คเณศ สุจริตกุล : นักสกีเลือดไทยในโอลิมปิก - Forbes Thailand

คเณศ สุจริตกุล : นักสกีเลือดไทยในโอลิมปิก

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Jul 2014 | 03:14 PM
READ 1742

“สกี” คือ กีฬาแรกในชีวิตที่ คเณศ สุจริตกุล คุ้นเคยมาตั้งแต่ 2 ขวบ กระทั่งวัยรุ่น ความฝันที่จะเป็นนักสกี ลงแข่งประกาศนาม “ประเทศไทย” ให้ดังก้องในโอลิมปิก ก็ลุกโชน เขาทุ่มเทพลังกายพลังใจฝึกซ้อมอย่างหนัก จนได้เข้าแข่ง Olympic Winter Games ครั้งที่ 24 ที่เมือง Sochi ประเทศรัสเซีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ไม่ได้คว้าเหรียญใด แต่ในใจของผู้ที่เอาใจช่วย เขาได้ “เหรียญทอง”

“ตอนผมได้ qualify ผมคิดว่า เฮ้ย!! ผมได้ไปโอลิมปิกแล้ว ผมได้เป็นตัวแทนคนไทยไปแข่งแล้ว ดีใจสุดๆ ผมขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยให้ผมได้ไปถึงจุดนั้น ผมทำเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนเห็นว่า คนไทยก็เล่นสกีได้เหมือนกัน” คเณศ สุจริตกุล นักสกีดาวรุ่งชาวไทย วัย 22 ปี ย้อนเหตุการณ์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นให้ Forbes Thailand ฟัง ผ่านการสนทนาทาง Skype จากห้องพักของเขาในอังกฤษ ไม่กี่วันหลังการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่รัสเซียเสร็จสิ้น ประเทศเมืองร้อนอย่างไทย ที่ไม่มีนักสกีติดอันดับ Top 500 ของโลก การตีตั๋วไป Sochi Games ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีโควต้าให้นักกีฬาชาย 1 คน และหญิง 1 คนเท่านั้น คเณศต้องลุ้น qualify การแข่งขัน Alpine Skiing ประเภท Slalom และ Giant Slalom กับนักสกีหนุ่มไทยอีกคนที่อยู่อิตาลี และในที่สุดก็เป็นคเณศ ส่วนนักสกีหญิงทีมชาติไทย คือ Vanessa Mae Vannakorn ลูกครึ่งไทย – สิงคโปร์ นักไวโอลินชื่อดังระดับโลก เทียบกับ Vanessa Mae แล้ว คเณศ ผู้ถือธงชาติไทยลงสนามในพิธีเปิดการแข่งขัน ได้รับความสนใจจากสื่อต่างชาติน้อยมาก  สำนักข่าว Associated Press ของ สหรัฐฯ เรียกเขาว่า “Thailand's other guy” ส่วน สำนักข่าว Reuters ของอังกฤษ เรียกเขาว่า “Mae’s Thai team mate” ทว่า ผลการแข่งขันเขาดีกว่า Vanessa ผู้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับสุดท้ายของการแข่ง giant slalom ส่วน คเณศ ทำเวลารวมได้ 3.15.06 นาที เป็นอันดับที่ 65 จาก ผู้เข้าเส้นชัย 72 คน และ ผู้เข้าแข่งขัน 109 คน ห่างจากอันดับหนึ่ง 29.77 วินาที เป็นไปตามที่เขาตั้งไว้ว่า จะไม่ให้ห่างจากอันดับ 1 เกิน 30 วินาที ส่วนประเภท slalom เขาไม่จบการแข่งขัน “ผมผิดหวังนิดหน่อยกับ Slalom เพราะผมหลุดออกมาตอนแข่ง แต่ผมพอใจกับ Giant Slalom และคิดว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ในโอลิมปิกฤดูหนาว ที่คนไทยไม่ได้เข้าอันดับสุดท้าย สำหรับประเทศที่สกีแข็งแรง อย่าง ฝรั่งเศส ออสเตรีย เวลาที่ผมทำได้ถือว่าไม่ดี แต่ประเทศเล็กอย่างเรา ที่ไม่มีหิมะ ไม่มีสกี ผมว่าเวลาเท่านี้ถือว่าดี” คเณศ หรือ “กาย” กล่าวด้วยน้ำเสียงปลื้มปิติพร้อมยกถ้วยกาแฟร้อนขึ้นดื่ม คเณศเกิด เติบโต และเรียนชั้นอนุบาลในเมืองไทย แต่หัดเล่นสกีตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ เพราะทุก เทศกาล Easter และ Christmas บิดาคือ วราห์ (กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด) มักพา ภรรยาคือ รุจวรรณ (นามสกุลเดิม