Noel Biderman มักไม่พูดความจริงเมื่อเพื่อนร่วมเดินทางบนเครื่องบินถามว่าเขาประกอบอาชีพอะไร เขาจะตอบไปว่าเขาเป็นทนายความ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง แต่นอกจากนั้น Biderman ยังเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและทำรายได้เข้ากระเป๋าปีละมากกว่า 5 ล้านเหรียญ ทว่า หากเอ่ยชื่อบริษัทของเขาก็อาจทำให้บทสนทนาที่กำลังดำเนินไปด้วยดีชะงักลง Biderman คือผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Ashley Madison เว็บไซต์ที่ช่วยสานสัมพันธ์รักและเรื่องบนเตียงกับกิ๊กหรือชู้ "มีบางครั้งที่ผมตอบตามความจริง ซึ่งคำนั้นจะกลายเป็นคำพูดสุดท้ายของบทสนทนา"
นี่คือเรื่องราวบางตอนที่
Forbes นำเสนอเกี่ยวกับ
Biderman และงาน
“สร้างกำไรจากสัมพันธ์ลับ”ของเขา (แปลโดย นวตา สันติวัฒนา) ที่ในเชิงธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีคำถามและข้อสงสัยมากมายในเชิงศีลธรรม
Forbes Thailand พบกับ
Christoph Kraemer โฆษกของ
Ashley Madison ที่มาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรก standy ที่ตั้งอยู่ด้านหลังของเขาเป็นรูปผู้หญิงยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปาก ขณะที่นิ้วนางสวมแหวนแต่งงาน พร้อมคำโปรย
“Life is Short. Have an Affair.” หรือในเวอร์ชั่นภาษาไทยว่า
“ชีวิตมันสั้น อยากมันต้องมีกิ๊ก”
“เราเรียกตัวเองว่า married dating site คือเป็นเว็บไซต์สำหรับผู้ที่แต่งงาน ที่ไม่ได้มองหา “ความรัก” แต่มองหา “ความสัมพันธ์” ครับ” Kraemer เปิดบทสนทนาอย่างตรงไปตรงมา เขากำลังพูดถึง
Ashley Madison เว็บไซต์ที่
Biderman ก่อตั้งขึ้นร่วมกับหุ้นส่วนในปี 2002 โดยลงทุนคนละ 500,000 เหรียญ
จากสถิติที่ผ่านมา เว็บไซต์หาคู่แบบ single dating site ที่เปิดให้คนโสดมาเจอคนโสด และสร้างโอกาสให้ได้พัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นความรัก แต่กลายเป็นว่า ผู้ที่เป็นสมาชิก 30-35% มักไม่โสดจริง ซึ่งมักก่อให้เกิดปัญหาตามมา
“หากคนโสดเจอคนที่ถูกชะตาด้วยแต่ไม่โสดจริง แล้วพัฒนาความสัมพันธ์ไปแล้ว หายนะก็อาจมาเยือน เพราะหากคนโสดรู้เบอร์โทรศัพท์หรือรู้ที่อยู่ของคนนั้น สุดท้ายก็อาจจบไม่สวย ความสัมพันธ์อาจถูกเปิดโปง แล้วถ้าแสดงความจริงใจตั้งแต่ต้นล่ะ?” Kraemer พูดถึงหนึ่งในเหตุผลที่นำสู่จุดเริ่มต้นของ
Ashley Madison ดังนั้น เว็บไซต์จึงแจ้งตั้งแต่ต้นว่าก่อตั้งขึ้นมาเพื่ออะไรและสำหรับใคร ซึ่งทำให้ผู้ที่คิดจะลงทะเบียนตัดสินใจง่ายขึ้นว่าควรไปต่อหรือปิดหน้าจอไปเสีย
เขาเล่าว่า สิ่งที่
Ashley Madison ทำคือสำหรับผู้ที่ตัดสินใจแล้วว่าต้องการมองหา “ความสัมพันธ์” ด้วยการเตรียมช่องทางที่ปลอดภัยและฉลาด เพื่อที่ความสัมพันธ์นั้นจะไม่ถูกค้นพบ และไม่เป็นการทำร้ายจิตใจผู้ที่เป็นคู่ของสมาชิกเว็บไซต์
Ashley Madison ดำเนินธุรกิจใน 46 ประเทศ ให้บริการใน 28 ภาษา และมีสมาชิกกว่า 34.3 ล้านคนทั่วโลก โดยเริ่มขยายธุรกิจเข้ามาในเอเชียตั้งแต่ปี 2013 เริ่มที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า อินเดีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น รวมถึงเกาหลีใต้ ที่ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว มีผู้ลงทะเบียนกว่า 50,000 คน ทว่าหลังจากนั้นรัฐบาลเกาหลีใต้ก็แบนเว็บไซต์ เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายด้านศีลธรรม (เกาหลีใต้มีข้อบังคับปี 1953 ระบุว่าคู่รักที่นอกใจอาจได้รับโทษสูงสุดด้วยการจำคุก 2 ปี ในความผิดฐานมีชู้) แต่เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงในแง่ข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ Ashley Madison เข้าไปทำธุรกิจที่นั่นอีกครั้ง
ปีที่ผ่านมา 2 ใน 3 ของสมาชิก อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ เช่นเดียวกับรายได้หลักของเว็บไซต์ที่มาจากทวีปอเมริกาเหนือ แต่เอเชียก็เป็นทวีปที่น่าจับตามอง ปี 2014 สมาชิกในทวีปเอเชียโตขึ้น 500-800% คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนสมาชิกจะพลิกเป็น 2 ใน 3 ที่อยู่ในเอเชีย แต่หากยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่รวดเร็วอย่างนี้ได้ คาดว่าน่าจะสำเร็จได้ในปีหน้า
เมื่อมองเรื่องรายได้
Avid Life Media บริษัทที่ถือหุ้นใน
Ashley Madison ทำรายได้ 115 ล้านเหรียญในปี 2014 เพิ่มขึ้นจาก 78 ล้านเหรียญเมื่อปี 2013 และโตขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2010
สำหรับเมืองไทย Ashley Madison เพิ่งเข้ามารุกตลาดเมื่อต้นปีนี้ เพราะเห็นศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจ
“เมืองไทยมีคำว่า “เมียน้อย” และ “กิ๊ก” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างหนึ่ง และเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีผลสำรวจออกมาว่า ไทยเป็นประเทศที่มีการนอกใจมากเป็นอันดับ 1 ของโลก” Kraemer บอก
ปีที่แล้ว
Ashley Madison เปิดให้บริการใหม่ คือ
Traveling Man and Traveling Woman ซึ่งโฆษกของเว็บไซต์อธิบายว่า เป็นการหาเพื่อนในเมืองที่สมาชิกเดินทางไป สมาชิกสามารถระบุเพศ รูปร่าง อายุ ภาษา ฯลฯ ของสมาชิกที่อยู่ในเมืองนั้นที่ต้องการจะพบปะพูดคุยได้ ในมุมของ
Kraemer ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เขาจึงคาดว่าบริการดังกล่าวจะสามารถประสบความสำเร็จได้ที่นี่
Ashley Madison เปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ฝ่ายหญิงจะสามารถใช้บริการทุกอย่างบนเว็บไซต์ได้ฟรี ส่วนฝ่ายชายจะเป็นผู้จ่ายค่าดำเนินการต่างๆ ในไทย ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 1,550 บาท (100 เครดิต) และสูงสุด 8,000 บาท (1,000 เครดิต) สำหรับการการันตีความสัมพันธ์ เครดิตที่ได้ไม่มีวันหมดอายุ และการใช้บริการแต่ละแบบจะมีการหักมูลค่าเครดิตที่ต่างกัน สุดท้าย หากต้องการลบข้อมูลทุกอย่างเสมือนว่าไม่เคยมีตัวตนอยู่ในเว็บไซต์ สมาชิกต้องเสียค่าบริการราว 620 บาท (19 เหรียญ)
แน่นอนว่าเมื่อเป็น “เว็บไซต์สำหรับคนมีคู่” ย่อมเกิดปัญหาเชิงศีลธรรมตามมา
Forbes ระบุว่า แม้ว่า
Avid Life Media ตั้งงบประมาณโฆษณา ปี 2014 อยู่ที่ 34 ล้านเหรียญ แต่ Bing เว็บไซต์ให้บริการค้นหาข้อมูลของ Microsoft ยังคงปฏิเสธและไม่รับลงโฆษณาบนพื้นที่ของตน ขณะที่ Google ตกลงรับโฆษณา ส่วนสถานีโทรทัศน์หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง
ABC และสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งของอังกฤษ ยืนยันไม่ฉายโฆษณาของบริษัท ด้าน
Ryanair ปฏิเสธข้อเสนอมูลค่า 120,000 ยูโร จาก
Biderman ในการพ่นโลโก้โฆษณาเว็บไซต์บนตัวเครื่องบินที่จะบินไปสเปน แต่
Biderman สามารถจับมือกับสื่ออื่นที่ยินดีทำธุรกิจด้วย คือ MSNBC, CNN และ Fox News
“เราไม่ได้ส่งเสริมการนอกใจ ไม่มีโฆษณาตัวไหนของเราเลยที่ชักจูงให้คนที่มีความสุขกับความสัมพันธ์ต้องนอกใจ” Kraemer ยืนยันหนักแน่น ตรงกันข้าม
Ashley Madison กลับช่วยสร้างความสัมพันธ์ให้คู่ของสมาชิกได้ดีขึ้น สมาชิกกว่า 90% บอกว่า พวกเขายังคงรักคู่ของตัวเอง และ 2 ใน 3 ของสมาชิกบอกว่า หลังจากมีความสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่ใช่คู่ของตนแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับคู่กลับดีขึ้น เพราะการอยู่ด้วยกันนานๆ อาจทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นเรื่องปกติธรรมดา และบางครั้งก็อาจละเลยการพูดคุยระหว่างกันว่าต้องการอะไร
แผนต่อจากนี้
Ashley Madison ตั้งใจขยายธุรกิจเข้าไปในอีกหลายประเทศ ที่วางไว้มีเช่น รัสเซีย ยูเครน ไนจีเรีย ฯลฯ พร้อมตัวเลขรายได้ที่มากขึ้น
“เราไปได้ดีในประเทศอนุรักษนิยม ยิ่งมีกฎระเบียบมากเท่าไหร่ ผู้คนก็อยากแหกกฎมากเท่านั้น” คือสิ่งที่โฆษกของ Ashley Madison ทิ้งท้าย