สรุปรางวัล มิชลิน ไกด์ 2569 ร้านอาหารทั่วไทยติดอันดับ 468 แห่ง ‘ซูห์ริง’ คว้า 3 ดาว เป็นร้านที่สองในไทย ‘เจ๊ไฝ’ คว้า 1 ดาวต่อเนื่องปีที่ 8

สรุปรางวัล มิชลิน ไกด์ 2569 ร้านอาหารทั่วไทยติดอันดับ 468 แห่ง ‘ซูห์ริง’ คว้า 3 ดาว เป็นร้านที่สองในไทย ‘เจ๊ไฝ’ คว้า 1 ดาวต่อเนื่องปีที่ 8

สรุปรางวัล มิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2569 มีร้านอาหารติดอันดับทั้งสิ้น 468 แห่ง ร้าน “ซูห์ริง" อาหารเยอรมันร่วมสมัย คว้ารางวัลสามดาวมิชลิน เป็นร้านที่สองในไทย ต่อจากร้าน "ศรณ์" ด้าน ‘เจ๊ไฝ’ ก็ไม่พลาด คว้าหนึ่งดาวต่อเนื่องปีที่ 8 ติดต่อกัน


    นับเป็นระยะเวลากว่า 9 ปีแล้วที่มิชลิน โดย คู่มือ มิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย ได้นำวัฒนธรรมท้องถิ่นของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก โดยมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่อาหารไทยบนเวทีโลก นำเสนอร้านอาหารคุณภาพที่สะท้อนถึงความหลากหลายในวงการอาหารของไทย ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงอาหารชั้นนำของโลก โดยคู่มือ มิชลิน ไกด์ ยังทำให้ผู้อ่านได้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของวิวัฒนาการทางอาหาร และนำพาไปรู้จักกับบรรดาเชฟหน้าใหม่

    การคัดสรรและมอบรางวัล มิชลิน ไกด์ ในแต่ละปีนั้นกระตุ้นให้บุคลากรในวงการอาหารและอุตสาหกรรมบริการของไทยมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม พัฒนาคุณภาพอาหารและบริการสู่ความเป็นเลิศ ตลอดจนยกระดับวงการอาหารไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว และเสริมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น

    ล่าสุด มิชลิน ได้จัดงานเปิดตัว คู่มือ มิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2569 (The MICHELIN Guide Thailand 2026) อย่างเป็นทางการ โดยปีนี้มีร้านอาหารที่คว้ารางวัล “ดาวมิชลิน” และรางวัลพิเศษอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 468 แห่ง ประกอบด้วย ร้านที่ได้รับรางวัลสามดาวมิชลิน 2 ร้าน ร้านที่ได้รับรางวัลสองดาวมิชลิน 8 ร้าน ร้านที่ได้รับรางวัลหนึ่งดาวมิชลิน 33 ร้าน รางวัล “บิบ กูร์มองด์” 137 ร้าน และร้านแนะนำ หรือ “MICHELIN Selected” อีก 288 ร้าน

    Gwendal Poullennec ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ มิชลิน ไกด์ ทั่วโลก กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นสำหรับผู้มองหาประสบการณ์ด้านอาหารที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

    คู่มือ มิชลิน ไกด์ ฉบับล่าสุดได้สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการและความแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายด้าน โดยครอบคลุมประเภทอาหารมากขึ้น สะท้อนถึงความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่งในแวดวงอาหารของไทย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง นอกจากนี้จำนวนร้านระดับดาวมิชลินที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายด้านอาหารที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้นบนเวทีโลก

    Gwendal ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันเชฟชาวต่างชาติได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยนำพลังสร้างสรรค์และมุมมองที่เป็นสากลมาสู่วงการอาหาร ขณะเดียวกันยังผสมผสานวัตถุดิบและขนบธรรมเนียมท้องถิ่นในการรังสรรค์เมนูใหม่ๆ ขณะที่เชฟชาวไทยก็มีบทบาทในการยกระดับอาหารท้องถิ่นด้วยการขับเน้นรสชาติประจำภูมิภาคให้ชัดเจนและโดดเด่นขึ้น

    นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างเชฟกับผู้ผลิตรายย่อยยังขยายวงกว้างขึ้น ร้านอาหารจำนวนมากไม่เพียงเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล แต่ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากเกษตรกรรายย่อยและชุมชนในพื้นที่

    รวมทั้งการจับคู่อาหารกับเครื่องดื่มยังคงมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างประสบการณ์การทานอาหาร โดยเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่ทำจากสมุนไพรและดอกไม้ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากไวน์ชั้นดี

    ผู้ตรวจสอบของ มิชลิน ไกด์ ยังสังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นของร้านอาหารแบบสบายๆ ที่สะท้อนตัวตนเชฟ ซึ่งเน้นเมนูพืชเป็นหลัก และแนวคิดอาหารไทยสมัยใหม่ที่เคารพรากเหง้าดั้งเดิม การปรุงอาหารด้วยความรับผิดชอบและการคัดสรรวัตถุดิบอย่างใส่ใจได้กลายเป็นแนวปฏิบัติประจำวันที่สำคัญของการทำครัว ขณะที่อาหารเชิงสร้างสรรค์ หรือ ไร้พรมแดน ซึ่งเน้นการผสานเทคนิคและวัตถุดิบจากหลากวัฒนธรรมกำลังเป็นเทรนด์ใหม่มาแรง



‘ซูห์ริง’ คว้ารางวัลสามดาวมิชลิน เป็นร้านที่สองในไทย

    เริ่มกันที่รางวัลใหญ่สุดในการประกาศครั้งนี้ นั่นคือ สามดาวมิชลิน นอกจาก "ศรณ์" ที่ครองตำแหน่งสามดาวมิชลินร้านแรกในไทยแล้ว ในปีนี้ยังมีร้านอาหารร่วมครองรางวัลนี้อีก 1 ร้าน ได้แก่ “ซูห์ริง” ร้านอาหารเยอรมันร่วมสมัยที่ก่อตั้งโดยเชฟฝาแฝด Thomas Suhring และ Mathias Suhring

    โดยถ่ายทอดเสน่ห์ของอาหารเยอรมันผ่านเมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากสูตรอาหารในครอบครัว ความทรงจำวัยเด็ก และการเดินทาง ประกอบกับวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ถูกนำมาปรุงอย่างเชี่ยวชาญด้วยเทคนิคดั้งเดิมแบบเยอรมัน ทั้งการหมัก ดอง และรมควัน ซึ่งทุกจานล้วนรังสรรค์อย่างประณีตและจัดวางอย่างงดงาม



    สำหรับ ซูห์ริง ปรากฎชื่อในคู่มือ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย มาตั้งแต่ฉบับปฐมฤกษ์เมื่อปี 2561 ในฐานะร้านหนึ่งดาวมิชลิน จากนั้นเพียงหนึ่งปีต่อมาก็ได้รับการเลื่อนระดับเป็นร้านสองดาวมิชลิน และสามารถครองสถานะสองดาวมิชลินเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 7 ปี

    ก่อนที่จะสามารถเลื่อนระดับสู่รางวัลสามดาวมิชลิน’ได้ในคู่มือฉบับปี 2569 นับเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นเลิศ ความสม่ำเสมอ และความมุ่งมั่นรักษามาตรฐานสูงสุดด้านอาหารได้เป็นอย่างดี


2 ร้านใหม่ เลื่อนระดับ คว้าสองดาวมิชลิน

    ในคู่มือ มิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2569 มีร้านอาหารคว้ารางวัลสองดาวมิชลินเพิ่มขึ้นจำนวน 2 ร้าน จากทั้งหมด 8 ร้าน โดยเป็นการเลื่อนระดับจาก หนึ่งดาวมิชลิน ประกอบด้วย

