Dusit x Local Aroi ชวนคุณสัมผัสอัตลักษณ์ของ "ชุมชนกุฎีจีน" ผ่าน Chef’s Table จานพิเศษ - Forbes Thailand

Dusit x Local Aroi ชวนคุณสัมผัสอัตลักษณ์ของ "ชุมชนกุฎีจีน" ผ่าน Chef’s Table จานพิเศษ

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Dec 2020 | 09:23 PM
READ 3181

“การปรับตัวไม่ได้มีแค่ในแง่ของการท่องเที่ยว ปัจจุบัน เราสามารถเพิ่มมูลค่าของอาหารให้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในการเรียนรู้แหล่งวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ที่เดินทางไป เพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้คนให้เข้ามาทำความรู้จักกับเมืองและวิถีชีวิตของพวกเขา ซึ่งจะเกิดเป็นรายได้ให้กับคนในพื้นที่อีกทางหนึ่ง” ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าว

Dusit
(จากซ้ายไปขวา) ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน), เชฟแตน บ้านสกุลทอง ชุมชนกุฎีจีน, เชฟอิน หัวหน้าเชฟ โลเคิล อร่อย และสมศักดิ์ บุญคำ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด
นอกจากการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรรายใหม่อย่างโลเคิล อไลค์ (Local Alike) ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสังคมแนวใหม่ ผ่านทางแคมเปญ “Dusit Local Explorer” ที่ให้เจ้าของชุมชนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบและนำเที่ยวแล้ว กลุ่มดุสิตธานียังร่วมสนับสนุนโปรเจค “โลเคิล อร่อย (Local Aroi)” ที่ส่งเสริมให้ชุมชนได้มีทักษะการประกอบอาหารอย่างมืออาชีพ จนมีศักยภาพในการจัดเลี้ยงอาหารนอกสถานที่แบบพิเศษ ที่นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้อิ่มเอมอาหารอร่อยจากท้องถิ่นแล้ว ยังได้ซึบซับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของชุมชนนั้นๆ อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วหนึ่งในความพิเศษของแพ็กเกจ Dusit Local Explorer ที่ไม่ควรพลาด ก็คือ Local Aroi Night with Kudeejeen ณ โรงแรมดุสิต สวีท ราชดำริ กรุงเทพฯ ที่นำเสนอในรูปแบบของ Chef’s Table ไฟน์ไดนิ่งที่ได้รับการรังสรรค์เมนูจากเชฟอิน หัวหน้าทีมเชฟของ Local Aroi และเชฟแตน เจ้าของบ้านสกุลทอง ร้านอาหารสูตรชาววังสัญชาติไทย-โปรตุเกสในย่านชุมชนกุฎีจีน จนได้เมนูอาหารที่เปี่ยมไปด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ และเรื่องราวที่ตกผลึกจนมาเป็นเมนูต่าง ๆ อย่างน่าสนใจ “กว่า 9 ปีที่บ้านสกุลทองได้ร่วมมือกับ Local Alike ในการถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชนผ่านเมนูอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ในวันนี้ บ้านสกุลทองได้ร่วมมือกับ Local Aroi อีกครั้ง ในการนำตำรับโบราณที่เกิดขึ้นมากว่า 250 กว่าปีในชุมชนกุฎีจีน มาพัฒนาจนสามารถรังสรรค์ขึ้นโต๊ะอาหารของโรงแรมระดับ 5 ดาวได้” เชฟแตนกล่าว
Dusit
Appetizer: Portuguese-inspired fish cake
เริ่มกันที่ทอดมันอย่างโปรตุเกส หรือทอดมันปลากราย เมนูเรียกน้ำย่อยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมนู salt cod fish cake ของโปรตุเกส ที่เชฟนำปรับโฉมใหม่โดยใช้เทคนิคการตีทอดมันปลากรายจนเนื้อเด้ง ก่อนที่จะท็อปด้วยแผ่นคุกกี้โหระพา ผักดอง ดอกไม้ทานได้ และเจลลี่น้ำอาจาด เพื่อให้ได้รสชาติที่จัดจ้านประมาณหนึ่ง 