อรรถกระวีสุนทร) และลูกไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์หรือฝรั่งเศส ราว 2-4 สัปดาห์ต่อปี อายุได้ 9 ขวบ บิดาก็ส่งเขาไปเรียนต่อที่ Summer Fields School เมือง Oxford ประเทศอังกฤษ จากนั้นปี 2548 ก็ย้ายไปเรียนที่ Eton College มีเพื่อนนักเรียนไทยร่วมรุ่นชื่อ ณภัทร ทวีสิน บุตรชายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แล้วไปต่อระดับปริญญาตรี ด้าน Natural Sciences สาขาชีววิทยา ที่ University of Cambridge เป็นบัณฑิตใหม่หมาดไปเมื่อปีที่แล้ว แม้ร่ำเรียนในอังกฤษกว่า 10 ปี แต่ปิดเทอมเมื่อไร คเณศจะกลับมาใช้เวลากับครอบครัวที่เมืองไทยทุกครั้ง ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทิ้งกีฬาสกี เพราะเขาและครอบครัวยังคงไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์แทบทุกปี และเป็นนักกีฬาสกี ลงแข่งขันในนามทีมของ Eton College คเณศยังสนใจกีฬาต่อยมวยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เมื่อไปเรียนที่ Cambridge ก็เป็นนักกีฬาชกมวย รุ่น light weltherweight ของมหาวิทยาลัย แลกหมัดกับคู่ชกจาก University of Oxford มาแล้ว จากเล่นสกี ด้วยเหตุผลว่า เพราะเล่นมาตั้งแต่เด็ก คเณศเปลี่ยนคำตอบเป็น เพราะใจรัก เมื่ออายุ 15 ปี ครั้งลงแข่งสกีระดับนานาชาติรายการหนึ่งของฝรั่งเศส เขาฝึกมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นจริงจังมาก กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย จึงจัดสรรเวลาจากการเรียนในมหาวิทยาลัยอันดับต้นของโลก มาให้กีฬาสุดรักของเขา ราว 2-3 เดือนต่อปี โดยมีครอบครัวสนับสนุนความตั้งใจของเขาอย่างเต็มที่ ความพิเศษของ Alpine Skiing คือ เป็นกีฬาที่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็เล่นได้ แต่หากเข้มข้นถึงขั้นลงแข่งขัน ก็ต้องฝึกทักษะอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับกีฬาชนิดอื่น ถึงอย่างนั้นก็มีตัวแปรสำคัญนั่นคือหิมะ คเณศยกตัวอย่างล่าสุดใน Sochi Games ว่า อุณหภูมิวันแข่งอยู่ที่ 5-10 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าอุ่นมากสำหรับสกี ทำให้หิมะละลายและนิ่ม เมื่อแข่งหลายคน ร่องสกีจะใหญ่ขึ้น ทำให้นักกีฬาที่แข่งอันดับท้ายๆ เสียเปรียบ เวลาแข่งจึงต้องทำให้หิมะแข็งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งอุณหภูมิที่ดีที่สุดควรอยู่ที่ -5 ถึง –10 องศาเซลเซียส การเล่นสกีต้องใช้กล้ามเนื้อขาทั้งหมด รวมทั้งกล้ามเนื้อท้อง และกล้ามเนื้อหลัง ยิ่งน้ำหนักมากเท่าไรยิ่งดี เพราะช่วยเรื่องความเร็วในการสกี คนเอเชียส่วนใหญ่มีรูปร่างเล็ก เสียเปรียบคนแถบยุโรปอยู่บ้าง แต่ที่สำคัญกว่านั้น เป็นเรื่องของ “ประสบการณ์” นักสกียุโรปมักฝึกฝนตั้งแต่เด็ก และอยู่ในภูมิประเทศที่เอื้อต่อการพัฒนาความสามารถ จึงได้เปรียบนักสกีจากเอเชีย คเณศบ่มเพาะประสบการณ์การเล่นสกีที่เมือง  Val d'Isère ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ที่มี ski resort ขึ้นชื่อ และเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เขาพบกับ Stéphane Mongellaz อดีตนักสกีทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโค้ชให้เขานับแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน “ผมเป็นนักแข่งสกีที่ห่วยมาก ถ้าเทียบกับพวกฝรั่งเศส total experience ผมน้อยมาก