‘Ember Cafe & Wine’ จิบไวน์ชั้นเลิศ พร้อมสัมผัสสถาปัตยกรรมที่สร้างจากนวัตกรรม 3D Printing - Forbes Thailand

‘Ember Cafe & Wine’ จิบไวน์ชั้นเลิศ พร้อมสัมผัสสถาปัตยกรรมที่สร้างจากนวัตกรรม 3D Printing

เมื่ออาหารและไวน์คือแรงดึงดูดที่ทำให้คนที่มีแพชชั่นในการทำอาหารต้องออกเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก เพื่อหาแหล่งผลิตไวน์ชั้นเลิศ กระทั่งนำมาสู่การเปิดร้านอาหาร Ember Cafe & Wine ในคอนเซปต์ “Volcano” เสิร์ฟไวน์ชั้นเลิศที่คัดสรรมาจากแหล่งผลิตที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟ ท่ามกลางสถาปัตยกรรมของร้านที่ไม่เพียงโดดเด่นสะดุดตา แต่ยังสร้างมาจากนวัตกรรม 3D Printing


    หากใครได้แวะเวียนไปย่านพระราม 9 ซอย 43 คงมีโอกาสได้เห็นร้านอาหารสีส้มอิฐที่ราวกับจำลองแกรนด์แคนยอนมาไว้กลางกรุงเทพฯ ที่นี่คือ “Ember Cafe & Wine” อีกหนึ่งสถานที่ที่นักชิม นักเที่ยว หลายคนขอปักหมุดไว้ใน Bucket list เพราะเป็นแหล่งรวมความลงตัวทั้งอาหารและสถาปัตยกรรม พร้อมไวน์ชั้นเลิศจากแหล่งผลิตใกล้ภูเขาไฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


    จุดเด่นของที่นี่คืออาหารเวสเทิร์นฟู้ดที่รังสรรค์ด้วยการเผาไฟ (Flame-cooked) เพื่อเพิ่มรสชาติความเข้มข้นและกลิ่นหอม ผสานงานโครงสร้างสถาปัตยกรรมกับเทคโนโลยีการก่อสร้างจาก SCG 3D Printing ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของการก่อสร้าง เรียกว่าเปิดทุกมิติความแปลกใหม่ระหว่างธรรมชาติและนวัตกรรมได้อย่างลงตัว ทั้งยังเปิดเป็น Class Studio และเป็น Community ของผู้คนที่ชื่นชอบและหลงใหลในเรื่องเดียวกัน ให้มาสัมผัสโลกใหม่ทั้งในด้านรสสัมผัสไวน์ชั้นเลิศและงานดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร


    Calvin Fong ผู้ที่เป็นทั้งหุ้นส่วนร้านและเชฟ เล่าถึงแรงบันดาลใจของการทำร้านนี้ว่า “ด้วยความหลงใหลในไวน์และอาหารจึงเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เราออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อหาประสบการณ์พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรม อาหาร ไปจนถึงการเจอแหล่งวัตถุดิบชั้นดีที่หายาก

​Calvin Fong


    “โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบครัวไฟอยู่แล้ว เพราะเป็นเสน่ห์ดั้งเดิมที่ได้เห็นกันมา เมื่อก่อนไม่จำเป็นต้องมีปลั๊กไฟ เราใช้เพียงถ่านหรือฟืนในการประกอบอาหาร ดังนั้นแต่ละเมนูของร้านที่เสิร์ฟจึงเป็นงานศิลป์ที่ใช้ไฟในการควบคุมความอร่อยอย่างพิถีพิถันในสไตล์เวสเทิร์น

    “ขณะที่ไวน์ของร้านแต่ละชนิดถูกคัดสรรมาอย่างดีจากแหล่งผลิตไวน์ชั้นเลิศที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟ เพราะธาตุเหล็กและโพแทสเซียมในดินภูเขาไฟจะมีความเค็ม หวาน ทั้งยังมีกลิ่นหอมและรสชาติของผลไม้ที่บริสุทธิ์กว่าดินอื่นๆ ไวน์ที่ได้จึงมีความนุ่มและกลมกล่อม”

    ภายในร้าน ออกแบบครัวมาเป็นระบบเปิด ที่เชฟสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้โดยตรง และยังเป็นการเปิดประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของลูกค้าได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น การมองเห็นทุกขั้นตอนของการรังสรรค์เมนูต่างๆ ไปพร้อมๆ กับการได้ยินเสียงการปรุงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา การสัมผัสถึงความอบอุ่นจากไฟที่ลุกไหม้ในเตา การดมกลิ่นหอมเย้ายวนจากเตา และการได้ลิ้มรสอาหารที่เต็มไปด้วยรสชาติสดใหม่ ซึ่งเป็นการรังสรรค์แต่ละเมนูให้ออกมาอย่างพิถีพิถันที่สุด


