Lotus Arts de Vivre ชวนคุณสัมผัส งานศิลปะชิ้นเอกที่ผสานความงดงามของธรรมชาติเข้ากับเทคนิคงานหัตถกรรมชั้นสูงของช่างฝีมือทั่วเอเชียที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น รังสรรค์เป็นเครื่องประดับ กระเป๋าและของแต่งบ้านหลากดีไซน์
ในโอกาสครบรอบปีที่ 38 ของ Lotus Arts de Vivre แบรนด์เครื่องประดับและของแต่งบ้านที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จัดงาน Presents of Presence A Lotus Arts de Vivre Masterpiece 2020 เพื่อเผยจิวเวลรี่คอลเลกชั่นมาสเตอร์พีซ อาทิ กำไล แหวน ต่างหู จากเปลือกหอยทะเลน้ำลึก หายาก มีราคาสูง แกะสลักปิดทอง, เซ็ทสร้อยคอ ต่างหู กะลามะพร้าวแกะสลักปิดทอง, แหวนทองคำประดับหยกแกะสลัก, กระเป๋าผ้ายกทองเมืองนครฯ จากโครงการศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และของแต่งบ้านชิ้นมาสเตอร์พีซ อาทิเช่น โต๊ะไม้ขนาดเล็ก โคมไฟดีไซน์เก๋ และ ไม้แกะสลักประดับเงินแกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เป็นต้น “ประเทศไทยยังคงอนุรักษ์เรื่องของงานฝีมือ วัฒนธรรม ได้ดีกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ผ่านทางหน่วยงานอย่างเช่น มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ คอยส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ให้ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานความงดงามนี้ให้คงอยู่ต่อไป ด้วยการสร้างสรรค์ชิ้นงานมาสเตอร์พีซขึ้น” Nicki von Buren ประธานกรรมการบริหาร กล่าว ในที่นี้ อัครชญ แก้วอาภรณ์ ผู้เชี่ยวชาญผ้าไทย ที่สั่งสมประสบการณ์ด้านผ้าไทยกว่า 10 ปี เผยว่า ผ้ายกทองเมืองนครฯ นับเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมแบบฉบับของช่างฝีมือชั้นสูง เนื่องจากมีเทคนิคการทอที่ซับซ้อนทอค่อนข้างยาก เป็นผ้าที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ในปัจจุบันผ้ายกทองเมืองนครฯ ถูกทอขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องแต่งกายในการแสดงโขนพระราชทาน ทดแทนการสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป โดยใช้สีย้อมธรรมชาติ สีแดงย้อมด้วย ครั่ง และสีน้ำเงินย้อมด้วย คราม โอกาสพิเศษนี้ ทางแบรนด์จึงได้จัดทำกระเป๋าผ้าไทย ด้วยการนำผ้ายกทองเมืองนครฯ 2 ผืน สีน้ำเงินและสีแดง จากโครงการศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มาตัดเย็บเป็นกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น เพียง 36 ใบ ซึ่งผ้ายกทองทั้งสองผืนนี้มีความวิจิตรงดงามของลายผ้าที่ถูกทออย่างประณีต นำมาผสานวัสดุหลากหลายกลายเป็นกระเป๋าผ้าไทยที่มีความโก้ หรู เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่สำหรับชิ้นงานมาสเตอร์พีซของ Lotus Arts de Vivre ได้แก่ กระเป๋าผ้ายกทองเมืองนครฯ อาทิ
Woven Jewelled Silapacheep Clutch with Diamond กระเป๋าคลัชต์ผ้ายกทองเมืองนครฯ ที่ผสานความอ่อนหวานของดอกไม้ทองฝังเพชร เกสรเป็นมุก เข้ากับที่จับกระเป๋าที่ดีไซน์เป็นรูปแหวนทอง Woven Jewelled Silapacheep Handbag with Gold Silk Cord and Diamonds and Spiral Red Ruby กระเป๋าใบนี้ได้นำผ้ายกทองเมืองนครฯ ในส่วนของเชิงกรวยมารังสรรค์เป็นกระเป๋าใบงาม ตกแต่งด้วยโครงไม้ไผ่เป็นกรอบด้านบน ตัวล็อคทับทิมสีแดง สายกระเป๋าทำจากไหมสีทองประดับเพชร ใช้เวลาทำประมาณ 3 เดือน โดยช่างฝีมือ 16 คน เครื่องประดับชิ้นมาสเตอร์พีซ อาทิ Gold Ring with Rubellite Diamond แหวนทองคำวงนี้โดดเด่นด้วย Rubellite (รูเบลไลต์) สีแดงเข้มอมชมพูประดับเพชรทรงบาแกตต์ ทรงสามเหลี่ยมและทรงกลม รวมน้ำหนัก 0.61 กะรัต ทั้งนี้รูเบลไลต์ ในสมัยโบราณอัญมณีชนิดนี้ถูกใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับสตรีสูงศักดิ์ในราชสำนัก และเป็นเครื่องรางป้องกันอันตรายจากคุณไสยต่างๆ รวมถึงเป็นอัญมณีที่ส่งผลในเรื่องของความรักอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีผลงานที่นำ “กะลามะพร้าว” มาสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับแสนงดงาม โดย Rolf von Buren ผู้ก่อตั้ง เห็นว่า กะลามะพร้าวเป็นวัสดุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติน้ำหนักเบามีความแข็งแรงทนทาน สามารถแกะสลักลวดลายต่างๆ แต่ต้องใช้ช่างฝีมือที่มีความชำนาญระดับครูมาแกะสลัก รวมถึงการนำมาปิดแผ่นทองให้สวยงามมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นเครื่องประดับที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติที่มีความงดงาม มีมูลค่า สวมใส่ได้สบาย Carved Coconut Necklace with Tsavorite, Pearl and Diamond สร้อยคอกะลามะพร้าวแกะสลักโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญ เนื่องจากกะลามะพร้าวมีความแข็งแรงทนทานมาก ลวดลายได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ปิดทองคำเปลว 24K ประดับไข่มุก, พลอยซาโวไรท์ (Tsavorites) 1.3 กะรัต และเพชร 0.34 กะรัต สำหรับของแต่งบ้านชิ้นมาสเตอร์พีซมีให้เลือกหลากหลายดีไซน์ อาทิ Lamp with Mulberry Paper and Lotus Brass Stand ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรังดักแด้ของหนอน ที่มีความซับซ้อนอย่างน่ามหัศจรรย์ สร้างมิติแห่งความสวยงาม จึงนำกระดาษสามาแทนเส้นใย และนำผ้าลายทองมาร่วมประกอบ เพื่อสร้างความหรูหราโดดเด่นและทรงคุณค่า โดยประกอบขาตั้งทองเหลือง ดีไซน์เป็นดอกบัว ฐานเป็นใบบัวคว่ำ เพิ่มความเป็นธรรมชาติ รังดักแด้ที่ยึดติดกับก้านบัว ตั้งอยู่เป็นฐานหินแกรนิต จึงเป็นที่มาของโคมไฟกระดาษสา ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเข้าชมและครอบครองงานศิลปะชิ้นเอกที่ผสานความงดงามของธรรมชาติเข้ากับเทคนิคงานหัตถกรรมชั้นสูงได้ ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป ณ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ บูทีค, โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ อ่านเพิ่มเติม: Harry Fane ผู้รอบรู้เรื่องจิวเวลรี่-นาฬิกา Cartier ดีที่สุด