ฉลามหนุ่มพลิกบทบาทใหม่ - Forbes Thailand

ฉลามหนุ่มพลิกบทบาทใหม่

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Jun 2017 | 02:38 PM
READ 13002

สุดยอดนักกีฬาที่ได้รับเหรียญจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคมากที่สุดด้วยวัยไม่ถึง 30 ปีและกำลังหาทางเปลี่ยนความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้ให้เป็นแบรนด์นาม Michael Phelps ครั้งนี้เขาจะสามารถสร้างตำนานได้อย่างที่ Michael Jordan เคยทำสำเร็จหรือไม่?

Michael Phelps เดินทางมาที่ New York เพื่อรับรางวัลนักกีฬาผู้ประสบความสำเร็จตลอดกาลสำหรับชัยชนะในการลงแข่งขันในกีฬาโอลิมปิคถึงห้าสมัย รางวัลดังกล่าวเป็นโอกาสอีกครั้งหนึ่งในการประกาศถึงความยิ่งใหญ่ที่ผ่านมาของตัวเขาเอง แต่สิ่งที่ Phelps ต้องการพูดถึงในขณะนี้คือเรื่องของอนาคต “ผมใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีว่ายวนอยู่แต่ในสระว่ายน้ำ แต่ตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะลงมือทำสิ่งใหม่ๆ และพร้อมที่จะนำศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองไปทุ่มเทกับบทบาทอื่น” Phelps กล่าว Phelps ในวัย 31 ปี กล่าวว่า ชีวิตช่วงที่สองของตนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยชีวิตใหม่นี้ประกอบด้วยสองส่วนหลักๆ ด้วยกัน ส่วนหนึ่งคือเขาต้องการสร้างแบรนด์สินค้าที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังไปอีกนานหลายสิบปี และอีกส่วนหนึ่งก็คือการเป็นผู้สนับสนุนระดับโลกในสิ่งที่มีความหมายมากที่สุดสำหรับตัวเขา ซึ่งก็คือการว่ายน้ำและสวัสดิภาพของเด็กๆ
Michael Phelps ในบทบาทพรีเซนเตอร์แบรนด์ดัง อาทิ Speedo, Under Armour, Omega
  เมื่อพูดถึงการสร้างแบรนด์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Phelps เป็นสุดยอดพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทผู้สนับสนุนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ Under Armour, Omega, Intel, Activision และ Beats by Dre ซึ่ง Phelps เคยมีรายได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์สูงสุดถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี อย่างไรก็ตาม Phelps ไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่การเป็นหน้าเป็นตาให้กับแบรนด์สินค้าของคนอื่นเท่านั้น ในปี 2013 เขาได้ยุติสัญญากับ Speedo ซึ่งได้ให้การสนับสนุนเขามาเป็นระยะเวลานาน และในปีต่อมา Phelps เริ่มธุรกิจชุดว่ายน้ำแบรนด์ MP โดยเป็นหุ้นส่วนกับ Aqua Sphere ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์สำหรับกีฬาว่ายน้ำ ปัจจุบัน Aqua Sphere จำหน่ายชุดว่ายน้ำแบรนด์ MP ของ Phelps ในราคาตั้งแต่ 40-475 เหรียญ “สักวันหนึ่งผมอยากจะเป็นเจ้าของแบรนด์ชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์สำหรับกีฬาว่ายน้ำที่โด่งดังที่สุดและดีที่สุด” Phelps กล่าว
MP แบรนด์ชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์ว่ายน้ำที่ Phelps ก่อตั้งร่วมกับบริษัท Aqua Sphere
  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้นแบบในการทำธุรกิจของ Phelps ก็คือ Michael Jordan ซึ่งบริษัท Nike Inc. Jordan Brand สามารถทำรายได้จากการจำหน่ายรองเท้าและเสื้อผ้าได้มากถึง 2.8 พันล้านเหรียญในปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าว่ายน้ำจะไม่ใช่กีฬาที่สามารถสร้างยอดขายให้กับสินค้าได้ดีเท่ากับกีฬาบาสเกตบอล แต่ Kevin Plank ซีอีโอของ Under Armour มองว่าความมุ่งมั่นของ Phelps ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม เขากล่าวว่า “Michael มีคุณสมบัติพิเศษ เขากัดไม่ปล่อยจนกว่าจะได้รับชัยชนะในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งเขาได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่ผ่านๆ มา ผมคิดว่าเขาเป็นราชาแห่งสายน้ำตัวจริงเสียงจริง” เป้าหมายหลักของ Phelps หลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคก็คือ มูลนิธิ ซึ่ง Phelps ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โครงการที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือ “im” (“im” มาจาก “individual medley” หรือ “เดี่ยวผสม” ซึ่งเป็นประเภทของการแข่งขันว่ายน้ำที่ Phelps ถนัดที่สุดประเภทหนึ่ง และเป็นคำย่อของ “I am”) โครงการนี้มุ่งเน้นการฝึกสอนให้เด็กๆ สามารถ “เอาตัวรอดในน้ำ” ได้ (การจมน้ำเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุบัติเหตุของเด็กอายุ 1-14 ปีในสหรัฐอเมริกาและเป็นสาเหตุอันดับสามทั่วโลก) มารดาของ Phelps ส่งเขาเข้าคอร์สการเอาตัวรอดในน้ำตั้งแต่เมื่อเขายังเป็นเด็ก และ Phelps บอกว่านี่เองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาว่ายน้ำในวันนี้
โครงการ im เพื่อสอนให้เด็กๆ ทั่วโลกเอาตัวรอดในน้ำได้ (ล่าง) Michael Phelps กับทีมงานโครงการ im
โครงการ im มีทีมงาน 104 ทีมประจำรัฐทั้ง 50 รัฐในอเมริกา และอีก 176 ทีมใน 33 ประเทศทั่วโลก โครงการนี้ได้ฝึกสอนเด็กๆ ให้ว่ายน้ำเป็นแล้วถึง 16,000 คน (โดย 3 ใน 4 ของเด็กที่เข้าร่วมโครงการเพิ่งจะเคยมีโอกาสได้ว่ายน้ำในสระว่ายน้ำเป็นครั้งแรกในชีวิต) Phelps กล่าวว่า “ผมต้องการให้จำนวนเด็กที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มเป็น 50,000 คนในอนาคตอันใกล้นี้ และจากนั้นก็ขยับเพิ่มเป็น 100,000 คน แต่จริงๆ แล้วเป้าหมายของผมก็คือทำให้เด็กทุกคนบนโลกนี้สามารถเอาตัวรอดในน้ำได้” Phelps ไม่ใช่นักกีฬาโอลิมปิคธรรมดาๆ เขาเริ่มลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเป็นครั้งแรกในปี 2000 ด้วยวัยเพียง 15 ปี และเริ่มฉายแววความเป็นนักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ในการแข่งขันโอลิมปิคที่ Athens ในปี 2004 ต่อมาเขาได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการแข่งขันโอลิมปิคที่ Beijing ในปี 2008 และชัยชนะที่มาพร้อมกับความเหนื่อยหน่ายในกีฬาโอลิมปิคที่ London ปี 2012 ซึ่งตามมาด้วยพฤติกรรมดื่มสุราอย่างหนักและโรคซึมเศร้า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ Phelps ต้องการกอบกู้ชื่อเสียงคืนมาด้วยการลงแข่งกีฬาโอลิมปิคที่ Rio ในปี 2016 โดยรวมแล้ว Phelps ได้รับเหรียญจากกีฬาโอลิมปิคทั้งหมด 28 เหรียญโดยเป็นเหรียญทองถึง 23 เหรียญด้วยกัน
Michael Phelps กับ Nicole ภรรยาของเขา และ Boomber ลูกชาย  ในสนามกอล์ฟ Hazeltine National รัฐ Minnesota เมื่อเดือนกันยายน 2016
เป็นที่ทราบกันดีว่า Phelps เคยประกาศยุติอาชีพนักว่ายน้ำเป็นครั้งแรกหลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคในปี 2012 เขากล่าวว่า “ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ในตอนนั้นผมต้องการขุดหลุมดำให้ลึกที่สุดและฝังตัวเองอยู่ตามลำพัง ไม่อยากสุงสิงกับใคร” แต่ตอนนี้ “ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ดีขึ้นมากๆ เพราะผมมี Boomber (บุตรชายวัย 8 เดือน) และ Nicole (ภรรยา) มีสิ่งอื่นๆ ให้ต้องคิดถึง ผมไม่ใช่คนตัวคนเดียวอีกต่อไป” ทุกๆ เดือน Phelps เข้าร่วมการประชุมอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่มาปรากฏตัวพร้อมกับโบกมือและส่งยิ้มเท่านั้น “ทุกวันนี้ ผมนั่งร่วมโต๊ะประชุมที่มีการอภิปรายโต้เถียงกันอย่างจริงจัง และผมก็ตั้งคำถามทุกครั้งเมื่อมีข้อสงสัย ผมมองว่านี่เป็นการเสริมแรงให้กับตัวเอง ผมอยากออกไปพบปะผู้คน ถ้าผมแยกตัวออกไปอยู่คนเดียวเหมือนที่เคยทำ ผมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น และมันไม่ใช่เรื่องดีเลย” Phelps กล่าว   เรื่อง: Monte Burke เรียบเรียง: ริศา
คลิกอ่าน "ฉลามหนุ่มพลิกบทบาทใหม่" ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ พฤษภาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine