ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร นักสร้างนวัตกรรมภาครัฐ กับเป้าหมายนำ EXIM BANK สู่องค์กรระดับ 3 แสนล้านบาท - Forbes Thailand

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร นักสร้างนวัตกรรมภาครัฐ กับเป้าหมายนำ EXIM BANK สู่องค์กรระดับ 3 แสนล้านบาท

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ธนาคารที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออก ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทยได้ปรับบทบาทครั้งใหญ่ ทำให้ EXIM BANK พลิกจากขาดทุนกว่า 1.3 พันล้านบาท กลับมามีกำไรภายใน 9 เดือน และพร้อมจะทะยานไปสู่ธนาคารที่มียอดสินเชื่อ 3 แสนล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า ด้วยมือของนักสร้างนวัตกรรมองค์กรภาครัฐ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK

ดร.รักษ์ เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2564 เป็นช่วงที่โลกเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไทย แม้จะโชคดีที่การส่งออกซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตได้ในระดับสองหลัก แต่หลังจากนี้แนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักของไทยทั้งสหรัฐฯ และยุโรป มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบไม่รุนแรง (Mild Recession) และส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คาดส่งออกไทยปี 2566 โตร้อยละ 1-2

“ปี 2566 การส่งออกของไทยอ่อนแรง คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1-2 แม้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักจะชะลอตัว แต่ไทยยังมีโอกาสจากตลาดเพื่อนเก่าที่ดีวันดีคืน” ดร.รักษ์ คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจส่งออกของไทยในปีนี้

​สำหรับตลาดเพื่อนเก่า ดร.รักษ์ หมายถึง กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง นำโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันสูง ล่าสุดปี 2565 นักท่องเที่ยวซาอุฯ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวรายได้สูงเดินทางเข้าไทยแล้ว 89,000 คน เทียบกับ 38,000 คนในปี 2562 รวมถึงตลาดเพื่อนเก่าอย่าง CLMV ซึ่งเศรษฐกิจประเทศกลุ่มนี้มีอัตราการขยายตัวถึงร้อยละ 3-6 ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ตั้งอยู่ใกล้ไทย และที่สำคัญมีความนิยมสินค้าไทยอย่างมาก

สำหรับสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น กลุ่มสินค้าฮาลาล อาหารและเครื่องดื่ม สินค้านวัตกรรม อาหารแห่งอนาคต สินค้าตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเครื่องใช้สำหรับการเดินทาง ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตตามเทรนด์ท่องเที่ยวโลก ซึ่งกลุ่มนี้เป็นฐานลูกค้าหลักที่ EXIM BANK พร้อมเคียงข้างมาโดยตลอด

ขณะเดียวกัน ดร.รักษ์ ได้รุกสร้างเกมใหม่ให้กับธุรกิจส่งออกของไทย โดยการสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกลุ่มพลังงานสะอาด ตลอดจนผลักดันให้สินค้าที่มีอัตลักษณ์ของไทยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตลาดโลก

​“เราต้องสร้างเกมใหม่ในการรุกตลาด โจทย์เดิม 30 ปีที่ผ่านมา คือการดึงเงินนอกเข้าไทย วันนี้เราต้องเปลี่ยนเกม EXIM BANK ต้องการผลักดันทุนไทยไปลงทุนต่างแดนเพื่อหาตลาดใหม่ๆ กระจายความเสี่ยงและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างภูมิภาค เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการผลิตและภาคบริการของไทย

​นอกจากนี้ เรากล้าที่จะเปลี่ยนโลก โดยเฉพาะการสร้าง Net Zero Economy โดย EXIM BANK ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพอร์ต BCG แตะระดับ 50% ของพอร์ตรวม ควบคู่ไปกับการพัฒนา Green Financial Innovation ใหม่ๆ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย EXIM BANK ในการก้าวสู่การเป็น Green Bank”

​นอกจากการผลักดันบทบาทใหม่ของ EXIM BANK ให้เป็นผู้เปลี่ยนเกมในธุรกิจส่งออกของไทยแล้ว นับตั้งแต่เข้าบริหารองค์กรแห่งนี้เมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2564 ดร.รักษ์ เข้ามาผ่าตัด ปรับเปลี่ยนและวางกลยุทธ์หลายอย่างที่ทำให้ EXIM BANK พลิกจากผลการดำเนินงานที่ติดลบกว่า 1.3 พันล้านบาท กลับมามีกำไรใน 9 เดือน โดยมีกำไรกว่า 1.5 พันล้านบาท ต่อเนื่อง 2 ปี

​“ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK

ดร.รักษ์ กล่าวว่า ได้วางกลยุทธ์ เรียกว่า “3 เติม” ในการเติบโตเคียงข้างผู้ประกอบการ เติมแรก คือ เติมความรู้ให้กับผู้ประกอบการ ทั้งเคล็ดลับวิชาการส่งออกและการประเมินความเสี่ยงอย่างครบวงจร ก่อนจะนำไปสู่การวางแผนรบ จากนั้นเติมโอกาสให้ผู้ประกอบการด้วยการจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าในต่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานผู้แทนและพันธมิตรของ EXIM BANK ช่วยคัดกรองคู่ค้าตัวจริง ปัจจุบัน EXIM BANK มีสำนักงานผู้แทนครบทั้ง 4 ประเทศใน CLMV สุดท้าย คือ เติมเงิน โดยการสนับสนุนทางการเงินด้วยสินเชื่อที่หลากหลายเหมาะกับผู้ประกอบการแต่ละกลุ่ม

​“ที่ EXIM BANK เราคุยเรื่องเงินเป็นเรื่องสุดท้าย เพราะถ้ามีเงินแล้วขายไม่ได้ ก็ไม่มีความหมาย” นี่คือ 3 กลยุทธ์ที่ถือเป็นอาวุธลับของ EXIM BANK ที่ช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดในเวทีโลก ท่ามกลางปัจจัยท้าทายทั้งในและต่างประเทศ

​นอกจากนี้ EXIM BANK ยังเป็นธนาคารที่เข้าไปซ่อม สร้าง เสริม สานพลัง การพัฒนาประเทศไทย ในช่วงวิกฤต อาทิ EXIM BANK เป็นธนาคารที่เข้าไปช่วยเหลือสายการบินเพื่อให้สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานในช่วงที่ต้องหยุดกิจการเนื่องจากโควิด-19 เข้าไปเติมทุนต่อชีวิตสวนสัตว์ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การให้สินเชื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบนิเวศ เสริมด้วยองค์ความรู้และโอกาสทางธุรกิจจากหน่วยงานพันธมิตร เช่น สถาบันการศึกษา ธนาคารของรัฐ ผ่านการสานพลังเพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs นักรบเศรษฐกิจตัวเล็ก

​ชูแนวคิด 3P สู่องค์กรชั้นนำของประเทศ

แน่นอนว่า กลยุทธ์ต่างๆ ข้างต้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ให้ความสำคัญกับคนในองค์กร ดร.รักษ์ บริหารองค์กรแห่งนี้ผ่านกลยุทธ์ 3P ได้แก่ People (แคร์คน) Planet (แคร์โลก) และ Productivity (แคร์ประสิทธิภาพ) ซึ่งในที่สุดจะเกิดเป็น P ที่ 4 คือ Profit ที่ทำให้ธุรกิจดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน

ดร.รักษ์ กล่าวว่า สิ่งแรกที่ทำเมื่อเข้ามาทำงานที่องค์กรแห่งนี้ คือ ทุบเครื่องตอกบัตรทิ้ง เหลือเพียงระบบสแกนเข้า-ออกเพื่อความปลอดภัย ความหมายของการทำเช่นนี้ คือจะไม่เอาเวลาเป็นที่ตั้ง เพื่อให้พนักงานสามารถบริหารจัดการชีวิตของตัวเองได้อย่างสมดุล แต่ต้องให้ความสำคัญกับผลงานเป็นหลัก

​“แม้เราจะ Work from Home ในสัดส่วน 50% แต่ Performance เรากลับดีขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น” เมื่อผลประกอบการดีขึ้น ดร.รักษ์ จึงตอบแทนพนักงานด้วยการดูแลโครงสร้างเงินเดือนให้สอดคล้องและใกล้เคียงกับเทียบเท่ากับอุตสาหกรรมมากที่สุด รวมทั้งดูแลเรื่องสวัสดิการให้มีความยืดหยุ่นตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานแต่ละคน เช่น เงินสวัสดิการที่เปลี่ยนไปมอบให้พ่อแม่ หรือเปลี่ยนวันหยุดเป็นเงินตอบแทน สำหรับจ่ายค่าฟิตเนส ตัดแว่น เพื่อดูแลสุขภาพพนักงาน

​Planet การดูแลโลก ทำให้พนักงานเห็นว่าการช่วยโลกด้วยการประหยัดพลังงาน สร้างมลภาวะและขยะให้น้อยที่สุด จะทำให้โลกดีขึ้นได้อย่างไร พร้อมทั้งการดูแลสังคมและชุมชนให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน รวมไปถึงการสร้าง Productivity เมื่อชีวิตดี สภาพแวดล้อมดี สังคมที่ดี ทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

“ช่วง 2 ปีแรก ผมพลิกธุรกิจจากขาดทุนมาเป็นกำไร สร้าง Wealth ให้องค์กรและพนักงาน ช่วง 2 ปีที่เหลือ ผมจะผ่าตัดองค์กร เพื่อสร้างระบบที่เรียกว่า Autopilot ขับเคลื่อนองค์กร แม้วันที่ไม่มี ดร.รักษ์ แล้ว องค์กรก็ยังอยู่ได้ องค์กรที่ดีที่สุดคือองค์กรที่จำชื่อเบอร์ 1 ไม่ได้ โดยสิ่งแรกที่จะทำ คือ การเปลี่ยน Mindset ของคน สร้าง DNA ของคน EXIM BANK ให้คิดอย่างคนกล้า และบ้าอย่างคนเก่ง”

​ดร.รักษ์ ชูแนวคิด “คิดอย่างคนกล้า และบ้าอย่างคนเก่ง” เพื่อกระตุ้นให้คนกล้าทำงานใหญ่ ซึ่งงานใหญ่ของ EXIM BANK ที่รออยู่ คือ การเพิ่มยอดสินเชื่อให้ถึงระดับ 3 แสนล้านบาทภายในปี 2570 จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.68 แสนล้านบาท ซึ่งต้องอาศัยความกล้าของพนักงานในการเปลี่ยนตัวเองเพื่อนำพา EXIM BANK ไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายในอนาคต

​“ผมอยากเห็น EXIM BANK เป็นธนาคารเล็กๆ ที่มีพนักงานไม่ถึง 1,000 คนทำงาน แต่เป็นมนุษย์ทองคำที่อยู่อย่างมีความสุข ทั้งในการทำงานและยามเกษียณ ดังนั้น พนักงานต้องกล้าที่จะฝัน ซึ่งผมทำให้เห็นแล้วว่าถ้าเรามีความกล้า เราเปลี่ยนจากองค์กรที่มียอดสินเชื่อแค่หลักหมื่นล้านบาทมาเป็นเวลานาน ให้ขยับเป็น 1.68 แสนล้านบาทได้ในปัจจุบัน และต้องมีความบ้า บ้าที่จะทำงาน ในมุมมองของคนเก่ง เพื่อให้ความกล้านั้นประสบความสำเร็จให้ได้”

และนี่คือเป้าหมายที่ท้าทายในช่วง 2 ปีที่เหลือของ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร หมอผ่าตัด ผู้สร้างนวัตกรรมองค์กรภาครัฐ กับการสร้างปาฏิหาริย์ ครั้งแล้วครั้งเล่าให้กับ EXIM BANK และสังคมรอบข้าง