แต่ Stéphane เห็นว่าผมเรียนรู้เร็ว และเก่งขึ้นเร็ว เขาเลยเป็นโค้ชให้ บางสัปดาห์ผมแข่งห่างกัน 3 วัน แต่ผมเร็วขึ้น 1 วินาที นั่นเขานับว่าเร็วเหมือนกัน” ทุกครั้งที่ฝึก เขาจะคิดว่าทำอะไรผิดพลาด และต้องปรับปรุงอย่างไร บางครั้งผลงานไม่ดี ทำเอาเสียใจ แต่เขาบอกว่า ”ยิ่งผมเสียใจ ผมยิ่งฝึกมากขึ้น ผมชอบผลักตัวเองให้ถึงขีดสุด” 3-4 ปีที่ผ่านมา คเณศเริ่มคิดถึงการลงแข่งสกีในนามทีมชาติไทยในโอลิมปิกฤดูหนาว แม้หนทางดูเหมือนยาวไกล แต่ใช่ว่าไม่มีโอกาส ช่วง 2 ปีสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย เขาใช้เวลาที่ Val d'Isère มากขึ้น เฉพาะปีที่แล้ว เขาอยู่ที่นั่นถึง 6 เดือน
เส้นทางความสำเร็จ
2535 เกิด
2537 เล่นสกีครั้งแรก
2544 Summer Fields School
2548 Eton College
2550  นักกีฬาสกีของ Eton
2553 University of Cambridge / ตั้งเป้าโอลิมปิก /
2555 ตัวแทน Cambridge ชกมวยกับ Oxford
2556 ทุ่มเวลาซ้อม ที่  Val d'Isère
2557 นักสกีทีมชาติไทย ลงแข่งในโอลิมปิคฤดูหนาว
เราถามถึงเม็ดเงินที่ใช้ไปกับการเล่นสกี แต่คเณศบอกว่า เขาไม่ทราบ เพราะบิดาเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ เมื่อเราประเมินแล้วไม่ต่ำกว่าเลข 7 หลัก
เมื่อเมืองไทยยังไม่มีสมาคมกีฬาสกี เขาจึงทำจดหมายไปยัง คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เพื่อขออนุมัติให้เขาสามารถส่งตัวเองลงแข่งขันเก็บคะแนน ในรายการต่างๆ ที่ Fédération Internationale de Ski รับรอง ทั้งในฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี ฯลฯ (จากการจัดอันดับของ FIS เขาติดอันดับที่ 2,795 สำหรับ giant slalom)
ในที่สุด Sochi Games ก็ปรากฏชัดเบื้องหน้า!!
“การแข่งครั้งนี้ให้ประสบการณ์ที่มีค่ากับผมมาก ผมดีใจที่สุด 2 เรื่อง คือ ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่ง และทุกคนเห็นผมเป็นนักกีฬาจริงๆ ส่วนอีกเรื่อง ผมได้เจอเพื่อนนักกีฬาจากประเทศเล็กๆ ทั้ง ติมอร์ อิสราเอล มอลต้า โมร็อคโก ไซปรัส มอนเตเนโกร ฯลฯ พวกเราสามารถไปถึงจุดนั้นได้เหมือนกัน พวกเขายังถามกันเลยว่า อีก 4 ปีข้างหน้าจะเจอกันอีกไหม”
แม้นักกีฬาสายเลือดไทย ไม่มีทางได้เหรียญจากโอลิมปิกฤดูหนาวง่ายๆ เพราะต้องแข่งกับ “สายแข็ง” อย่างสหรัฐอเมริกา และชาติอื่นในยุโรป แต่คเณศเห็นว่า หากฝึกหนักก็พอเป็นไปได้ อย่าง Skiing ที่เขาเล่าว่า มีเด็กไทยที่นอร์เวย์ทำผลงานได้ดี หากรักษาระดับต่อเนื่อง และเล่นจริงจัง ก็อาจทำผลงานได้ไปแข่งโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งหน้า หรือกีฬา Skating ที่คนไทยหลายคนสามารถเล่นได้ดี ปีนี้ คเณศบอกว่าจะขอพักรักษาอาการบาดเจ็บที่ขา ซึ่งเรื้อรังมานาน และจะกลับเมืองไทย เพื่อใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูง รวมทั้งจะยื่นใบสมัครศึกษาต่อปริญญาโทด้านชีววิทยา สาขาระบาดวิทยา ที่Imperial College London หรือไม่ก็ที่ University College London หากสำเร็จการศึกษาแล้ว อาจกลับไทยมาเป็นที่ปรึกษาด้านดังกล่าว หรืออาจเบนเข็มไปทำธุรกิจเช่นเดียวกับบิดา กีฬาอีกชนิด ที่ “กาย” อยากลอง คือ ยูโด “ผมต่อยมวยมาเยอะแล้ว แต่ยังไม่เคยลองกีฬาประเภทปล้ำ ผมอยากลองบ้าง ถ้าได้เริ่มก็จะได้ดูว่า เล่นได้มากแค่ไหน ถ้าทำได้จริงๆ ก็อาจจะลองไปโอลิมปิก” เขาบอกกลั้วหัวเราะ วันหนึ่ง คนไทยอาจรู้จักคเณศ ในบทบาทนักยูโดทีมชาติก็เป็นได้