Dusit
Salad: Yum Mahaprod (Lent salad)
มาต่อกันที่ ยำมหาพรต หรือยำทวาย ซึ่งเป็นยำลูกผสมของวัฒนธรรมพม่าและมอญ ที่คนนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค นิยมรับประทานในเทศกาลมหาพรต หรือเทศกาลข้าวบวช ซึ่งเป็นวันจำศีลภาวนาระลึกถึงความผิดบาป สำหรับค่ำคืนนี้ เชฟได้นำมาปรับให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มส่วนผสมของเครื่องเทศอย่างพริกแกง จนได้ซอสแกงเผ็ดสูตรเข้มข้น ก่อนที่จะโรยด้านบนด้วยปลากรอบและต้นอ่อนอัลฟาฟ่า และตกแต่งด้านข้างด้วยเจลพริกระฆังและใบไม้กรอบ ที่เชฟได้รับแรงบันดาลใจมาจากตราแผ่นดินของประเทศโปรตุเกส พร้อมการันตีว่ามีรสชาติดีไม่แพ้ความสวยงาม
Dusit
Soup: Singaporean soup
เมนูซุปสิงคโปร์ ของชาวกุฏีจีนตามรอยตำราเล่มเล็ก คือ ซุปแกงเผ็ด 3 รส ได้แก่ รสเปรี้ยวน้ำส้มมะขาม รสหวานน้ำตาลมะพร้าว และรสเค็มจากน้ำปลาดี ที่นำมาคลุกเคล้ากันอย่างกลมกล่อม รับประทานพร้อมซี่โครงหมูที่ตุ๋นจนเปื่อยผัดกับเครื่องแกงจนเข้าเนื้อ
Dusit
Main: Moo-Sanmo Kudeejeen
เคล้าเครื่อง เคล้ารส ไฮไลท์ของ Chef’s Table จานนี้ เกิดจากการรวบรวมวัตถุดิบที่ชาติโปรตุเกสได้นำเข้ามาในประเทศไทย ก่อนที่จะถูกนำมาปรุงรสให้กลมกล่อม มีเอกลักษณ์ และทันสมัยมากยิ่งขึ้น เริ่มกันที่ หมูแซนโมที่นำเสนอในรูปแบบของ Roulade สอดไส้ด้วยมันหมูหั่นเป็นเส้นตามแบบต้นฉบับ แต่ปรับทำเป็นเบค่อนผสมกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และโรลด้วยเบค่อนอีกครั้งเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส ทานคู่กับซอสแซนโม เสิร์ฟมาพร้อมมันฝรั่งทอด (Potato fondant) ที่คลุกเคล้ากลิ่นเครื่องเทศจนได้รสชาติที่ดี ท็อปด้วยหมูฝอยผัดกากหมูอย่างโปรตุเกส (Pumpkin puree Torresmos) และผัดผักเนยพริกไทยดำ รับประทานคู่กับสตูว์ลิ้นวัว (Pot Pie) ที่เสิร์ฟมาในรูปแบบถ้วยพายเล็กๆ เรียกได้ว่าเมนูจานนี้ นอกจากจะพิเศษแล้ว ยังอร่อยกลมกล่อมทุกรสชาติอีกด้วย
Pre dessert 1: Trio-Orange Granita
Pre dessert 2: Pineapple Mousse
พร้อมเปลี่ยนรสชาติอาหารคาวไปหวานด้วยกรานิต้าสามส้ม ที่ประกอบไปด้วยความเปรี้ยวจากน้ำส้มซ่า ส้มแมนดาริน และส้มเลม่อน ที่นำมาเคล้ากับน้อยหน่าผสมกับน้ำองุ่นให้มีความหวานอย่างลงตัว และเพิ่มความหอมด้วยใบมิ้นต์ ที่เชฟตั้งใจปลูกด้วยตนเอง ไม่เพียงเท่านี้ยังเสิร์ฟมาพร้อมโคนมูสสับปะรดขนาดเล็กพอดีคำ ที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี และเป็นอีกซิกเนเจอร์หนึ่งที่คนโปรตุเกสนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย 
Dusit
Dessert: Kudeenjeen sobremesa
และปิดท้ายมื้อค่ำอย่างสวยงามกันที่ รวม เครื่อง เทศ เมนูขนมหวานที่ได้รับการผสมผสานจากวัฒนธรรมขนมในหลายประเทศ อันได้แก่ ไอติมกะทิ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมบ้าบิ่น รองด้วยครัมเบิ้ลเมล็ดทานตะวัน ขนมนิลดารา ขนมฝรั่งกุฏีจีน และเจลกระเจี๊ยบที่เข้ามาตัดรสชาติได้เป็นอย่างดี ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับแคมเปญการท่องเที่ยว Dusit Local Explorer ได้ที่ http://www.dusit-international.com อ่านเพิ่มเติม: กลุ่มดุสิตธานี ผนึกความร่วมมือ Local Alike รุกตลาดท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแนวใหม่