“เราเกิดมาในครอบครัวยากจน ต้องทำงานตั้งแต่เด็กๆ แต่ยังดีที่ยังได้เรียนหนังสือ ตอนนั้นชุดนักเรียนชุดใหม่ไม่เคยได้ใส่มีแต่ใส่ปะๆ เย็บๆ แม่ชอบเก็บเศษผ้าไว้เยอะแยะเพื่อจะได้ให้ลูกๆ มีเสื้อผ้าใส่ไปโรงเรียน”
เธอเริ่มเล่าอดีตครอบครัวให้
Forbes Thailand ฟัง ในสมัยที่ครอบครัวขายเสื้อผ้า พร้อมเผยเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดไฟไหม้เผาผลาญทุกอย่างที่มี เธอบอกว่าตอนนั้นเหลือแต่ชุดนอนเพียงตัวเดียว ร้องไห้อยู่หน้าบ้านสติแตกกับไฟที่เผาผลาญทุกอย่าง แต่ด้วยเหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนั้น ทำให้พ่อและแม่ของเธอเริ่มอาชีพค้าขาย ขายก๋วยเตี๋ยวไก่ เป็ด เพื่อหาเลี้ยงทุกชีวิต เจ๊ไฝในสมัยนั้นเธอไม่มีความรู้ด้านอาหารอะไรเลย จนกระทั่งวันหนึ่งคำสบประมาทจากคนในครอบครัวของเธอได้สร้างเส้นทางอาหารและวิถีแห่งเชฟจนได้รับดาวหนึ่งดาวจากมิชลิน
“สมัยนั้นอยากจะไปช่วยครอบครัวทำอาหารขายแต่กลับถูกปฎิเสธว่าคนอย่างเราจะทำอะไรอร่อยได้ สิ่งที่ฉันคิดตอนนั้นคือเดินไปหลังบ้านแล้วพูดกับตัวเองว่าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเราต้องทำให้ได้และทำให้ดี ตั้งแต่นั้นมาเวลาที่ครอบครัวฉันทำอาหารฉันสังเกตทุกอย่างว่ามีขั้นตอนต่างๆ มีวิธีการอย่างไร ใช้ไฟอย่างไร” เจ๊ไฝ เผยที่มาของวิถีเชฟ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “สมัยก่อนนะฉันชอบอ่านหนังสือมาก ฉันชอบอ่านสามก๊กที่สุด แต่ไม่ซื้อนะ ไปยืมจากห้องสมุดแห่งชาติมา อ่านไปมาหลายรอบ พออ่านจบมันก็ทำให้คิด ทำให้เกิดความรู้ว่าเวลาเราจะทำอะไร จะทำธุรกิจอะไร ควรจะทำอย่างไร แล้วเวลามีปัญหาจะแก้อะไร ทำให้เรามีลูกค้าขาประจำเป็นจำนวนมาก”
ด้วยเป็นคนที่ตั้งใจทำอะไรต้องมีดีที่สุด ให้คนกินได้กินของดี สมัยนั้นเธอและครอบครัวเดินทางไปยังแพปูถึงนครศรีธรรมราช เพื่อไปค้นหาปูที่ดีที่สุด สดที่สุด
“ตอนนั้นต้องเดินทางไปใต้หลายครั้ง ไปแพปูหลายที่มาก เพื่อจะเลือกหาปูที่ดีและเลือกใช้มาตลอด สมัยก่อนปูดีๆ มีเยอะ วัตถุดิบดีๆ มีเยอะ แต่ก่อนเรารับปูจากแพปูที่นครศรีธรรมราช แต่ของมันหายากขึ้นเลยไปได้ปูจากสุราษฎร์ธานีอีกทีหนึ่ง เห็นเราขายดีอย่างนี้ เราต้องง้อแพปูนะเพื่อให้ได้ของดีๆ ให้คนได้กิน”
“คิดดูนะคะบางคนว่าเราขายของแพง อย่างไข่เจียวปูของเราเราใช้แต่เนื้อส่วนกรรเชียง ตัวหนึ่งมีแค่สองชิ้น เราใส่เนื้อปูเน้นๆ เข้าไป ทุกวันนี้ไข่เจียวปูเรามีสามราคา พันบาท พันห้าร้อยบาท และสองพันบาท จานที่ขายดีก็ราคาพันบาทนี่ละ เคล็ดลับความอร่อย นอกจากปูสดแล้วไข่ก็ต้องสดด้วยนี่คือสูตรของเรา”
ไข่เจียวปูในตำนาน
สำหรับเมนูแนะนำของที่ร้านอย่าง ราดหน้า ปูผงกระหรี่ ผัดขี้เมา ของทางร้านไม่ได้แค่โด่งดังสำหรับคนในประเทศ แม้แต่ร้านอาหารชื่อดังในต่างประเทศยังส่งเชฟมาเรียนกับร้านเจ๊ไฝ “เรามีเชฟมาเรียนมาทำงานกับเราตลอด ที่ผ่านมามีกลุ่มเชฟถูกส่งมาฝึกทำอาหารกับฉัน เวลาทำอาหารขายเขาก็มาดู อย่างทำเมนู ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า เขาก็มาดูว่าเราคั่วเส้นยังไง ใช้ไฟยังไง ฉันทำอาหารวันๆ ก็ 10 ชั่วโมง ร้อนก็ร้อน ใครมาเรียนเขาก็ทนความร้อนไม่ค่อยได้เพราะเราใช้เตาถ่าน” เจ๊ไฝ เผย
ปัจจุบัน เจ๊ไฝในวัย 70 ต้นๆ ยังคงประจำการหน้าเตาถ่าน ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่เธอลุกขึ้นมาจับตะหลิวนั้นเธอไม่เคยจดสูตรอาหารใดๆ รสชาติที่ออกมานั้นมาจากการจดจำล้วนๆ ครั้งหนึ่งลูกสาวชอบกินผัดขี้เมาของร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มากจนเธอต้องเดินทางไปกินด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าทำไมผัดขี้เมาร้านนี้ถึงอร่อย “ตอนนั้นพอนั่งกินก็เขี่ยดูว่าเขาใส่อะไรบ้าง แล้วลองชิม ภาพในหัวก็รู้เลยว่ามีส่วนผสมอะไร พอกลับมาทำเองปรากฏว่าอร่อยกว่าต้นตำรับเลยเอามาขายในเมนูร้าน ก็ขายดี”
ก่อนงานแถลงข่าวเริ่มต้น เธอกล่าวทิ้งท้ายกับ
Forbes Thailand ถึงคำถามที่ว่าหากได้รับดาวจากมิชลินจะทำอย่างไร เธอกล่าวว่า
“ตอนแรกๆ ก็มีคนให้มาที่งานนี้ เรายังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร มิชลินคืออะไร แล้วจะมาทำไม ก็ไม่ไป เขาก็ไปคุยกับลูกสาว สุดท้ายก็ต้องมา ส่วนตัวไม่คิดว่าจะได้รางวัลแบบนี้อะไรหรอกนะ มีแต่คนเก่งๆ ร้านเขาก็สวยๆ ส่วนร้านเราก็อย่างที่เห็นผัดกันแบบบ้านๆ ใครจะดูเราผัดว่าใส่อะไรทำอะไรก็มา เราแค่ทำอาหารให้คนที่เขาอยากกินของที่เราทำกินอิ่มกลับไปด้วยคุณภาพของวัตดุดิบที่ดี สมัยนี้คนไม่สนใจเรื่องวัตถุดิบแล้ว แล้วเขาก็จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ”
สถานที่ตั้งร้านเจ๊ไฝ: 327 สี่แยกสำราญราษฎร์ ถนนสำราญราษฎร์ พระนคร กรุงเทพฯ โทร.02 223 9384