Amy Norman และ Stella Ma ไม่ต่างจากพวกผู้ประกอบการย่าน Bay Area ส่วนใหญ่ที่ปรารถนาเงินทุนสนับสนุนจากกลุ่ม VC นั่นทำให้ทั้งคู่ต้องเดินสายพบปะนักลงทุนจำนวนมากเพื่อเสนอธุรกิจของเล่นเด็กในรูปแบบ “กระเป๋าอุปกรณ์นักเดินทาง” โชคดีที่ตอนนั้นไม่มีนักลงทุนรายใดสนใจร่วมลงทุน
ธุรกิจของพวกเธอมีชื่อว่า Little Passports ซึ่งจะมีกลุ่มลูกค้าเป็นเด็กอายุระหว่าง 6-10 ปี พวกเธอจะจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าสมาชิกเหล่านี้ทางไปรษณีย์ สินค้าเป็นกระเป๋าบรรจุชุดอุปกรณ์ทำกิจกรรมที่สอดแทรกความรู้ทางภูมิศาสตร์ โดยคิดค่าบริการสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 10.95 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน ในปี 2009 ช่วงแรกที่ Amy Norman และ Stella Ma พยายามระดมทุน ปฏิกิริยาตอบกลับของนักลงทุนช่างเลวร้าย พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ว่า “หุ้นส่วนคนหนึ่งกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง ส่วนอีกคนมีลูกแล้วหนึ่งคน” “ไม่มีทางที่สองคนนี้จะทำโครงการนี้สำเร็จหรอก” คำพูดปรามาสเหล่านี้มาจากเหล่านักลงทุนที่มองว่าธุรกิจของพวกเธอจะพังไม่เป็นท่า แต่หลังจากนั้นเกือบ 8 ปีทั้ง Norman และ Ma ได้พิสูจน์ผลงานเป็นที่ประจักษ์ พวกเธอปลุกปั้นกิจการ Little Passports ขึ้นมาได้สำเร็จและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ในปี 2016 พวกเธอคาดว่ารายได้ของบริษัทจะพุ่งสูงถึง 30 ล้านเหรียญ และคาดการณ์ว่ากระแสเงินสดจะพลิกกลับเป็นบวกครั้งแรกในปีนี้ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนอิสระประมาณ 5 ล้านเหรียญในช่วงที่ทำธุรกิจ แต่พวกเธอกลับไม่ประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่าน VC เอาเสียเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีข้อดี เพราะนั่นทำให้พวกเธอขยายธุรกิจอย่างระมัดระวังและตั้งอยู่บนความพอประมาณ ไม่เทงบการตลาด หรือเช่าพื้นที่สำนักงานขนาดใหญ่ หรือว่าจ้างพนักงานที่ไม่มั่นใจว่าจะเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ Norman บอกว่า “พวกเราต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเองให้เร็วที่สุดรวมถึงเคร่งครัดในเรื่องความมีวินัยทางการเงิน” Norman วัย 42 ปี และ Ma วัย 44 ปี รู้จักกันที่ eBay ในเมือง San Jose ก่อนที่ทั้งคู่จะกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา ขณะทำงานอยู่ที่นั่น ทั้งคู่ต่างบ่มเพาะความคิดที่จะลงมือสร้างสรรค์ของเล่นเสริมทักษะความรู้ด้านภูมิศาสตร์โลกให้กับเด็ก ครอบครัวของ Ma อพยพมาจากเมือง Guangzhou ในประเทศจีน และเธอเรียนจบด้านเอเชียตะวันออกศึกษาจาก Harvard University และสามารถพูดได้ทั้งภาษาจีนกวางตุ้งและภาษาญี่ปุ่น ส่วน Norman แม่ของเธอมาจากประเทศอังกฤษ Norman จบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก Wharton University และเคยทำงานมาแล้วทั้งบริษัทผู้สอบบัญชี KPMG และบริษัทที่ปรึกษา McKinsey เดิมทีพวกเธอมีความเชื่อฝังหัวตามที่ได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ Silicon Valley ว่าการจะทำธุรกิจสตาร์ทอัพให้ประสบผลสำเร็จจำเป็นจะต้องมีเงินทุนสนับสนุนจาก VC แต่หลังจากธุรกิจของพวกเธอถูกปฏิเสธจากนักลงทุนครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งสองคนจึงตัดสินใจควักเงินส่วนตัวออกมาร่วมลงทุนทำธุรกิจคนละ 25,000 เหรียญ พวกเธอลงมือสร้างสรรค์อุปกรณ์ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น กระเป๋าจิ๋วสำหรับใส่บัตรกระดาษแข็ง สติกเกอร์ และของที่ระลึกต่างๆ เช่น จดหมายจาก Sam และ Sofia ซึ่งเป็นนักเดินทางรุ่นเยาว์ผู้เปี่ยมด้วยจินตนาการ จากนั้นพวกเธอได้นำของเล่นที่ทำขึ้นไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 50 ครอบครัว โดยผลการทดสอบพบว่า เด็กๆ รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ และอยากจะได้รับของเล่นแบบนี้อีก

คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "เรียนรู้โลกกว้างผ่านของเล่นสุดว้าว!" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กุมภาพันธ์ 2560