    และไฮไลต์ที่สำคัญคือ “ไวน์แพริ่ง” หรือการจับคู่อาหารกับไวน์ เพื่อยกระดับรสชาติของอาหารไปพร้อมกับการดึงลักษณะเฉพาะตัวของไวน์ออกมาสร้างสีสันให้กับมื้ออาหารในช่วงค่ำคืนได้อย่างสมบูรณ์แบบ


    Ember Cafe & Wine ตั้งอยู่ที่พระราม 9 ซอย 43 กรุงเทพฯ เมื่อขับรถเข้ามาในซอยประมาณ 450 เมตร ท่ามกลางบ้านเรือนรอบข้าง ต้องสะดุดตากับสถาปัตยกรรมสีอิฐดินเผาน่าทึ่งที่ตั้งตระหง่านกลางซอย มีลักษณะคล้ายกับหุบเขา ราวกับจำลองแกรนด์แคนยอนมาไว้กลางกรุง

    ซึ่งนั่นก็เพราะว่าเจ้าของร้านได้ไอเดียมาจากแกรนด์แคนยอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และส่งต่อไอเดียนี้ให้ทาง SCG เพื่อช่วยเนรมิตขึ้นโครงสร้างอาคารให้ได้ภาพใกล้เคียงกับความจริงที่สุด โดยเลือกใช้เทคโนโลยี SCG 3D Printing นวัตกรรมการก่อสร้างแห่งอนาคต สร้างอิสระในงานสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนและศิลปะในการก่อสร้าง เกิดเป็นดีไซน์รูปทรงอาคารโค้งเว้าให้อารมณ์เหมือนปล่องภูเขาไฟ และลวดลายบริเวณผนังอาคารที่มีลักษณะเป็นริ้วที่พริ้วไหว ได้รูปแบบล้ำสมัยไม่ซ้ำใคร


    โครงสร้างสถาปัตยกรรมด้วยนวัตกรรม SCG 3D Printing (เป็นการขึ้นรูปคอนกรีตจากโรงงาน และนำไปประกอบที่หน้างาน ช่วยลดความเสี่ยงจากการทำงานล่าช้า ลดเศษวัสดุเหลือทิ้งจากไซต์ก่อสร้างได้กว่า 70% รวมถึงลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ได้ถึง 1,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์) ถือเป็นแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติด้วย


    รูปแบบสถาปัตยกรรมนี้ที่ถูกออกแบบด้วย SCG 3D Printing ยังช่วยให้สามารถควบคุมอุณหภูมิให้ต่ำกว่าภายนอกได้ 3-5 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติให้สมบูรณ์แบบที่สุด โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 15–18 องศาเซลเซียส ซึ่งการปกป้องไวน์จากแสงแดดและความร้อน นับเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่การใช้งานและความล้ำสมัย เพื่อให้ไวน์ทุกขวดถูกเก็บรักษาอย่างดี พร้อมเสิร์ฟทุกโอกาสพิเศษ


    Calvin มองว่า การก่อสร้างด้วยนวัตกรรม SCG 3D Printing เป็นสิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นและสามารถสร้างสิ่งที่ตรงกับความคิดได้ใกล้เคียงกับความจริงที่สุด เพราะการก่อสร้างรูปแบบเดิมๆ ที่เป็นเหลี่ยมมุมไม่สามารถทำความโค้งในแบบที่เราต้องการได้ เช่น ช่องแสงธรรมชาติที่อยู่ด้านบนเพดานมีลักษณะเป็นริ้วเส้นความโค้งที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ลดความแข็งกระด้างลง ดังนั้นการนำนวัตกรรม SCG 3D Printing เข้ามาใช้ในการก่อสร้างสามารถเนรมิตภาพที่เราวาดฝันไว้ให้เป็นจริงได้


    เพลิดเพลินกับประสบการณ์การทำอาหาร ดื่มด่ำกาแฟ และลิ้มรสไวน์ชั้นเลิศไปด้วยกัน ได้แล้ววันนี้ที่ Ember Cafe & Wine ซอยพระรามเก้า 43 ร้านเปิดให้บริการทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 11.00-18.00 น.




น่ารู้

    -ชื่อร้าน Ember ที่แปลว่า เถ้าถ่านที่ยังคุกรุ่น มาจากการหยิบไวน์มาเป็นจุดนำของเรื่อง ซึ่งไวน์ที่ร้านส่วนใหญ่มาจากแหล่งผลิตใกล้ภูเขาไฟ และเทคนิคการปรุงอาหารด้วยการใช้ไฟเผา

    -ตัว M ในโลโก้ ยังถูกออกแบบให้เป็นเหมือนรูปภูเขาไฟ เพื่อคงคอนเซปต์และสื่อถึงความโดดเด่นของร้านได้อย่างมีเอกลักษณ์



ภาพ: Ember Cafe & Wine



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Penfolds ชวนจิบไวน์ Grange ระดับ luxury บ่มนานสิบปี! พร้อมแนะวิธีเลือกดื่มให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตนเอง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine