ความมุ่งมั่นสร้างธุรกิจผสานประสบการณ์นับทศวรรษ กลายเป็นเชื้อเพลิงเติมพลังให้ลุกโชนสู่ผู้นำธุรกิจนำเข้าและออกแบบระบบดับเพลิงครบวงจรของประเทศ พร้อมขยายอาณาจักรพันล้านรุกกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยตามกฎหมาย
เหตุเพลิงไหม้ในโรงงานหรืออาคารสูงที่ทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่นับครั้งไม่ถัวน เพราะ “โจรปล้นสิบครั้งไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว” ยิ่งตอกย้ำถึงภารกิจสำคัญในการดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ระบบดับเพลิงครบวงจร บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ดับเพลิง และงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิง ด้วยความภาคภูมิใจในผลงานร่วมสร้างความปลอดภัยให้กับอาคารระฟ้าเกินกว่าครึ่งทั่วมหานครในช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา
จากความตั้งใจในวัยเด็กที่เติบโตพร้อมกับกิจการร้านขายของชำของครอบครัว ควบคู่กับการเป็นเกษตรกรไร่อ้อยส่งโรงงานน้ำตาลที่สุพรรณบุรี ทำให้ ทักษิณ ตันติไพจิตร ตัดสินใจเลือกศึกษาปริญญาตรี ด้านวิศวกรรมเครื่องกล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเริ่มต้นทำงานวิศวกรฝ่ายบริการ บริษัท จาร์ดีนแมธทีสัน (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านงานบริการ และติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะเบนเข็มเส้นทางสู่วิศวกรขายเครื่องสูบน้ำดับเพลิงของ บริษัท ดีทแฮล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งระหว่างทางได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจึงร่วมทุนกับบริษัท หาญเอ็นยิเนียริ่ง จำกัด เริ่มธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจรในวัย 27 ปี
“เราเห็นโรงงานน้ำตาลมีกิจการใหญ่โตและเครื่องจักรกลต่างๆ จึงสนใจเลือกเรียนวิศวกรรมเครื่องกล หลังจากเรียนจบจึงไปทำงานเกี่ยวกับติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาประมาณ 3 ปี ซึ่งเรามีพื้นฐานด้านการขายจากครอบครัวที่ทำการค้า เราจึงย้ายไปทำงานเซลส์ขายเครื่องสูบน้ำดับเพลิงประมาณ 2 ปี และก็ลุยออกมาเป็นเถ้าแก่กับเพื่อน พอครบ 10 ปีก็ออกมาทำของตัวเอง” ทักษิณเล่าถึงการเริ่มต้นก่อตั้ง บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ในปี 2542 พร้อมนั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการในปัจจุบัน
จุดชนวนไฟร์เทรด
ประสบการณ์และชื่อเสียงที่สั่งสมจากการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกธุรกิจตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงแบรนด์ต่างประเทศนับสิบปี กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งให้ทักษิณสามารถเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้อย่างมั่นใจ โดยในช่วงแรกได้เริ่มจากการเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจร (Fire Protection Equipment) กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบดับเพลิงอัตโนมัติชนิดต่างๆ (Fire Suppression System) เช่น ระบบดับเพลิงด้วยน้ำ โฟมดับเพลิง ก๊าซ และสารสะอาดดับเพลิง เป็นต้น รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System) ทั้งระบบสัญญาณตรวจจับควัน ความร้อน และระบบสัญญาณเตือนภัย เป็นต้น
นอกจากนั้น บริษัทยังขยายสายงานให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติและระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้สำหรับโครงการ และบริการตรวจสอบ ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ดับเพลิง รวมถึงระบบที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิงให้พร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น อาคารคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล ห้องคอมพิวเตอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ สถานีไฟฟ้าแรงสูง โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม โดยจัดตั้ง บริษัท ไฟร์อินสเป็คเตอร์ จำกัด เป็นบริษัทย่อยนำเข้าและจำหน่ายระบบดับเพลิงอัตโนมัติ รวมถึงการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับระบบดับเพลิงเฉพาะแบรนด์ JANUS, FFE และ FIKE
สำหรับตัวอย่างโครงการที่บริษัทได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้จำหน่าย หรือให้บริการรับเหมาติดตั้งระบบดับเพลิง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน โรงงานผลิตส่วนประกอบรถยนต์ฮอนด้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โรงไฟฟ้า NPS ในเครือบริษัท ดับเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
ทั้งนี้ สินค้าของบริษัทที่มีความหลากหลายมากกว่า 9,000 รายการ รวมจำนวนมากกว่า 30 แบรนด์ โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและประเทศกลุ่มยุโรป เช่น NIBCO, Dixon Powhatan, TYCO, Grinnel, SPP Pumps, LPG, Securiton, Fogtec และ Pyrochem ต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายข้อบังคับต่างๆ และให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าต่างๆ ที่บริษัทเป็นผู้จำหน่าย
ก้าวสู่ผู้นำดับเพลิงพันล้าน
“ย้อนหลังไปเร็วๆ นี้มีไฟไหม้ศูนย์การค้า โรงงานหรือคลังสินค้าต่างๆ เสียหายหลายร้อยล้านบาท ถ้าลองค้นเรื่องเหล่านี้จะพบว่ามีเหตุไฟไหม้ธุรกิจหรือโรงงานขนาดใหญ่เกือบทุกเดือน เราเห็นว่ากลุ่มอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการอุปกรณ์ดับเพลิงยังเพิ่มขึ้นตลอดเวลา รวมทั้งอาคารเก่าที่การออกแบบยังไม่ปลอดภัยเพียงพอ”
ผู้ก่อตั้งธุรกิจวัย 55 ปี กล่าวถึงโอกาสที่เล็งเห็นในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศจากกฎหมายผลักดันระบบดับเพลิงทั้งโรงงานใหม่และโรงงานเก่าที่ต้องการปรับปรุงระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัยให้มีมาตรฐานเพิ่มมากขึ้น เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคารปี พ.ศ.2522 กฎกระทรวงฉบับที่ 33 ปี พ.ศ.2535 ว่าด้วยการกำหนดโครงสร้างและอุปกรณ์อันเป็นส่วนประกอบของอาคารสูงและอาคารใหญ่พิเศษ และกฎกระทรวงฉบับที่ 39 ปี พ.ศ.2537 ว่าด้วยการกำหนดแบบวิธีการเกี่ยวกับการติดตั้งระบบการป้องกันอัคคีภัย ระบบแสงสว่างและการระบายอากาศเพื่อควบคุมการสร้างอาคารสูงให้มีความปลอดภัยต่อการเกิดอัคคีภัย
การเติบโตในอาณาจักรของทักษิณได้รับการเสริมทัพให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยชื่อย่อ FTE ช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2560 เพื่อยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงาน มาตรฐานทางบัญชี การควบคุมกิจการที่ดี คุณภาพและการให้บริการตามหลักเกณฑ์การจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพนักงานสนใจร่วมงานกับบริษัทมากขึ้น
นอกจากนั้น บริษัทยังสามารถระดมทุนเดินหน้าแผนดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าเงินลงทุนประมาณ 190 ล้านบาท บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ในโซนตะวันออก โดยสามารถนำเข้าและขนส่งมายังประเทศไทยผ่านท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารการจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิมที่เคยเช่าพื้นที่คลังสินค้า ซึ่งมีข้อจำกัดในการบริหารจัดเก็บ เพราะคลังสินค้ามีหลายอาคารและไม่ต่อเนื่องกัน
“เรายังวางแผนสร้างไลน์ประกอบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้เป็นกอบเป็นกำขึ้น จากเดิมที่เป็น 1 ใน 2 ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศของ SPP เราเล็งเห็นโอกาสขยายธุรกิจ เพราะเครื่องสูบน้ำดับเพลิงเหมือนสิ่งจำเป็น มันขายได้มาก เหมือนตึกนี้มีระบบดับเพลิง ยังไงก็ต้องมีเครื่องสูบน้ำดับเพลิง ทุกตึกมีเครื่องสูบน้ำดับเพลิงหมด ส่วนอื่นๆบางอย่างยังสามารถหาทดแทนได้”
ขณะที่บริษัทยังมีแผนการขยายธุรกิจผ่านรูปแบบการเปิดสำนักงานขายและบริการไปยังภูมิภาคต่างๆ ภายในประเทศ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และระยอง โดยเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งมีความต้องการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง ระบบดับเพลิง และระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้
“ในประเทศไทยมีผู้เล่นรายเล็กหรือรายกลางพอสมควร ปัจจุบันมูลค่าตลาดประมาณ 5 - 6 พันล้านบาท FTE มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1 พันล้านบาท หรือ 20% เราเป็นเบอร์ 1 ตลอดตั้งแต่ทำธุรกิจ และเติบโตเฉลี่ย 10% ทุกปี ส่วนใหญ่ยังมาจากงานขาย 65% งานรับจ้างออกแบบติดตั้งให้โครงการที่ 35% ปีนี้เราต้องการเพิ่มสัดส่วนงานโครงการเป็น 40%” ทักษิณกล่าวถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่จำนวน 1.02 พันล้านบาทในปี 2561 แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 653.89 ล้านบาท รายได้จากงานโครงการและการให้บริการ 364.47 ล้านบาท
“เรายังต้องการรักษาการเติบโต 10% และคงความเป็นเบอร์ 1 ผู้นำในตลาดดับเพลิง ส่วนการไปอาเซียนอาจจะอีก 5-10 ปี เพราะเขายังไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ ถ้าเข้าไปอาจต้องแข่งกับสินค้าจีน เราเน้นคุณภาพมากกว่าแข่งขันด้านราคา ซึ่งปัจจุบันเราเข้าไปยังกัมพูชา เมียนมา ลาวผ่านลูกค้าเดิมที่เป็นผู้รับเหมางานและลงทุนในประเทศเหล่านั้น”
อ่านเพิ่มเติม ภาพ : กิตติเดช เจริญพรคลิกอ่านเรื่องราวฉบับเต็มของ “ทักษิณ ตันติไพจิตร FTE คว้าโอกาสในเปลวไฟ” ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine
