สะสมและเจียระไน หลักบริหารความมั่งคั่งในสไตล์เฉพาะตัวของ ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล กับการสร้างโอกาสใหม่ และสร้างมูลค่าสินทรัพย์ให้สวยงามตามดีไซน์
การส่งต่อธุรกิจครอบครัว (Family Business) จาก “รุ่นสู่รุ่น” บางครั้งก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป หลายครอบครัวมีบทเรียนให้เห็นว่าการส่งช่วงต่อต้องเจอกับความท้าทายอย่างมากกว่าจะก้าวข้ามปัญหาทุกอย่างไปสู่ความสำเร็จได้ ในส่วนของการส่งต่อความมั่งคั่งจาก “รุ่นสู่รุ่น” ก็เช่นกัน แม้จะมีทฤษฎีด้านการเงินและลงทุนที่ใช้กันทั่วโลก แต่ “หลักคิดและการบริหาร” ที่มีความแตกต่างและสไตล์เฉพาะตัวในแบบ ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร แพทโก้ กรุ๊ป ก็สามารถแสดงฝีมือพิสูจน์ความสามารถนำธุรกิจสู่ ความมั่งคั่งได้สวยงามไม่แพ้กัน
ครอบครัว “สุขะมงคล” ดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ธุรกิจอาหารสัตว์ Patco Agro ธุรกิจพลังงาน Patco Power และอสังหาริมทรัพย์ Patco Property ซึ่งพี่น้องทุกคนรวมถึง ดร.สืบวงษ์ ทายาทคนโตมีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจและสร้างความมั่งคั่งในทรัพย์สินของตระกูลร่วมกันทั้งหมด
ด้วยการบริหารที่ยึดหลักสร้างความมั่งคั่ง หรือ Wealth Creation 3 ด้าน ประกอบด้วยหลักการที่ว่าด้วยความสามารถในการหารายได้ การลงทุน (I) และการออม (S) โดยทั้ง 3 ด้านจะมีความสอดคล้องกัน แต่สัดส่วนแตกต่างกันออกไปตามสไตล์เฉพาะตัว
“ก่อนการใช้จ่ายหรือเก็บออมต้องดูที่ขีดความสามารถในการหารายได้ก่อนว่าเป็นเท่าใด จากนั้นมาเริ่มที่ตัว I หรือ Invest โดยจะจัดสรรเงินเพื่อการลงทุนสัดส่วนสูงถึง 50% ของรายได้ ซึ่งเป็นการลงทุนในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการลงทุนในกองทุนรวม ตามมาด้วย S หรือ Saving คือต้องเก็บออมให้ได้สัดส่วนอย่างน้อย 25% ของรายได้ และส่วนที่เหลืออีก 25% ถึงจะเป็นส่วนของการใช้จ่ายทั้งของตัวเองและครอบครัว” ดร.สืบวงษ์กล่าวถึงสูตรการจัดสรรเงินที่นำไปสู่การเพิ่มพูนความมั่งคั่ง โดยส่วนหนึ่งยังเก็บเป็นทุนสำหรับใช้ต่อยอดในอนาคต
สะสมและเจียระไนแบบดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล
ด้านการบริหารความมั่งคั่ง พอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของธุรกิจครอบครัวนั้นเกิดจาก 2 แนวคิดหลัก ได้แก่ “การสะสม” และ “การเจียระไน” โดยเริ่มต้นบริหารความมั่งคั่งด้วยการสะสมตั้งแต่รุ่นบิดา (สุทิน) และมารดา (วิจิตรา) โดยเฉพาะมารดา ซึ่งซื้อที่ดินสะสมมาเป็นเวลาหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน
สำหรับวิธีขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์มีทั้งการซื้อสะสมและการนำที่ดินไปพัฒนาต่อเป็นโครงการบ้านจัดสรร หรือสร้างมูลค่าจากต้นทุนที่ดินที่มี ซึ่งหลังจากมีรายได้เข้ามาก็สามารถนำไปซื้อที่ดินแปลงใหม่เพื่อเก็บเข้าพอร์ตและรอการพัฒนาต่อไปได้
“หลายครั้งเราสามารถทำโครงการขายได้ ตัวอย่างเช่น 100 บาท แต่การซื้อที่ดินใหม่อาจจะเกินกว่า 100 บาทก็ได้ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของที่ดินแปลงนั้นเป็นหลัก ซึ่งก็ทำในแนวทางนี้มาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน”
นอกจาก “สะสม” สร้างพอร์ตเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์แล้ว “เจียระไน” ยังเป็นหนึ่งในหลักการทำงานที่ทำมาโดยตลอด ซึ่งการเจียระไนอาจจะเทียบได้กับการวิเคราะห์โครงการ เพราะที่ดินแต่ละแปลงมีศักยภาพและโอกาสแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการมองตลาด ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้ระยะเวลาเพื่อให้ได้ตามแผนงานที่วางไว้
“ตลอดเวลาที่ผ่านมากับหลายโครงการที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ เรามองว่าเพราะเรามาถูกทาง ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้มีมูลค่ามากขึ้น โดยเป็นการเจียระไนที่ดินเปล่าให้เป็นเพชร ถ้าเปรียบฝีมือในงานช่างเจียระไนถือว่าดีในระดับที่น่าพอใจ คือเต็ม 10 คงได้ 8 คะแนน เราอาจจะไม่ได้ลงทุนโครงการในสเกลใหญ่ ไม่หวือหวา แต่ก็มั่นคง และยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีก”
เวลาที่ใช่ ผลตอบแทนเพิ่มพูน
หนึ่งในเทคนิคการสร้างความมั่งคั่งคงต้องยกให้เป็นเรื่องของเวลาด้วย เพราะบางครั้งอาจไม่ต้องพัฒนาโครงการ แต่ใช้วิธีการปล่อยเช่าที่ดินเปล่าในพอร์ตเพื่อสร้างรายได้ ขณะที่บางครั้งอาจต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเร่งโอกาสให้มาเร็วขึ้น
ตัวอย่างเช่น การลงทุนธุรกิจบริการน้ำมันในชื่อแบรนด์ “S-station บางนา-ตราด กม.34” รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC จับกลุ่มเป้าหมายที่ใช้เส้นทางไปชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ซึ่งมีผู้ใช้บริการเข้าออกพื้นที่ให้บริการมากถึง 3,000-5,000 คนต่อวัน
“จากที่ดินเปล่า เราจัดสรรส่วนหนึ่งมาพัฒนาเป็นธุรกิจสถานีบริการน้ำมันที่สร้างรายได้จากการบริหารพื้นที่เช่า ส่วนที่ดินอีกหลายแปลงรอบๆ เช่น บางนา-ตราด กม.35 และ 36 จะได้รับอานิสงส์จากสิ่งอำนวยความสะดวกและความเจริญของชุมชนโดยรอบที่เราสร้างขึ้นด้วย ซึ่งแนวคิดนี้นับเป็นการบริหารความมั่งคั่งที่ต่อยอดได้อีกในอนาคต”
วางไข่ไว้ในตะกร้าหลายใบ
ดร.สืบวงษ์กล่าวว่าการลงทุนในสินทรัพย์หลายรูปแบบช่วยให้การบริหารจัดการความเสี่ยงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศและระดับโลกจะมีความผันผวนมากก็ตาม
ประสบการณ์จากช่วงวิกฤตในปี 2540 ทำให้เรียนรู้ และเข้าใจว่าการบริหารพอร์ตธุรกิจที่หลากหลาย ได้แก่ อาหารสัตว์ เครื่องยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ มีส่วนสำคัญอย่างมากกับการรับมือในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความผันผวน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) วิกฤตราคาน้ำมัน และการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังเป็นปัญหา ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าการวางไข่ไว้ในตะกร้าหลายใบอย่างที่ทำมาโดยตลอดจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับธุรกิจที่ดูแล
นอกจากนั้นล่าสุด ดร.สืบวงษ์ยังอยู่ระหว่างการศึกษาตะกร้าใบใหม่เพื่อใช้ในการวางแผนการลงทุนต่อไป นั่นคือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (กองทุน REIT) ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะใส่สินทรัพย์บางตัวไปในการลงทุนรูปแบบนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจะนับเป็นครั้งแรกที่ “แพทโก้ กรุ๊ป” ก้าวสู่โอกาสใหม่ๆ ด้านการลงทุน
“ที่สำคัญไม่แพ้การลงทุนคือเรื่องของการคบมิตร เพื่อนที่ดี บริษัทที่ดี และเน็ตเวิร์กที่ดี ทำให้มีโอกาสทำธุรกิจมากขึ้น เห็นช่องทางการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทั้งคุณแม่ของผม ภรรยา เพื่อน รวมถึงการทำงานเพื่อสังคมมีส่วนสำคัญอย่างมากในการให้คำแนะนำ และทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตและทำธุรกิจอยู่เสมอ” ดร.สืบวงษ์กล่าวถึงความสำเร็จที่เกิดจากการสนับสนุนของคนรอบตัว
ดร.สืบวงษ์ยังกล่าวปิดท้ายถึงหลักในการบริหารความมั่งคั่งว่า “จากประสบการณ์ทำให้รู้ว่าทุกอย่าง เกิดขึ้นแบบไดนามิกอยู่เสมอ ความสำเร็จไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป เพราะฉะนั้นต้องอัปเดตความรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้การบริหารความมั่งคั่งสามารถต่อยอดได้แบบไม่รู้จบ”
เรื่อง: กัญสุชญา สุวรรณคร ภาพ: กิตติเดช เจริญพร อ่านเพิ่มเติม:- กลยุทธ์ธุรกิจรีเทลในโลก METAVERSE กับกลุ่ม GEN Z ผู้เพิกเฉย
- ติดสปีด & รู้จริงโลกการลงทุน หนทางความมั่งคั่งตามสไตล์ “พสุ ลิปตพัลลภ”
- ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา G-ABLE อัพสปีดไอทีหมื่นล้าน
คลิกอ่านฉบับพิเศษ WEALTH MANAGEMENT & INVESTING 2022 และบทความทางด้านธุรกิจฉบับเต็มได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine