เพนต์เฮาส์หรูราคาแพงระยับที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงสำคัญของโลก เป็นที่หมายปองของบรรดามหาเศรษฐีพันล้านมาทุกยุคทุกสมัยและแน่นอน กรุงเทพฯ คือหนึ่งในเมืองหลวงที่ติดอันดับท็อปลิสต์ ที่อยู่อาศัยใจกลางกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ราคาปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามราคาที่ดินซึ่งทะยานขึ้นทุกปีจนแตะเกือบ 2 ล้านบาทต่อตารางวาแล้ว
THE RITZ-CARLTON RESIDENCES, BANGKOK AT MAHANAKHON TOWER
ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านการก่อสร้างและแล้วก็สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ MahaNakhon Tower ตึกระฟ้าแห่งใหม่ที่กำลังจะกลายเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ อาคาร Mix-Use สูง 314 เมตร
ประกอบด้วย Bangkok Edition Hotel โรงแรมหรูแบบบูติกเชนในเครือ Marriottจำนวน 159 ห้อง ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ถึงชั้น 20 ส่วนชั้น 23 ถึงชั้น 73 เป็นคอนโดมิเนียมหรู The Ritz-Carlton Residences, Bangkok บริหารและให้บริการโดย The Ritz-Carlton อีกเชนในเครือ Marriott ถัดขึ้นไปที่ชั้น 74 ถึงชั้น 77 จะเป็นจุดชมวิว Sky Observation Desk และบาร์ดาดฟ้าเอาต์ดอร์ สำหรับชมทัศนียภาพของกรุงเทพฯ แบบพาโนรามา
ไม่เพียงความสูงเท่านั้น อาคารแห่งนี้กำลังจะเปลี่ยน Skyline ของกรุงเทพฯ ด้วยดีไซน์ของตัวอาคารที่ออกแบบมาให้เหมือนโอบล้อมด้วยริบบิ้น3 มิติ หรือ “พิกเซล” พันล้อมรอบขึ้นไปตลอดความสูงของตัวอาคาร เป็นไอเดียเหนือจินตนาการของ Ole Scheeren สถาปนิกชาวเยอรมันที่ได้ฝากผลงานชื่อดังอย่างตึกสำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ CCTV กลางกรุง Beijing
โครงสร้าง 3 มิตินี้เองที่เป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญของโครงการและทำให้บริษัทผู้พัฒนาโครงการกล้าที่จะทำเพนต์เฮาส์ถึง 30 ยูนิต ต่างจากคอนเซ็ปต์ทั่วไปที่เพนต์เฮาส์ในแต่ละโครงการจะต้องมีจำนวนไม่มากเพื่อความเอ็กซ์คลูซีฟแต่ทั้ง 30 ยูนิตนี้
พิเศษที่ไม่มียูนิตใดเลยที่มีเลย์เอาต์เหมือนกัน ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนรวยยุคนี้ที่หลายคนชอบทำอาหารแม้จะมี L’Atelier de Joël Robuchon ร้านอาหารชั้นนำระดับโลกไว้คอยบริการที่ MahaNakhon Cube ไลฟ์สไตล์มอลล์ที่อยู่ด้านหน้าโครงการก็ตาม
185 Rajadamri
โครงการ 185 Rajadamri ตั้งอยู่บนถนนราชดำริเป็นทำเลใจกลางเมืองที่หาที่ดินแบบฟรีโฮลด์หรือซื้อขาดเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้ยากมากเพราะที่ดินส่วนใหญ่เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และสำนักงานพระคลังข้างที่ สำหรับให้เอกชนเช่า
โครงการได้วิวเขียวถึง 2 ฝั่ง คือ ฝั่งซ้ายของโครงการที่เห็นวิวสวนลุมฯ และด้านหน้าโครงการที่ได้วิว The Royal Bangkok Sports Club หรือราชกรีฑาสโมสรแถมในอนาคต ด้านหลังของโครงการจะเห็นวิว หลังสวน วิลเลจ
185 Rajadamri วางตำแหน่งเพนต์เฮาส์ที่มีเพียง 2 ยูนิตและเป็นแบบ Duplex ทั้งคู่มาไว้ที่มุมอาคารคนละด้านเพื่อให้ได้ 1 ใน 2 วิวนี้แบบ 270 องศา โดยยูนิตที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีราคาสูงกว่าอยู่บนชั้น 32 และ 33 บริเวณฝั่งด้านหน้าอาคาร
มุมที่เห็นวิวสปอร์ตคลับและอาคารต่างๆ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ส่วนอีกยูนิตอยู่ด้านหลังของอาคารบริเวณมุมที่เห็นวิวสวนลุมฯ ชัดและกว้างที่สุด บนชั้น 30 และ 31 แม้มีขนาดเล็กกว่า แต่ถูกซื้อไปก่อนโดย “กู่เทียนเล่อ” ดาราฮ่องกง ชื่อดังวัย 44 ปี
