ME by TMB ปลดล็อกสร้างบริการใหม่ ME MOVE ให้ลูกค้าใช้เป็นช่องทางโอนเงินไปบัญชีใดก็ได้ จากเดิมที่บัญชี ME จะสามารถโอนเงินไปยังบัญชีที่ผูกไว้เท่านั้น พร้อมต่อยอดทำธุรกรรมจ่ายบิล-จ่ายออนไลน์ได้ หวังธปท.รองรับระบบ e-KYC ภายในสิ้นปีนี้
มิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบี และ ME by TMB เปิดเผยว่า ปีนี้ย่างเข้าปีที่ 7 หลังจาก ME by TMB เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2554 ด้วยคอนเซปท์ Digital Banking ที่ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกรรมต่างๆ ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องไปที่สาขาและให้ดอกเบี้ยสูงสุด 1.7% หรือ 4.5 เท่าของบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยไม่จำกัดยอดเงินฝากขั้นต่ำหรือระยะเวลาการฝาก
ปัจจุบัน ME by TMB มีบัญชีลูกค้าทั้งหมด 3.3 แสนบัญชี เป้าหมายจนถึงสิ้นปีหวังว่าจะมีลูกค้าสะสม 3.6 แสนบัญชี เติบโตขึ้น 20% จากปีก่อน ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี ME by TMB มีลูกค้าเปิดบัญชีใหม่แล้ว 2.9 หมื่นราย คิดเป็น 48% ของเป้าหมายปีนี้
โดยปีนี้ ME by TMB ได้ออกบริการใหม่เพิ่มเติมเพื่อความสะดวกของลูกค้า ภายใต้ระบบบัญชีคู่คือ ME SAVE กับ ME MOVEบัญชีคู่โอนสะดวกขึ้นเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ME by TMB กล่าวต่อว่า สำหรับ ME SAVE คือบัญชี ME by TMB เดิมซึ่งยังคงให้ดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ปกติ 4.5 เท่า แต่จากพฤติกรรมลูกค้าที่ต้องการเบิกจ่ายเงินได้ทันทีโดยที่ยังได้ดอกเบี้ยสูงเหมือนเดิม แต่การใช้งาน ME by TMB เดิมนั้นจะโอนไปได้เฉพาะบัญชีที่มีการผูกไว้ซึ่งต้องเป็นชื่อเดียวกับเจ้าของบัญชี ME by TMB เท่านั้น
ธนาคารจึงแก้ปัญหาโดยแยกบัญชี ME MOVE ออกมาเป็นบริการเสริม เพื่อเป็นจุดพักเงินสำหรับใช้จ่ายประจำวัน ขณะนี้เฟสแรก ME MOVE จะสามารถโอนเงินไปได้ทั้งบัญชีธนาคารเดียวกันและต่างธนาคาร ยอดเงินไม่เกิน 5 แสนบาท/ครั้ง/วัน โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ลูกค้าจึงสามารถโอนเงินในบัญชี ME by TMB ได้สะดวกขึ้น
เบญจรงค์กล่าวว่า ลูกค้าสามารถโอนเงินจากบัญชี ME SAVE ออกมาใช้จ่ายได้ที่ ME MOVE โดยธนาคารได้เพิ่มเทคโนโลยีที่เรียกว่า Balance Sweep เข้าไปในบัญชีคู่นี้ด้วย เพื่อให้ลูกค้ายังคงได้รับดอกเบี้ยสูงสุด
Balance Sweep จะอนุญาตให้เจ้าของบัญชีกำหนดลิมิตจำนวนเงินที่สามารถพักไว้ในบัญชี ME MOVE เมื่อใดที่มีเงินเกินกำหนดใน ME MOVE เงินส่วนเกินจะถูกโอนไปเก็บในบัญชี ME SAVE ซึ่งได้รับดอกเบี้ยสูงอัตโนมัติ และลูกค้าสามารถกำหนดให้ Balance Sweep ทำงานเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนได้
“บริการนี้คือการแบ่ง ME by TMB ออกเป็นบัญชีเพื่อใช้จ่าย กับ บัญชีเพื่อการออม และ Balance Sweep จะทำให้กองเงินที่เผื่อไว้ใช้จ่ายหดเล็กลง ทำให้การออมเงินไม่อยู่ผิดที่” เบญจรงค์กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้า ME by TMB จะสามารถสมัคร ME MOVE ได้ทันที ส่วนลูกค้าใหม่จะต้องสมัครบัญชีออมเงินแบบ ME SAVE ก่อนจึงจะสมัคร ME MOVE เพิ่มเติมเป็นบัญชีคู่ได้
เป็นแอพฯ ทำธุรกรรมเต็มรูปแบบในสิ้นปี
เบญจรงค์เปิดเผยว่า สำหรับเฟสสองและสามของ ME MOVE นั้น ภายในไตรมาส 3 ปีนี้จะปลดล็อกให้แอพพลิเคชั่นบนมือถือของ ME สามารถใช้ชำระบิลและโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ได้ และไตรมาส 4 ของปี จะสามารถเป็น Virtual Card สามารถชำระเงินบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายมีผู้สมัครบัญชี ME MOVE 4 หมื่นบัญชี (นับรวมทั้งลูกค้าเก่าและใหม่) ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนสมัครมาแล้ว 9,000 บัญชี
รอ e-KYC ได้ไฟเขียวเพื่อเป็น Digital Banking ไร้สาขาอย่างแท้จริง
เบญจรงค์กล่าวต่อว่า ภารกิจการเป็น Digital Banking ไร้สาขาของ ME by TMB ยังเหลือจุดที่ยังจำเป็นต้องมีสาขาคือขั้นตอนการเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งลูกค้ายังต้องยืนยันตัวตน ณ สาขาธนาคาร โดย ME by TMB มีเพียงสาขาเดียวคือสาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (แต่ธนาคารทีเอ็มบีสาขาต่างๆ สามารถรองรับช่วยยืนยันตัวตนให้กับผู้เปิดบัญชี ME by TMB ได้)
การจะเป็น Digital Banking เต็มตัวยังต้องรอการอนุมัติของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รองรับเทคโนโลยี e-KYC เสียก่อน จึงจะสามารถสมัครเปิดบัญชีธนาคารผ่านระบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องมีสาขาใดๆ ซึ่งเบญจรงค์กล่าวว่า น่าจะมีความคืบหน้าภายในปีนี้ โดยปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างทดสอบใน Regulatory Sandbox
e-KYC (Electronic Know Your Customer) คือการใช้เทคโนโลยี Facial Recognition และ NFC บนโทรศัพท์มือถือมาช่วยในการเปิดบัญชี โดยการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนว่าตรงกับในบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตที่กรอกเลขลงทะเบียน จึงไม่จำเป็นต้องไปที่สาขาเพื่อรับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร
Forbes Facts
การไม่มีสาขาสำคัญต่อ ME by TMB มาก เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินการสาขาธนาคารที่ลดลงทำให้สามารถจ่ายดอกเบี้ยออมทรัพย์ได้สูงกว่าธนาคารอื่น
สำหรับบัญชี ME MOVE เงินที่เก็บไว้ในบัญชีจะไม่ได้รับดอกเบี้ยใดๆ