    “แอน-โซฟี พิค แอท เลอ นอร์มังดี” ร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ Anne-Sophie Pic และ Tamaki Kobayashi เชฟชาวญี่ปุ่น ร่วมกันนำเสนออาหารจานเด่นซึ่งรวมถึงล็อบสเตอร์อันเลื่องชื่อ และเซ็ตเมนู Voyage ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน

    ส่วนอีกร้าน คือ “อินดี” ร้านอาหารอินเดียสมัยใหม่ที่เปิดประสบการณ์ให้นักชิมได้สัมผัสเสน่ห์รสชาติจากทุกภูมิภาคของอินเดีย ผ่านเซ็ตเมนูราว 10 คอร์ส ที่แต่ละจานโดดเด่นด้วยรสชาติและการนำเสนอที่มีเรื่องราวเฉพาะตัว


7 ร้านใหม่ ติดอันดับหนึ่งดาวมิชลิน

    สำหรับรางวัลหนึ่งดาวมิชลินในปีนี้มีทั้งหมด 33 ร้าน โดยเป็นร้านใหม่ติดโผ 7 ร้าน ในจำนวนนี้ 3 ร้านได้รับการจัดอันดับในคู่มือมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย เป็นครั้งแรก ส่วนอีก 4 ร้านได้รับการเลื่อนระดับจากร้าน MICHELIN Selected ดังนี้

    “โบ.ลาน” ร้านอาหารไทยที่นำเสนอเมนูผสมผสานตำรับไทยดั้งเดิมควบคู่กับแนวคิดเรื่องการทำอาหารอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยคัดสรรวัตถุดิบหายากจากเกษตรกรรายย่อยมารังสรรค์เป็นอาหารที่ถ่ายทอดมรดกไทยอย่างลึกซึ้งผ่านเทคนิคการปรุงที่แม่นยำและการนำเสนอที่เรียบง่าย เพื่อขับเน้นให้รสชาติที่กลมกล่อมและซับซ้อน

    “คานนูบี บาย อุมแบร์โต บอมบานา” ร้านอาหารอิตาเลียนที่นำเสนอ เซ็ตเมนูมื้อกลางวันหรือดินเนอร์แบบเทสติงเมนู โดยอาหารทุกจานผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคนิคสมัยใหม่ได้อย่างละเมียดละไมและลงตัว

    “เอทช่า” ร้านอาหารที่เชฟถ่ายทอดแนวคิดไร้พรมแดน ผ่านเทสติงเมนู 11 คอร์ส และ 8 คอร์ส ซึ่งนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ผสานเทคนิคการปรุงแบบยุโรปเข้ากับวัตถุดิบพื้นถิ่นของไทยได้อย่างประณีต ทุกจานล้วนปรุงอย่างพิถีพิถันและเคารพในรสชาติพื้นถิ่นอย่างลึกซึ้ง โดยเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล

    ต่อกันที่ร้าน “กากัน” ที่นำเสนออาหารสุดสร้างสรรค์กว่า 20 คอร์ส โดยแต่ละจานเสิร์ฟมาพร้อมการแสดงแสงสีและจังหวะดนตรีเร้าใจ 5 องก์ ผสานรสชาติที่จัดจ้าน การเล่าเรื่องอันชวนดื่มด่ำ และพลังงานอันเปี่ยมชีวิตชีวา ซึ่งถ่ายทอดเอกลักษณ์ของเชฟชื่อดังได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    “จุกซุนแช” ร้านอาหารเกาหลีร่วมสมัยที่นำเสนอเมนูโอมากาเสะซึ่งถ่ายทอดการตีความรสชาติอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิมในมิติใหม่ อาหารแต่ละจานเปี่ยมความประณีต สมดุล และงดงามสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น ซุปหนวดปลาหมึก เกี๊ยวไส้ทรัฟเฟิล หรือ บิบิมบับปู

    “นุสรา” ร้านอาหารไทยในเครือของ เชฟต้น-ฐิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านฤดู (Le Du) ที่ครองรางวัลหนึ่งดาวมิชลินมาตั้งแต่ปี 2562 โดยร้านนุสราได้นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารด้วยการผสานอาหารไทยชั้นเลิศเข้ากับทิวทัศน์อันงดงามของวัดโพธิ์จากชั้นดาดฟ้า ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีเขียวมะกอกแต่งแต้มด้วยสีทอง สร้างบรรยากาศหรูหราอย่างมีระดับ เมนูแนะนำ ได้แก่ เนื้อวากิวผัดซอสกะเพราแดง รสเข้มข้นกลมกล่อม และ น้ำพริกสี่ภาค

    ร้านใหม่ร้านสุดท้าย “ซูชิ ไซโตะ” ร้านซูชิสไตล์เอโดะที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ถ่ายทอดเทคนิคดั้งเดิมจากสมัยเอโดะโดยใช้อาหารทะเลสดใหม่ซึ่งส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น และข้าวอาคิตะซึ่งหุงด้วยการควบคุมอุณหภูมิและความชุ่มชื้นอย่างประณีต


ร้าน ‘โกท’ คว้า ‘ดาวมิชลินรักษ์โลก’

    สำหรับรางวัล MICHELIN Green Star หรือ ดาวมิชลินรักษ์โลก มอบให้กับร้านอาหารที่ได้รับการจัดอันดับในคู่มือ มิชลิน ไกด์ ที่สร้างแรงบันดาลใจและความประทับใจด้วยวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นต่ออนาคตของวงการอาหาร

    รางวัลนี้มีบทบาทในการรวบรวมร้านอาหารที่มีแนวคิดสร้างสรรค์และมุ่งพัฒนาบทบาทร้านอาหารให้ก้าวรุดหน้าในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความร่วมมือระหว่างกันเพื่อเป็นแรงบันดาลใจที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    ในปีนี้ ร้านอาหารเพียงหนึ่งเดียวที่ดึงดูดความสนใจของผู้ตรวจสอบจาก มิชลิน ไกด์ ได้ด้วยวิสัยทัศน์ที่น่าประทับใจ คือ "โกท" ซึ่งเป็นร้านอาหารหนึ่งดาวมิชลินที่มุ่งมั่นปรุงอาหารอย่างใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมชูความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบในประเทศ

    โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่มาจากเกษตรกร ชาวประมง และผู้ผลิตรายย่อยในท้องถิ่นโดยตรง ทั้งยังใช้สมุนไพรและดอกไม้กินได้จากสวนบนดาดฟ้าที่ปลูกเอง และร้านพยายามใช้วัตถุดิบต่างๆ ในครัวให้เกิดประโยชน์ เช่น การนำผักที่เหลือจากการทำอาหารมาทำปุ๋ยหมัก และเล็งเห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะการแปรรูปน้ำมันเก่า แม้แต่การออกแบบร้านก็สะท้อนแนวคิดเดียวกัน ตั้งแต่การนำไม้เก่ากลับมาใช้ใหม่ ไปจนถึงการเลือกใช้ภาชนะบนโต๊ะอาหารที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล

    ทั้งนี้ โกท จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนร้านอาหารที่มุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกับร้านอาหารอีก 4 ร้าน ได้แก่ พรุ, ฮาโอมา, จำปา และ บ้านเทพา ที่ยังคงครองสถานะดาวมิชลินรักษ์โลกเอาไว้ได้


รางวัลใหม่ MICHELIN Guide Mentor Chef Award

    MICHELIN Guide Mentor Chef Award เป็นรางวัลที่มอบให้กับเชฟผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการอาหารผ่านการทุ่มเทมุ่งมั่นถ่ายทอดความรู้และทักษะที่สั่งสมมาให้กับเชฟรุ่นใหม่ โดยผู้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นรายแรกในไทย คือ David Thompson เชฟและเจ้าของร้าน "อักษร" ซึ่งเป็นร้านหนึ่งดาวมิชลิน และร้าน "ชอพ ชอพ กุ๊ก ช็อป" ที่เป็นร้าน MICHELIN Selected

