แบรนด์ “เจ้าสัว” หรือ CHAO เตรียมเสนอขาย IPO ใน SET เผย ก.ล.ต. นับหนึ่ง Filing แล้ว

แบรนด์ “เจ้าสัว” หรือ CHAO เตรียมเสนอขาย IPO ใน SET เผย ก.ล.ต. นับหนึ่ง Filing แล้ว

บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี หรือ CHAO เจ้าของแบรนด์ขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ที่หลายคนคุ้นเคย เตรียมเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 87.7 ล้านหุ้น เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ล่าสุดทาง สำนักงาน ก.ล.ต. นับหนึ่ง Filing แล้ว


*วันที่ 28 มิ.ย. 67 CHAO เปิดเผยราคา IPO ที่ 11.80 บาทต่อหุ้น เปิดจอง 1 - 3 ก.ค. 67 นี้


    ทั้งนี้ CHAO ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่ง Filing แล้ว โดยมีรายละเอียด ได้แก่

    - บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 87.7 ล้านหุ้น

    - มูลค่าที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 29.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ

    - มีแผนนำเงินจากการระดมทุน ส่วนหนึ่งใช้พัฒนาระบบอัตโนมัติและการปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ ขยายกำลังการผลิต การก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 การลงทุนเพื่อการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงระบบความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ และใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้แก่สถาบันการเงิน

    นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรีจำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และแบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome)” ทั้งนี้ข้อมูลจาก Frost & Sullivan ในปี 2565 พบว่าทางบริษัทฯ เป็นผู้นำในตลาดข้าวตัง และตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู (Pork Snack) โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 78.5% และ 57.2% ตามลำดับ

    ทั้งนี้ มองว่าทางบริษัทมีจุดแข็ง 7 ด้าน ได้แก่

    1) การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย

    2) แบรนด์ “เจ้าสัว” ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมสูง

    3) มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ช่องทางกลุ่มร้านค้าปลีกและค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Trade) มีจำนวนกว่า 23,000 แห่งทั่วไทยโดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึง 26.2% ระหว่างปี 2563-2566

    4) เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู ซึ่งรวมถึงหมูแท่ง ยอดขายในช่วงปี 2564-2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 35.3%

    5) สามารถทำกำไรที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม

    6) การบริหารสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    7) ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ก.ล.ต. ประกาศปรับ 3 หลักเกณฑ์ ICO governance เพื่อผู้ถือโทเคนดิจิทัล เริ่มบังคับใช้ 16 เม.ย. นี้

​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine