สุดยอดซูเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกัน - Forbes Thailand

สุดยอดซูเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกัน

FORBES THAILAND / ADMIN
18 Sep 2015 | 01:41 PM
READ 1413

ด้วยเกียรติประวัติอันยาวนานจากชัยชนะในสนามแข่งบวกกับดีไซน์สุดคลาสสิค มูลค่าของรถ Ford GT จึงพุ่งขึ้นไม่หยุด และทางต้นสังกัดก็กำลังเตรียมเข็นรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาในปี 2017

Bill Nelson ไม่ได้มองหาทางเลือกในการลงทุน แต่สิ่งที่เขามองหาคือความตื่นเต้นเร้าใจ เมื่อ 9 ปีก่อนตอนที่เขาอายุ 64 ปี และเพิ่งจะเกษียณจากการทำงานเป็นวิศวกรที่ Asbury รัฐ New Jersey เขาไปที่โชว์รูมของ Ford และทุ่มเงิน 160,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อรถที่วิ่งได้เร็วที่สุด และแพงที่สุดเท่าที่ Fordเคยผลิตออกมาขาย นั่นคือ Ford GT “ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Ford” เขาบอก “ทันที่ที่ผมเห็นรถคันนี้ ผมรู้เลยว่าผมจะต้องเป็นเจ้าของมันให้ได้” การเป็นเจ้าของรถซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของสหรัฐฯ ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับ Nelson จนอดรีนาลีนหลั่งออกมาตอนที่เขาขับมันเท่านั้น แต่เมื่อถึงวันหนึ่งมันจะสร้างผลตอบแทนที่แสนจะน่าประทับใจให้กับเงินที่เขาใช้ซื้อมันด้วย รถ GT ที่มีการขายออกมาในตลาดนั้นมักจะขายได้ราคาสูงกว่าราคาเริ่มต้นเป็นเท่าตัว อันที่จริงแล้ว GTเป็นรถอเมริกันเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่ผลิตหลังปี 2000 และกลายมาเป็นรถคลาสสิคที่มีมูลค่าสูงขึ้น แทนที่จะเป็นแค่รถมือสองที่วิ่งได้เร็วและมีราคาแพง การจะถูกจัดขึ้นชั้นเดียวกับซูเปอร์คาร์ชั้นเลิศอย่างเช่น Ferrari F40 หรือ Porsche Carrera GT และ McLaren F1 ได้นั้น ไม่ใช่แค่ต้องทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น และราคารถต้องขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ซึ่ง Ford GT ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์เข้าไปอยู่ในชั้นเดียวกับซูเปอร์คาร์เหล่านี้ได้ “Ford ทำทุกอย่างได้อย่างเหมาะเจาะอย่างที่ควรจะทำ” Wayne Carini ซึ่งเป็นเจ้าของ F40 Motorsports และเป็นพิธีกรรายการ Chasing Classic Cars ทางช่อง Velocity บอกและเสริมว่า “มันคือรถที่เป็น icon” ผู้ซื้อรถอย่าง Nelson ไม่ได้แค่ซื้อ superplastic aluminum น้ำหนัก 3,400 ปอนด์เท่านั้น เพราะมันมีเรื่องราวเบื้องหลังก่อนที่จะมาเป็นรถรุ่นนี้ GT เป็นทายาทของ GT40s ซึ่งเป็นรถแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลซึ่งคว้าชัยในการแข่งขัน Le mans เมื่อปลายทศวรรษที่ 1960 โครงการ GT40 เป็นโครงการที่เกิดขึ้นมาโดย Henry Ford II ซึ่งรู้สึกว่าถูกหักหลังเมื่อ Enzo Ferrari ยกเลิกดีลที่จะขายบริษัท Ferrari ให้กับเขา GT40 สามารถเอาชนะ Ferrari ในจุดที่เรียกได้ว่าแข็งที่สุดของ Ferrari โดยการเข้าแข่งขันในยุคทองของการแข่งรถ ซึ่งรถที่ชนะการแข่งขันสามารถออกมาวิ่งบนถนนได้จริงๆ แต่ในสมัยนั้นก็มีรถ GT40sเพียงแค่ 31 คันเท่านั้นที่สามารถวิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นรถหายากที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญ GT รุ่นที่สองนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ที่ต่างออกไปของ Bill Ford ซึ่งเป็น CEO ในขณะนั้นที่กำหนดให้เป็นสุดยอดรถเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งบริษัทในปี 2003 และเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายให้กับ Mustang ไปในตัวด้วย โดย Fred Goodnow ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างรถต้นแบบสามคันสีขาว แดง และน้ำเงินที่พร้อมจะนำเข้าสู่สายการผลิตได้ภายในเวลาเพียงแค่ 15 เดือน แต่สองสามปีต่อมาเดิมพันของ Ford ก็ประสบความสำเร็จ เมื่อสามารถผลิตรถ GT ที่สดใหม่ในรูปร่างที่ทุกคนคุ้นเคย ซึ่งทำให้ GT กลายมาเป็นรถที่มีรูปลักษณ์ดุดันซึ่งนักเลงรถทุกคนอยากได้เป็นเจ้าของ เสน่ห์ทางเพศเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ GT ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย เช่นเดียวกับเรื่องของอุปสงค์และอุปทาน Ford ผลิต GT รุ่นที่สองนี้ออกมาเพียงแค่ 4,038 คันเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากพอสำหรับตอบสนองแฟนพันธุ์แท้ “รถรุ่นใหม่ก็ย่อมไม่เหมือนกับรถต้นฉบับ” Klutt กล่าวและเสริมว่า “แต่ตลาดจะเป็นตัวบอกเองว่ามันจะสามารถขึ้นชั้นเป็นของสะสมได้หรือไม่”
เมื่อต้นปีนี้ มี Ford GT คันหนึ่ง ซึ่งมีหมายเลขประจำรถ หรือ VIN 003 ถูกประมูลไปจากงาน Scottdale ของ Barret-Jackson ที่ราคาสูงถึง 605,000 เหรียญ
  เรื่อง: Allen ST. John เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา
คลิ๊กเพื่ออ่านฉบับเต็ม "สุดยอดซูเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกัน" ได้ที่ Forbes Thailand  ฉบับ August 2015