    เส้นทางการทำอาหารไทยของ David Thompson เริ่มขึ้นในช่วงปี 2523-2532 เขาได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกและตกหลุมรักในวัฒนธรรมอาหารไทยที่หลากหลาย ก่อนที่ในปี 2544 จะเปิดร้าน "Nahm" ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยร้านแรกที่ได้รับรางวัลดาวมิชลิน พิสูจน์ให้นานาชาติได้เห็นถึงศักยภาพของอาหารไทยบนเวทีอาหารไฟน์ไดนิงระดับโลก


    ต่อมาในปี 2553 David Thompson ได้เปิดร้าน Nahm ที่กรุงเทพฯ และมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมอัตลักษณ์ของอาหารไทยประเภท ไฟน์ไดนิงในสายตาของทั้งเชฟและนักชิม

    นอกจากความสำเร็จด้านอาหารของตนเองแล้ว David Thompson ยังถ่ายทอดภูมิปัญญาความรู้และให้คำแนะนำแก่คนรุ่นใหม่ เชฟชั้นนำของไทยหลายคนเคยฝึกฝนฝีมือในครัวของเขา

    แม้จะไม่ใช่คนไทยโดยกำเนิด แต่ตลอดเส้นทางอาชีพ David Thompson ได้อุทิศตนเพื่อสืบสาน ถ่ายทอด และยกระดับอาหารไทย ตลอดจนสร้างแรงกระเพื่อมที่ขับเคลื่อนวงการอาหารไทยอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน


สรุปรางวัล มิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2569


  • สามดาวมิชลิน
    Suhring (เลื่อนระดับ)
    Sorn


  • สองดาวมิชลิน
    INDDEE (เลื่อนระดับ)
    R-HAAN
    Chef’s Table
    Gaa
    Cote by Mauro Colagreco
    Mezzaluna
    Anne-Sophie Pic at Le Normandie
    Baan Tepa


  • หนึ่งดาวมิชลิน
    Aksorn
    Avant
    Coda
    Gaggan (เลื่อนระดับ)
    เจ๊ไฝ
    IGNIV
    Mia
    Maison Dunand
    Saneh Jaan
    Bo.lan (ใหม่)
    Aulis
    Samrub Samrub Thai
    Signature
    สวนทิพย์
    Etcha (ใหม่)
    Chim by Siam Wisdom
    Blue by Alain Ducasse
    POTONG
    Sushi Saito (เลื่อนระดับ)
    GOAT
    Haoma
    Juksunchae (เลื่อนระดับ)
    PRU
    AKKEE
    80/20
    Cannubi by Umberto Bombana (ใหม่)
    Resonance
    Nahm
    Nawa
    Elements, Inspired by Ciel Bleu
    Wana Yook
    Le Du
    Nusara (เลื่อนระดับ)


  • MICHELIN Green Star
    Baan Tepa
    Haoma
    Jampa
    PRU
    GOAT (ใหม่)
  • MICHELIN Guide Service Award
    Arsen Brahaj (อาร์เซน บราเฮจ) ผู้จัดการร้าน Aulis จังหวัดพังงา
  • Young Chef Award
    สุวิจักขณ์ กังแฮ จากร้านอาหาร Royd จังหวัดภูเก็ต


  • MICHELIN Opening of the Year
    Wilfrid Hocquet (วิลฟริด อ็อกเก) จากร้านอาหาร Margo
  • Mentor Chef Award
    David Thompson (เดวิด ทอมป์สัน) จากร้านอาหาร Aksorn และ Chop Chop Cook Shop



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ครบรอบ 1 ปี 'Nobu Bangkok' เมนูโอมากาเสะ 8 คอร์ส รังสรรค์ประสบการณ์ดินเนอร์สุดพิเศษโดย 'เชฟโนบุ มัตสึฮิสะ'

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine