เล็งรัฐบาลให้สิทธิประโยชน์ ลงทุน LTF ถึงปี 2562 เป็นปีสุดท้าย มองตลาดหุ้นไทยปลายปีไม่หวือหวา รอลุ้นปัจจัยบวกหลังการเลือกตั้งปีหน้า
ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่า ยังคงแนะนำให้ลงทุนต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในส่วนของกองทุน LTF ที่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ลงทุน เพราะมีความน่าจะเป็นสูงที่รัฐบาลจะให้สิทธิประโยชน์จากการลงทุนในกองทุน LTF ถึงเพียงปี 2562 และมองว่าช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีกองทุน LTF อยู่ในพอร์ต เมื่อเทียบต้นปีราคาจากตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลงมา 8% ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจเข้า ลงทุน LTF แม้ว่าในปัจจุบันสภาพตลาดยังมีความผันผวนอยู่
สำหรับในระยะสั้นจนถึงสิ้นปีนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ อยู่ที่ประมาณ 1,600 – 1,650 จุด โดยมองว่าตลาดในปีนี้จนถึงปลายปียังคงไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก
ปัจจัยหลักๆ ที่มีผลกระทบต่อตลาดเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ สงครามการค้า และการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ซึ่งอาจยืดเยื้อถึงช่วงต้นปีหน้า แต่ปัจจัยภายในประเทศไม่มีสิ่งใดที่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม มองว่าหลังจากมีการเลือกตั้งในปี 2562 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจต่าง ๆ เกิดความคืบหน้าซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดภายในประเทศ
โดยบลจ.ไทยพาณิชย์มีกองทุนเด่นที่แนะนำ คือ กองทุน LTF แนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ซีเล็คท์ (SCBLTSE) มีนโยบายบริหารกองทุนแบบเชิงรุก (Active) ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดที่สม่ำเสมอ โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชื่อมั่นสูง ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ กลางและเล็ก ประมาณ30 - 50 ตัว เน้นในหุ้น Growth เป็นหลัก
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) ซึ่งมีนโยบายบริหารกองทุนแบบเชิงรุก (Active) เน้นโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างมีเสถียรภาพ โดยเลือกลงทุนแบบผสมผสาน ระหว่างหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงกับหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชื่อมั่นสูง ประมาณ 60 - 80 ตัว เน้นหุ้น Value เป็นหลัก
ส่วนกองทุนรวม RMF แนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRM4) มีนโยบายลงทุนแบบเชิงรุก (Active) โดยใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณผ่าน Machine Learning เพื่อคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนประมาณ 60 - 80 ตัว และสามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุน และเลือกพิจารณาปัจจัยการลงทุนที่มีผลต่อการสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดตามสภาวะตลาดในแต่ละขณะ
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Population Trend เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMPOP) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Fidelity Global Demographics Funds ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทั้งการเพิ่มจำนวนประชากร การขยายตัวของชนชั้นกลางและสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเทรนด์ในระยะยาว ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นไปอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปีข้างหน้า เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาว ในขณะที่มีความผันผวนต่ำกว่ามาตรฐานการลงทุนในหุ้นโดยทั่วไป
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน LTF และ RMF ก่อนตัดสินใจลงทุน