมนูอาหารจะหมุนเวียนไปทุกเดือน เพื่อให้แขกได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ ตามฤดูกาล


เปิดไลน์อัปอาหารสุดพรีเมียมจากวัตถุดิบโลคอลและทั่วโลก

    ไลน์อัพบุฟเฟ่ต์เริ่มต้นด้วยสเตชันซีฟู้ดสดที่เสิร์ฟหอยนางรมฝรั่งเศสคู่กับซอสและเครื่องเคียงที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน แถมยังจัดเต็มกับซาชิมิทูน่า แซลมอน และฮามาจิ ที่ปรุงรสอย่างเรียบง่ายเพื่อชูรสชาติความสดของวัตถุดิบ และที่ขาดไม่ได้เลย คือสเตชันซีฟู้ดย่างเตาถ่าน จากการนำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปูม้า กุ้งลายเสือจากท้องถิ่นมาย่างถ่านจนหอม  พร้อมชูความสดจากท้องทะเลได้อย่างสมบูรณ์แบบ 



    ต่อกันด้วยไลน์ชาร์กูเตอรีที่คัดสรรเนื้อคุณพรีเมียม ภาพเยี่ยม ทั้งวากิวเบรซาโอลาสไลซ์บางๆ เซอราโนแฮม พาสตรามี และมอร์ตาเดลลา เสิร์ฟคู่กับชีสสัญชาติไทยคุณภาพเยี่ยม ขนมปังซาวร์โดว์ และเครื่องเคียง นอกจากนี้ ยังมีเมนูไส้กรอกหลากสไตล์ ย่างร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมซอสหลายรสชาติ อีกมุมไฮไลต์คือโซนที่เปิดให้แขกมาชมการทำอาหารอย่างใกล้ชิด โดยมีเชฟซูชิมาทำมากิและนิกิริสดใหม่ และเชฟพาสต้าที่มารังสรรค์เมนูจานต่อจาน โดยให้แขกเลือกเส้นญ็อกกี สปาเก็ตตี หรือเฟตตูชินี มาคลุกเคล้ากับซอสนดูยา ซีฟู้ด หรือคาร์โบนาราเข้มข้น



    อีกจุดที่ไม่ควรพลาดคือสเตชันเนื้อที่รวบรวมเนื้อรสเลิศ ทั้งเนื้อย่างเสียบไม้หมุน หมูกรอบ ไก่ย่างถ่าน ซี่โครงหมูรมควัน และปลาเก๋าทั้งตัวจากท้องทะเลไทย ทุกเมนูปรุงด้วยเทคนิคการย่างถ่านที่เป็นซิกเนเจอร์ของ RAVA เสิร์ฟพร้อมซอสแบบดั้งเดิมเพื่อเสริมรสชาติ ทั้งซอสจูส์ มินต์เจลลี่ แอปเปิลซอส และมัสตาร์ด ให้แขกได้จัดจานและเลือกรสชาติตามใจชอบ


    นอกจากนี้ ยังมีอาหารไทยรสจัดจ้าน โดยที่นี่เสิร์ฟทั้งส้มตำ ยำเนื้อย่าง ปลาผัดเปรี้ยวหวาน และไก่ผัดเม็ดมะม่วง โดยทุกจานจัดเต็มรสเผ็ดร้อนกับเครื่องเทศแบบไทยแท้ที่คนทั่วโลกหลงรัก และปิดท้ายความอร่อยด้วยไลน์อัปของหวานที่มีให้เลือกแบบจัดเต็ม ทั้งชีสเค้กยูซุราดเจลลี่สตรอว์เบอร์รี ทีรามิสุ มูสช็อกโกแลตกับครัมเบิ้ลส้ม และเค้กแครอตท็อปด้วยครีมชีส พร้อมบาร์ไอศกรีมที่สามารถเลือกท็อปปิ้งได้ตามใจ


ดื่มด่ำประสบการณ์แชมเปญระดับโลกกับ Veuve Clicquot

    สำหรับผู้ที่ต้องการให้มื้อนี้พิเศษยิ่งขึ้น RAVA ได้นำเสนอ Veuve Clicquot Brunch ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ในราคา 5,900 บาทสุทธิต่อท่าน แพ็กเกจนี้มาพร้อมแชมเปญ Veuve Clicquot 1 ขวดสำหรับ 2 ท่าน ที่เหมาะสำหรับการนำมาแพร์ริ่งกับเมนูบรันช์แสนอร่อย


เปิดวิสัยทัศน์เชฟผู้อยู่เบื้องหลัง Sunday Brunch สุดปัง

    Pura Vida Brunch ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและแหล่งที่มาของวัตถุดิบ โดยนำหอยนางรม เนื้อวากิว และเนื้อแกะมาจากแหล่งที่ดีที่สุด และ RAVA ยังภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับเกษตรกร ผู้ผลิตชีส และชาวประมงท้องถิ่น เพื่อนำปลาเก๋า ชีสสัญชาติไทย รวมถึงไส้กรอกโฮมเมดจากเมืองไทยมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร ทำให้ทุกเมนูมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมและแฝงไปด้วยเรื่องราวของท้องถิ่น

    “ผมต้องการถ่ายทอดความสดใหม่และคุณค่าของวัตถุดิบในแบบที่ควรจะเป็น เราคัดเฉพาะของสดใหม่ คุณภาพดี และไม่ปรุงแต่งมากเกินไป เมื่อวัตถุดิบที่สดใหม่มาผสานกับเทคนิคที่ลงตัวจะได้เมนูที่มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของภูเก็ตและแหล่งอาหารคุณภาพทั่วโลก” เชฟโจชัว เกรย์ Head Chef แห่ง RAVA Beach Club กล่าว 


สัมผัสรสชาติชีวิตริมหาดบางเทา

    สิ่งที่ทำให้ Sunday Brunch ของ RAVA โดดเด่น คือ การเข้าใจว่าประสบการณ์ที่น่าจดจำไม่ได้มาจากแค่อาหาร ที่นี่จึงนำเสนอบรรยากาศริมทะเลสบายๆ พร้อมฟังดนตรีสดจากดีเจและนักเพอร์คัสชั่นตลอดเดือนตุลาคม ก่อนจะยกระดับความสนุกในเดือนพฤศจิกายนด้วยการแสดงสุดตื่นตา นักเต้นมืออาชีพ และขบวนพาเหรดอลังการที่จะเปลี่ยนวันอาทิตย์ธรรมดาให้สนุกและเปี่ยมชีวิตชีวา

    RAVA Beach Club ตั้งอยู่ในโครงการลากูน่า ภูเก็ต โดยในส่วนของ 'Pura Vida Sunday Brunch' จะเปิดให้บริการทุกวันอาทิตย์ เวลา 12.00 - 15.30 น. สามารถสอบถามเพื่อสำรองที่นั่ง โทร. 076-372-456 หรือ เยี่ยมชมผ่านทางเว็บไซต์ www.ravabeachclub.com 

    ทั้งนี้ นอกจากลูกค้าที่มาทานบรันช์จะได้ดื่มด่ำกับอาหารคุณภาพเยี่ยมแล้ว ยังจะได้เพลิดเพลินกับสระว่ายน้ำอินฟินิตี้ 3 แห่ง ในบรรยากาศการพักผ่อนสบายๆ ยามบ่าย และสัมผัสความสนุกสุดคึกคักในยามเย็น โดยหลังจากที่เพลิดเพลินกับอาหารมื้อสุดพิเศษเสร็จแล้ว ก็สามารถพักผ่อนต่อบนเตียงอาบแดดได้แบบชิลๆ กลายเป็นประสบการณ์ริมหาดที่ครบจบทุกไลฟ์สไตล์ในแบบที่ไม่มีที่ใดในภูเก็ตเทียบได้อีกด้วย





ภาพ : RAVA Beach Club




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : La Dolce Vita Sundays คัมแบ็กที่ Carpe Diem ภูเก็ต

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine