บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะกลยุทธ์ ลงทุน LTF - RMF ช่วงโค้งสุดท้ายปี 2561 - Forbes Thailand

บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะกลยุทธ์ ลงทุน LTF - RMF ช่วงโค้งสุดท้ายปี 2561

PR / PR NEWS
20 Dec 2018 | 04:08 PM
READ 4799

เล็งรัฐบาลให้สิทธิประโยชน์ ลงทุน LTF ถึงปี 2562 เป็นปีสุดท้าย มองตลาดหุ้นไทยปลายปีไม่หวือหวา รอลุ้นปัจจัยบวกหลังการเลือกตั้งปีหน้า

ณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่า ยังคงแนะนำให้ลงทุนต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในส่วนของกองทุน LTF ที่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ลงทุน เพราะมีความน่าจะเป็นสูงที่รัฐบาลจะให้สิทธิประโยชน์จากการลงทุนในกองทุน LTF ถึงเพียงปี 2562 และมองว่าช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีกองทุน LTF อยู่ในพอร์ต เมื่อเทียบต้นปีราคาจากตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลงมา 8% ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจเข้า ลงทุน LTF แม้ว่าในปัจจุบันสภาพตลาดยังมีความผันผวนอยู่

สำหรับในระยะสั้นจนถึงสิ้นปีนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ อยู่ที่ประมาณ 1,600 – 1,650 จุด โดยมองว่าตลาดในปีนี้จนถึงปลายปียังคงไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก

ปัจจัยหลักๆ ที่มีผลกระทบต่อตลาดเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ สงครามการค้า และการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ซึ่งอาจยืดเยื้อถึงช่วงต้นปีหน้า แต่ปัจจัยภายในประเทศไม่มีสิ่งใดที่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม มองว่าหลังจากมีการเลือกตั้งในปี 2562 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจต่าง เกิดความคืบหน้าซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดภายในประเทศ   

ณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด
ณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด

โดยบลจ.ไทยพาณิชย์มีกองทุนเด่นที่แนะนำ คือ กองทุน LTF แนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ซีเล็คท์ (SCBLTSE) มีนโยบายบริหารกองทุนแบบเชิงรุก (Active) ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดที่สม่ำเสมอ โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชื่อมั่นสูง ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ กลางและเล็ก  ประมาณ30 - 50 ตัว เน้นในหุ้น Growth เป็นหลัก

และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) ซึ่งมีนโยบายบริหารกองทุนแบบเชิงรุก (Active) เน้นโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างมีเสถียรภาพ โดยเลือกลงทุนแบบผสมผสาน ระหว่างหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงกับหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชื่อมั่นสูง ประมาณ 60 - 80 ตัว เน้นหุ้น Value เป็นหลัก

ส่วนกองทุนรวม RMF แนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRM4) มีนโยบายลงทุนแบบเชิงรุก (Active) โดยใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณผ่าน Machine Learning  เพื่อคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนประมาณ 60 - 80 ตัว และสามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุน และเลือกพิจารณาปัจจัยการลงทุนที่มีผลต่อการสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดตามสภาวะตลาดในแต่ละขณะ

และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Population  Trend  เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMPOP) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Fidelity Global Demographics  Funds ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทั้งการเพิ่มจำนวนประชากร การขยายตัวของชนชั้นกลางและสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเทรนด์ในระยะยาว ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นไปอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปีข้างหน้า เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาว ในขณะที่มีความผันผวนต่ำกว่ามาตรฐานการลงทุนในหุ้นโดยทั่วไป

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน LTF และ RMF ก่อนตัดสินใจลงทุน