ด้วยทำเลและที่ตั้งของโครงการที่เป็นฟรีโฮลด์ผืนสุดท้ายริมถนนราชดำริ ซึ่งเป็นย่านพักอาศัยระดับพรีเมียม ทางโครงการจึงมียอดขายไปแล้วกว่า 90% โดยส่วนใหญ่กว่า 80% เป็นคนไทยที่เป็นเจ้าของธุรกิจซึ่งบางรายซื้อเก็บไว้ถึง 8 ยูนิต ทั้งนี้ราคาสูงสุดที่โครงการปิดการขายเมื่อต้นปี คือ 420,000 บาท ต่อตารางเมตร
MARQUE SUKHUMVIT
บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ที่มีตระกูลพูลวรลักษณ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้คว้าที่ดินริมถนนสุขุมวิทใกล้ซอยสุขุมวิท 39 ตรงข้าม The Emporium เปิดขายและพัฒนาโครงการ Marque Sukhumvit คอนโดฯ ระดับ Super Luxury เมื่อปลายปี 2556
โครงการนี้ได้รับการออกแบบอาคารให้มีรูปทรงคริสตัลคล้ายเพชรมาร์คีส์เพชรทรงข้าวหลามตัดซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดาเศรษฐีดีไซน์โดยบริษัทสถาปนิกชื่อดัง Palmer & Turner (Thailand) ด้วยความสูง 222 เมตร
อาคาร Diamond Shape แห่งนี้จะกลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในย่านพร้อมพงษ์เมื่อสร้างเสร็จในปลายปีหน้า โครงการจึงมีเพนต์เฮาส์ไว้รองรับความต้องการของคนกระเป๋าหนักที่อยากมีบ้านใจกลางเมืองบนทำเลศักยภาพที่รายล้อมไปด้วยศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์ร้านอาหารชื่อดังย่านสุขุมวิท 39 และทองหล่อ
ที่สามารถใช้เส้นทางซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความคล่องตัวและยังเชื่อมโยงสู่ถนนอโศกและถนนเพชรบุรีได้อีกด้วย
Marque Sukhumvit มีเพนต์เฮาส์เพียง 6 ยูนิต โดยเริ่มที่ชั้น 44 ถึงชั้น 49 ส่วนชั้น 50 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดจะมีห้องพักโรงแรมระดับหรูไว้คอยรองรับแขกของผู้พักอาศัยในโครงการ เพนต์เฮาส์มีแบบ Simplex ที่ชั้น 44 ซึ่งมี 2 ยูนิตและชั้น 45 ที่มีเพียง 1 ยูนิต
ซึ่งเป็นยูนิตทั้งชั้น ส่วนแบบ Duplex มี 2 ยูนิต ที่ชั้น 46-47 และชั้น 48-49 พื้นห้องของเพนต์เฮาส์ทุกยูนิตใช้ไม้สักทอง ซึ่งมีเพียงไม่กี่โครงการที่เลือกใช้ทุกห้องได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ที่ใหญ่เป็นพิเศษเพื่อการอยู่จริง พร้อมครัวบิลต์อินสูงจรดเพดาน และ Private Pool ขนาด 2.4x6 เมตร
โดย Marque Sukhumvit เล็งกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Penthouse Hunter ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในวัย 40 ต้นๆ แต่ยังไม่เกษียณตัวเอง และมองหาเพนต์เฮาส์ในโครงการระดับพรีเมียมสักยูนิตบนทำเลสุดยอดใจกลางสุขุมวิท
THE RESIDENCES AT MANDARIN ORIENTAL, BANGKOK
ICONSIAM โปรเจ็กต์ยักษ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท ระหว่าง สยามพารากอนและซีพีกรุ๊ป ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมทำเลฝั่งธนบุรีริมถนนเจริญนคร
ให้กลายเป็นทำเลทองแห่งใหม่ด้วยศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์แห่งแรกของย่านนี้บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ พร้อมโครงการคอนโดมิเนียมหรู 2 อาคารได้แก่ Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM และ The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok ซึ่งพัฒนาโดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือซีพี
Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM เปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่แล้ว และเหลือสำหรับขายจำนวนไม่กี่ยูนิตจากทั้งหมด 379 ยูนิต ส่วน The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok มี Mandarin Oriental แบรนด์โรงแรมดังที่ขึ้นชื่อด้านความหรูหราและงานบริการดีเยี่ยมเข้ามาบริหารและให้บริการแก่ผู้พักอาศัยเป็นระยะเวลา 25 ปี
ซึ่งโครงการนี้จะเป็นโครงการพักอาศัยแบรนด์ Mandarin Oriental แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแห่งที่ 3 ในเอเชีย ถัดจาก Macau และ Taipei
จุดเด่นคือทำเลที่ตั้งที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารได้รับการออกแบบให้เป็นอาคารทรงลูกศร และมี Singlel oaded Corridor หรือการออกแบบอาคารให้มีทางเดินที่มีห้องเพียงฝั่งเดียว ทำให้ทุกห้องในแต่ละยูนิตหันหน้ารับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบ 180 องศา
โดยอาคาร Magnolias Waterfront Residences สูง 70 ชั้น มีเพนต์เฮาส์จำนวน 8 ยูนิต โดย 6 ยูนิต จะอยู่ชั้นบนของตัวอาคาร ตั้งแต่ชั้น 65 ถึง ชั้น 70 ตามคอนเซ็ปต์ของเพนต์เฮาส์ที่ต้องอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร ส่วนอีก 2 ยูนิตเป็นแบบ Duplex อยู่บนชั้น 41 และ 42
เพราะเป็นระดับความสูงที่เห็นทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาในองศาที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่งเพนต์เฮาส์ชั้นบนประกอบด้วย Sky Villa Residence 4 ยูนิต
มีทั้งแบบ Simplex ครอบคลุมทั้งชั้นที่ชั้น 67 ถึงชั้น 70 ขนาด 346.33 ตารางเมตร ราคาประมาณ 120 ล้านบาทหรือราว 350,000 บาทต่อตารางเมตร อีก 2 ยูนิต เป็นแบบ Duplex อยู่ที่ชั้น 65 และ 66
ซึ่งเพนต์เฮาส์ที่ The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok จะมีคอนเซ็ปต์ดีไซน์และเลย์เอาต์ที่ไม่ต่างจากนี้ แต่จะเพิ่มบริการจาก Mandarin Oriental Hotel เข้ามา
FOUR SEASONS PRIVATE RESIDENCES BANGKOK AT CHAO PHRAYA RIVER
ด้วยศักยภาพของทำเลบนที่ดินเกือบ 36 ไร่ย่านเจริญกรุง 64 ซึ่งเป็นที่ดินผืนใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แผนพัฒนาโครงการ Chao Phraya Estate อีกโปรเจ็กต์ยักษ์ริมน้ำที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีจึงเป็นโรงแรมและที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ถึง 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 32,000 ล้านบาท
หนึ่งในนั้นคือ Four Seasons Private Residences Bangkok at Chao Phraya River คอนโดฯ สุดหรูภายใต้แบรนด์
และบริหารโดย Four Seasons Hotels and Resorts ซึ่งจะเป็น Four Seasons Private Residences แห่งแรกที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยโครงการนี้กำลังจะมีซูเปอร์เพนต์เฮาส์ที่มีราคาสูงที่สุดในประเทศไทยที่การออกแบบให้ทุกห้องเป็นห้องมุม จากไอเดียของ Hamiltons International บริษัทดีไซเนอร์ระดับโลก อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นสิทธิสัญญาเช่าระยะยาว 75 ปี
แบ่งเป็นสัญญาเช่าระยะเวลา 25 ปี ซึ่งสามารถต่อได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 25 ปี เนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนที่ดินที่เช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
Chao Phraya Estate เป็นโปรเจ็กต์ร่วมทุน ระหว่าง บมจ. คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ และ Beijing Construction Engineering Group International (BCEGI) บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 1 ใน 10 ของจีน
โครงการจะประกอบด้วย Capella Hotel Bangkok รีสอร์ตวิลล่าริมแม่น้ำแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่ Caplella จะมาเปิดแบรนด์เป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยห้องพักแบบสวีตทุกห้องจำนวน 101 ห้อง และโรงแรม Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River จำนวน 312 ห้อง ที่ยังได้ให้บริการแก่ ผู้พักอาศัยใน Four Seasons Private Residences Bangkok อีกด้วย
คลิ๊กอ่าน "Top 5 Bangkok´s Dream Penthouses" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Life Thailand ฉบับ NOVEMBER 2015 ในรูปแบบ E-Magazine
